เส้นทางของ 7 หนุ่ม BTS Pt.1

เส้นทางของ 7 หนุ่ม BTS Pt.1 ผู้มาพร้อมความรัก และการบุกเบิกเส้นทางความสำเร็จ

เส้นทางของ 7 หนุ่ม BTS Pt.1 ผู้มาพร้อมความรัก และการบุกเบิกเส้นทางความสำเร็จในเส้นทาง K-Pop

เส้นทางของ 7 หนุ่ม BTS Pt.1 ชายหนุ่มผู้มาพร้อมภาพลักษณ์ที่สดใส ทั้งการแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจ, ท่าเต้นที่แข็งแรงพร้อมเพรียง รวมถึงการออกแบบโชว์ที่อลังการและคาดเดาไม่ได้ในแต่ละครั้ง คือสิ่งที่ผู้ชมตั้งตารอคอยจากการแสดงสดของวง BTS ซึ่งทั้งพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ, สนามกีฬาแห่งชาติ, เครื่องบิน, สนามบิน และพระราชวัง ก็ล้วนเคยถูกใช้เป็น ‘เวที’ ของเด็กหนุ่มทั้ง 7 คนนี้มาแล้ว!

โดยหลังจากงานประกาศรางวัล Grammy Awards ครั้งที่ 63 ได้ผ่านพ้นไป พวกเขาก็เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นศิลปิน K-Pop กลุ่มแรกที่ได้เข้าชิงในสาขา ‘การแสดงเพลงป๊อปคู่หรือกลุ่มยอดเยี่ยม’ จากเพลง Dynamite

และได้รับเลือกให้ขึ้นแสดงในงานด้วย และแม้จะพลาดรางวัลไป (ผู้ชนะคือ เลดี้ กาก้า และ แอริอานา แกรนเด จากเพลง Rain On Me) แต่โชว์ของ BTS ที่ถูกจัดลำดับไว้เกือบท้ายสุดอันเป็นที่รู้กันว่ามีไว้สำหรับเหล่า ‘ตัวพ่อตัวแม่’ ของงาน ก็ทำให้เห็นว่าหนุ่มๆ กลุ่มนี้มีความสำคัญกับงานแกรมมี่มากเพียงใด

เส้นทางของ 7 หนุ่ม BTS Pt.1

แม้จะมีโควิด แต่ความสำเร็จและความก้าวหน้าก็ไม่ได้ถูกฉุดลงไปตาม ของ BTS

ขณะเดียวกัน เพลง Dynamite ที่ได้เข้าชิงรางวัลก็สร้างประวัติศาสตร์ไม่แพ้เจ้าของเพลง เพราะมันเป็นผลงานจากศิลปิน K-Pop ที่เปิดตัวอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ซึ่งเป็นการจัดอันดับซิงเกิลยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา ติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ และจนถึงวันประกาศผลแกรมมี่ (เช้าวันที่ 15 มีนาคมของบ้านเรา) เพลงนี้ก็ยังคงขึ้นชาร์ตที่อันดับ 43 หลังอยู่มาถึง 28 สัปดาห์

ซึ่งในปีนี้ BTS ไม่ได้มีแค่ Dynamite ที่โด่งดัง ทว่าซิงเกิลต่อมาอย่าง Life Goes On และเพลง Savage Love (Laxed – Siren Beat) เวอร์ชั่นรีมิกซ์ที่ร่วมงานกับ Jawsh 685 และ เจสัน เดอรูโล ต่างก็เปิดตัวที่อันดับ 1 เช่นกัน BTS จึงมีเพลงเปิดตัวอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ถึง 3 เพลงภายในปีเดียว ซึ่งไม่ใช่สถิติที่ศิลปินต่างชาติจะสามารถทำได้ง่ายๆ

จึงอาจกล่าวได้ว่า BTS ไม่เพียงยืนหนึ่งในฐานะศิลปิน K-Pop จากเกาหลีใต้ที่เก่งกาจด้านงานเพลง แต่พวกเขายังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้แก่ประเทศบ้านเกิดไปด้วยได้อย่างน่าอัศจรรย์

เส้นทางของ 7 หนุ่ม BTS Pt.1

มาทำความรู้จักกับหนุ่มแห่งความฝันทั้ง 7 กับ BTS เขาเป็นใคร และมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เส้นทางของ 7 หนุ่ม BTS Pt.1

We Are Bulletproof : เด็กหนุ่มทั้ง 7 ที่มาพร้อมกับฉายา ‘เกราะกันกระสุน’

BTS ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 7 คน คือ อาร์เอ็ม (RM – ชื่อเกาหลีคือ คิมนัมจุน) หัวหน้าวง, จิน (Jin – คิมซอกจิน) พี่ใหญ่ของวง, ชูก้า (Suga – มินยุนกิ), เจโฮป (J-Hope – จองโฮซอก), จีมิน (Jimin – พัคจีมิน), วี (V – คิมแทฮยอง) และ จองกุก (Jungkook – จอนจองกุก) น้องเล็กของวง โดยชื่อวงย่อมาจาก Bangtan Sonyeondan (‘บังทันซอยอนดัน’ หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘บังทัน’) ที่ในภาษาเกาหลีแปลว่า ลูกเสือที่ใส่เกราะกันกระสุน

และ Beyond The Scene ที่ในภาษาอังกฤษ มีความหมายโดยรวมคือ ผู้ที่คอยปกป้องวัยรุ่นจากอคติและความกดดัน พร้อมกับพัฒนาตนเองต่อไปอย่างไร้ขีดจำกัด ส่วนกลุ่มแฟนคลับของพวกเขามีชื่อเรียกว่า ‘อาร์มี่’ (ARMY : Adorable Representative M.C. for Youth) แปลได้สองความหมายคือ ทหาร เพราะบังทันคือเสื้อเกราะกันกระสุน เสื้อเกราะกับทหารจะอยู่ด้วยกันเสมอ เหมือนกับแฟนๆ ที่จะอยู่กับบังทันเสมอไป และอีกความหมายหนึ่งคือ ตัวแทนผู้ประกาศที่น่ารักสำหรับวัยรุ่น

เส้นทางของ 7 หนุ่ม BTS Pt.1

เดิมที BTS จะเป็นวงฮิปฮอปล้วน โดยมีนัมจุน, ยุนกิ และโฮซอกเป็นสมาชิกดั้งเดิม แต่ทางค่ายก็ตัดสินใจเปลี่ยนคอนเซปต์ของวงให้มีความเป็น ‘วงไอดอล’ มากขึ้นเพื่อให้เข้ากับตลาดเพลงกระแสหลัก จึงได้มีการเพิ่มสมาชิกที่ทำหน้าที่ร้องเพลงเข้ามาด้วย จนกลายเป็นสมาชิก 7 คนเช่นในปัจจุบัน

แต่ด้วยความที่สมาชิกแต่ละคนมีระดับความสามารถที่แตกต่างกันมาก บางคนแร็ปได้แต่เต้นไม่เป็น บางคนทั้งร้องเพลงไม่เป็นแถมเต้นไม่ได้ ทำให้สมาชิกแต่ละคนต้องใช้ความพยายามอย่างหนักมากในการฝึกฝนทักษะทั้งการร้องเพลง การแร็ป และการเต้น จนในที่สุด ก็ได้เดบิวต์ (Debut – เปิดตัวศิลปินใหม่) ในวันที่ 13 มิถุนายน 2013 ด้วยเพลง No More Dream

ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นวัยรุ่นที่มีเสน่ห์ เป็นธรรมชาติ เปี่ยมอารมณ์ขัน และเต็มไปด้วยพลัง, เนื้อหาเพลงที่พูดถึงการตามความฝันซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากวงไอดอลในรุ่นเดียวกันที่มักพูดถึงความรักเป็นส่วนใหญ่ บวกกับท่าเต้นที่แสดงถึงความแข็งแรงของร่างกาย และความ ‘ยาก’ ในระดับที่สมาชิกต้องร้องขอชีวิต ก็ทำให้ BTS ได้รับผลตอบรับที่ดีในการเดบิวต์

Music Video Breakdown: 'Blood Sweat & Tears' by BTS | Arts | The Harvard Crimson

Blood Sweat & Tears : เลือด, หยาดเหงื่อ และน้ำตา

แต่เส้นทางของไอดอลน้องใหม่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ด้วยความที่เป็นกลุ่มศิลปินจากค่ายเล็ก (ในขณะนั้น) จึงมักไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมากเท่ากับศิลปินจากค่ายใหญ่ BTS จึงมักถูกเลือกปฏิบัติในแบบที่ ‘ไม่ยุติธรรม’ บ่อยครั้ง เช่น เคยโดนตัดเวลาออกอากาศขณะแสดงในรายการเพลง, เคยโดนดูถูกว่าไม่มีความเป็นฮิปฮอปและเป็นแค่ไอดอลหน้าตาดี หรือแม้แต่เคยโดนกล่าวหาว่าลอกเลียนผลงาน เป็นต้น

แม้ระหว่างทางจะมีอุปสรรคขวากหนามคอยเกี่ยวดึงให้เสียหยดเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตาไปบ้าง แต่ด้วยผลงานที่โดดเด่น, การสนับสนุนของอาร์มี่ บวกกับความทุ่มเทและสามัคคีกันของสมาชิก ก็ทำให้บังทันฝ่าดงกระสุนในปีแรกมาได้ พร้อมกับรางวัล ‘ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม’ ในงานประกาศรางวัล Melon Music Awards 2013 ซึ่งอาร์เอ็มเคยกล่าวถึงความสามัคคีของ BTS ไว้ว่า “มันเหมือนกับพวกเราเจ็ดคนลงเรือลำเดียวกันน่ะครับ แม้เราจะมองกันไปคนละทิศ แต่เราก็ยังมุ่งหน้าไปในเส้นทางเดียวกัน”

จนในปี 2014 BTS ได้เดินทางไปลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อถ่ายทำรายการ BTS American Hustle Life เพื่อบอกเล่าถึงการเรียนรู้วัฒนธรรมอเมริกันฮิปฮอป และขึ้นเวทีแสดงสดเป็นครั้งแรกที่นั่น แต่เนื่องจากในขณะนั้น พวกเขายังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จึงมีผู้ชมเพียง 200 คน และถึงขั้นต้องแจกใบปลิวโปรโมตคอนเสิร์ตกันเอง แต่ก็ถือเป็นการแนะนำตัวเองในอเมริกาได้อย่างน่าประทับใจ และเป็นการเริ่มสร้างฐานแฟนคลับในโลกตะวันตกของบังทัน

กระทั่งพวกเขามีโอกาสชนะรางวัลที่ 1 ในรายการเพลงของบ้านเกิดเป็นครั้งแรก ด้วยเพลง I Need U และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่ออัลบั้ม The Most Beautiful Moment in Life: Young Forever ได้รับรางวัล ‘อัลบั้มยอดเยี่ยม’ ในงาน Melon Music Awards 2016 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาชนะรางวัลใหญ่ในวงการเพลง (ในภาษาเกาหลีเรียกว่า รางวัล ‘แดซัง’) ทำให้ BTS ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> เส้นทางของ 7 หนุ่ม BTS Pt.2

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี

>>>>> UFABET