10 เพลงช่วงเวลาการเป็นวัยรุ่น BTS

10 เพลงช่วงเวลาการเป็นวัยรุ่น BTS

10 เพลงช่วงเวลาการเป็นวัยรุ่น BTS เป็นวัยรุ่นก็เหนื่อยหน่อยนะ

10 เพลงช่วงเวลาการเป็นวัยรุ่น BTS ขอเริ่มต้นกันด้วยประโยคสุดคลาสสิคที่เจอได้บ่อย ๆ นะคะ สำหรับวันนี้เรามาเขียนรีวิวเพลงของหนุ่ม ๆ BTS อีกเช่นเคย ซึ่งครั้งนี้เราจะมาเขียน 10 เพลงที่พูดแทนใจและให้กำลังใจวัยรุ่นค่ะ ก่อนอื่น

“วัยรุ่นเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่วุฒิภาวะทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม จึงนับว่าเป็นวิกฤติช่วงหนึ่งของชีวิต เนื่องจากเป็นช่วงต่อของวัยเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะต้นของวัยจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างวัยรุ่นด้วยกันเอง และบุคคลรอบข้าง หากกระบวนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เป็นไปอย่างเหมาะสม โดยการดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิด จะช่วยให้วัยรุ่นสามารถปรับตัว ได้อย่างเหมาะสมบรรเทาปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น และเป็นทั้งแรงผลักดันและแรงกระตุ้นให้พัฒนาการด้านอื่นๆ เป็นไปด้วยดี”

นั่นคือความนิยามความหมายของวัยรุ่นค่ะ มาดูก่อนดีกว่าว่าวัยรุ่นที่อยู่ในเพลงของ BTS จะเป็นยังไงกันบ้าง สารภาพตามตรงว่าเลือกเพลงมายากมาก(อีกเช่นเคย) เพราะเพลงแนว ๆ นี้ของ BTS มันเยอะจริง แต่ก็เลือกมาแล้ว โดยเราขอไม่เอาเพลงที่เคยเขียนไปในหมวดอื่น ๆ มาปนนะคะ เพราะงั้นสามารถแลกเปลี่ยนกันมาได้ ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย

10 เพลงช่วงเวลาการเป็นวัยรุ่น BTS

1.No more dream

สำหรับเพลงนี้ มีแมสเสจที่ชัดเจนมากอยู่แล้วตั้งแต่ชื่อเพลง โดยเพลง No more dream เป็นเพลงที่ถามว่า “ความฝันของนายคืออะไร?” ในช่วงวัยรุ่น ไม่ว่าใครก็ประสบปัญหานี้ ความฝันของเราคืออะไร เราอยากเป็นอะไร ต้องการทำอะไร ทำไปแล้วจะดีหรือเปล่า จะมีใครเห็นด้วยหรือเปล่า

โดยเนื้อหาภายในเพลงจะเหมือนมีคนสองคนตอบโต้กันไปมาว่า ‘ความฝันของนายคืออะไร อยากมีบ้าน มีรถ มีเงิน แล้วแบบนั้นเรียกว่ามีความฝันหรือเปล่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเหรอถึงจะมั่นคง แบบนั้นโกหกหรือเปล่า นายโกหก(ตัวเอง)อยู่หรือเปล่า’

โดยตรงนี้เราว่าเพลงสื่อถึงจิตใจของคนเราตอนที่กำลังจะเริ่มต้นเลือกเส้นทางชีวิตค่ะ เนื้อเพลงที่เถียงกันไป เถียงกันมา ว่าต้องเลือกความฝันหรือเลือกคำพูดคนและความจริงอันโหดร้ายของโลก แต่สุดท้ายในเพลงไม่ได้สรุปว่าเลือกอันไหนดีกว่านะคะ เพลงเพียงแค่ถามและสอดแทรกข้อความที่ทำให้ไตร่ตรองความคิดความฝันของตัวเอง ส่วนตัวเราว่าด้วยเนื้อหาที่ตรงไปตรงมาของเพลงนี้ ฟังแล้วก็รู้สึกว่าสมเป็นเพลงของการเริ่มต้นการเป็นวัยรุ่นดีเหมือนกัน

เนื้อเพลงบางส่วน :

“นายฝันถึงอะไร ความฝันของนายคืออะไร
คืออะไรล่ะ มันคืออะไร
ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตยังไง ไม่รู้ว่าจะบินหนียังไง
ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไง ตอนนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะฝันยังไง
ลืมตา ลืมตาสิ ลืมตาของนายขึ้นมาเดี๋ยวนี้
เต้น เต้นมันตอนนี้เลย แล้วก็ฝัน ฝันมันซะตอนนี้เลย
หยุดลังเล ตัดสินใจให้เด็ดขาดไปเลย”

“นายฝันถึงอะไร ความฝันของนายคืออะไร
คืออะไรล่ะ มันคืออะไร
To all the youngsters without dreams.
(ถึงวัยรุ่นทุกคนที่ไม่มีความฝัน)”

2.If I ruled the world 10 เพลงช่วงเวลาการเป็นวัยรุ่น BTS 

“ถ้าครองโลกนี้ได้ ฉันจะทำมันทุกอย่างเลย” ความคิดนี้สมกับเป็นวัยเยาว์มากค่ะ เพลงนี้เต็มไปด้วยความคิดที่ดูน่าตลก โอเวอร์ ๆ แบบอยากจะเป็นแบบนั้น ทำแบบนี้ เพราะงั้นด้วยความที่เนื้อหาของเพลงเป็นแบบนี้ ทำให้ตัวตนในเพลงมีความ Narcissistic และ Emancipation อยู่มาก

ถ้าให้เราจินตนาการเพลงนี้เป็นคาแรคเตอร์หนึ่งล่ะก็ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราคงมองเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่กำลังอยู่ในวัยรุ่นตอนต้น วิ่งเข้ามาหาแม่ตัวเองที่กำลังทำงานหนักแล้วบอกว่า ‘ผมอยากจะครองโลก! ผมจะหาเงินให้ได้เยอะ ๆ !’

แต่ตอนนี้ฟังเพลงนี้ด้วยฟิลที่ต่างออกไปแล้วค่ะ เด็กตัวเล็ก ๆ คนนั้นโตขึ้นแล้ว มีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลกแล้ว ซึ่งโลกที่ว่าอาจไม่ใช่โลกใบใหญ่ของจริงหรือโลกของใคร แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโลกของตัวเอง ทำเพื่อเงิน ทำเพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัวตัวเอง มีท่อนหนึ่งที่เราชอบมากในเพลงนี้เลยคือ “ผมรู้ว่าความฝันนี้มันไร้สาระ แต่เพราะมันเป็นความฝัน เพราะแบบนั้นเอง มันถึงไม่เคยเป็นเรื่องตลก”

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ถ้าฉันไม่วิ่งตามความฝัน เส้นทางมันจะยิ่งไกลออกไปอีก
ฉันจะให้รางวัลตัวเองด้วยความฝันเหล่านี้แหละ
ถ้าฉันครองโลกนี้ได้จริง ๆ ล่ะก็ จะตะโกนคำว่า ‘บังทัน’ ออกไปให้ดังเลย”

3.Jump

เมื่อเป็นเด็กอยากโตเป็นผู้ใหญ่ไว ๆ แต่พอเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากลับอยากเป็นเด็กอีกครั้ง สำหรับเพลง Jump เป็นเพลงจังหวะสนุก ๆ ที่พูดการเติบโตของช่วงชีวิต เมื่อเป็นเด็กใฝ่ฝันว่าฉันอยากเป็นฮีโร่ สามารถกระโดดให้สูงขึ้นไปถึงดวงจันทร์ได้ แต่พอโตขึ้นมาเลือกเดินตามความฝันจนรู้สึกเหนื่อยล้า ก็มีช่วงเวลาที่อยากหยุดและหันหลังกลับไปซะอย่างงั้น เพลงนี้มีแมสเสจให้สำหรับคนล่าฝันและมีแอบแฝงความต้องการของ BTS ที่ต้องการทำเพลงส่งต่อความรู้สึกและกระโดดให้สูงขึ้นไปนั่นเองค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ตอนเป็นเด็กผมฝันว่าอยากเป็นฮีโร่
เป็นฮีโร่ที่กระโดดไปในที่สูง ๆ
แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
เพราะเวลามันได้ผ่านไปนาน ตอนนี้ได้โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว
แต่ถึงยังไงก็ยังอยากย้อนเวลากลับไปนะ”

“ไหนใครมีความฝันบ้าง ทุกคนลองยกมือขึ้นสิ
ความกังวลเอามันทิ้งไป แล้วเรามากระโดดกัน”

4.Regulate (BTS version)

Regulate เพลงนี้แต่เดิมเป็นเพลงของ Warren G ค่ะ แต่ BTS ได้มีโอกาสไปเจอและได้รับมิชชั่นจากเจ้าของเพลงโดยตรงว่าให้ไปเขียนเนื้อเพลงมาใหม่ในแบบของตัวเอง ซึ่งเราว่าเนื้อเพลงที่เขียนมาในเวอร์ชั่นของ BTS มันมีความเหมาะสมกับวัย(?)ในช่วงนั้นของหนุ่ม ๆ มากค่ะ

อาจเพราะด้วยความคิดตอนนั้น อายุเท่านั้น ประสบการณ์ตอนนั้น พอเนื้อเพลงออกมาเรารู้สึกว่านี่มันมีความเป็นวัยรุ้นวัยรุ่นอยู่เยอะมาก อย่างเช่นท่อนหนึ่งของทีมชูก้า วี จองกุกที่บอกว่า “แม้เวลาผ่านไปชีวิตผมก็เพิ่มมากขึ้น ผมก็ยังคงอยู่ตรงนี้ตลอด ในหัวเต็มไปด้วยความกังวล ตอนนี้ผมยืนอยู่ที่ไหน ผมก็สับสนอยู่เหมือนกัน” เพราะเป็นวัยรุ่นล่ะน้า… ตอนฟังคิดแบบนี้จริง ๆ ค่ะ (ฮา)

เนื้อเพลงบางส่วน :

“พวกเราใช้ชีวิตแต่ละวันด้วยความเหนื่อยหน่าย
พวกเราก็เหมือนเป็นปีเตอร์แพนที่อยู่ในแคริเบียน
แม้เวลามันกำลังผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แต่ถึงยังไงก็ไม่อยากโตเป็นผู้ใหญเลย”

5.Fire

สำหรับเพลง Fire เป็นอีกหนึ่งเพลงที่หลายคนคงจะรู้จักกันดีกันอยู่แล้ว โดยเพลงนี้นอกจากจังหวะเพลงหนัก ๆ ท่าเต้นเท่ ๆ เนื้อหาในเพลงก็เต็มไปด้วยความเป็น youth เช่นกันค่ะ ‘ใช้ชีวิตให้สมเป็นวัยรุ่นซะสิ มันเป็นชีวิตของนายเองนี่นา’

เนื้อหาของเพลง Fire จะเป็นแนวใช้ชีวิตซะ แพ้สักครั้งก็ไม่เป็นไรหรอก อยู่ในช่วงวัยนี้ทั้งทีก็ใช้มันให้เต็มที่หน่อยสิ แมสเสจเพลงนี้ชัดเจนมากค่ะ อาจไม่ได้มีเรื่องราวในเพลงว่าต้องทำแบบนี้ หรือมี verse ที่พูดประโยคให้เข้าใจยาก ๆ เหมือนเพลงอื่น ๆ ของ BTS แต่เราว่าเป็นเพลงที่ให้กำลังใจวัยรุ่นได้ยอดเยี่ยมอีกเพลงหนึ่งเลยค่ะ เป็นอีกเพลงที่เรามองว่ามันทำหน้าที่เอนเตอร์เทนได้ดีมาก ๆ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ใช้ชีวิตไปเถอะเพราะเรายังหนุ่ม
นายเป็นใครถึงจะเอาฉันไปเทียบกับคนอื่นนักหนา
ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย ก็เป็นแค่มนุษย์เท่านั้น”

“ทำตามใจนายเถอะ ชีวิตนี่มันเป็นของนาย
อย่าพยายามนักเลย แพ้มันซะบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกนะ”

6.Paradise

หลาย ๆ เพลงที่เขียนไปส่วนใหญ่ที่เพลงที่ไล่ตามความฝันของคนที่มีความฝัน และกำลังพยายาม แต่เพลง Paradise เนื้อหาของเพลงจะต่างออกไปค่ะ เพลงนี้จะกล่าวถึง ‘คนที่ไม่มีความฝัน’ ไม่คิดว่าอยากจะทำอะไร ได้แต่มองดูคนอื่นวิ่งไป และวิ่งตามเขาไปอย่างไร้จุดหมายในชีวิต เหนื่อยก็เหนื่อย ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าที่ยังคงมองไม่เห็นมันอีกไกลมั้ย มันจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่ก็ยังคงวิ่งตามอยู่

เพลงนี้เป็นเหมือนเพลงที่ช่วยปลดปล่อยความคิดตรงนั้นค่ะ เพลงนี้เป็นเพลงที่บอกว่าไม่เป็นหรอกแม้คุณจะไม่มีความฝันเหมือนคนอื่นเขา ถ้าวิ่งจนตามใครเหนื่อยล้าก็ลองหยุดพักหายใจมันสักหน่อยก็ได้ ไม่เป็นไรหรอกถ้าความฝันนั้นมันจะแตกต่างจากคนอื่นเขา มันก็ไม่เป็นไร เพลง Paradise จะบอกว่าเป็นเพลงให้กำลังใจวัยรุ่นที่หาตัวเองไม่เจอจนสายไปแล้วก็ได้ค่ะ

แต่ในตอนที่รู้สึกเสียใจเสียดายว่ามันสายไปแล้ว จริง ๆ การวิ่งตามใครอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ เพราะงั้นหยุดวิ่งตามคนอื่น แล้วมาทบทวนถึงการมีชีวิตของตัวเองดีกว่า เพราะ paradise มันอยู่กับลมหายใจของเราอยู่แล้วนั่นเอง

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ไม่เป็นอะไรหรอกนะ หากจะหยุด
คุณไม่จำเป็นต้องวิ่งไปโดยไม่มีเหตุผล
ถึงจะไม่มีความฝัน ก็ไม่เป็นอะไรเลย
หากคุณมีช่วงเวลาที่รู้สึกมีความสุขได้
ไม่เป็นอะไรหรอกที่จะหยุด
อย่าวิ่งโดยไม่รู้เป้าหมายอีกเลย
ถึงจะไม่มีความฝันก็ไม่เป็นอะไรเลย
เพราะทุกลมหายใจเข้าออกของคุณ
มันก็คือ paradise ของคุณแล้ว”

7.Magic Shop

สำหรับเพลง Magic Shop เพลงนี้อาจไม่ใช่เฉพาะเจาะจงว่าเพื่อวัยรุ่นเท่านั้น เพราะเพลงนี้มันสามารถปลอบโยนใครก็ได้ วัยไหนก็ได้ที่กำลังรู้สึกแย่ ๆ แต่เพลงนี้มาอยู่ในบทความนี้ของเราก็เพราะช่วงเวลาวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่จัดการความรู้สึกเสียใจ ความรู้สึกผิดหวัง ความรู้สึกพ่ายแพ้ได้ยากที่สุดแล้วค่ะ

ตอนเด็กอาจมีผู้ใหญ่คอยปลอบให้กำลังใจ พอโตขึ้นไปวัยที่เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วมันก็อยู่ในจุดที่ต้องจัดการความรู้สึกตัวเองให้ได้ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง หรือมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ช่วยไว้ แต่ในวัยที่เรียกว่ากำลังเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อหรือช่วงวัยต่อต้านนี้ มันอยู่ในจุดที่ทำตัวเป็นเด็ก ๆ ก็ไม่ได้แล้ว จัดการความรู้สึกตัวเองแบบพวกผู้ใหญ่กับบางทีกับบางเรื่องก็อาจไม่ไหวเพราะไม่ได้มีประสบการณ์อะไรมากขนาดนั้น

เพราะแบบนั้นเพลง Magic Shop ถึงอยู่ใบทความนี้ค่ะ เพลงนี้เป็นเพลงที่พูดแต่เรื่องที่เป็นความจริงเท่านั้น ไม่ใช่เพลงที่ปลอบใจว่าจะไม่เป็นอะไร ไม่ว่ายังไงก็ชนะแน่นอน หรืออะไรแบบนั้น แต่เป็นเพลงที่ให้พักหายใจใน Magic Shop สร้างประตูป้องกันตัวเองไว้เป็น self-zone บ้างก็ได้เพื่อให้เราหายเหนื่อยเพื่อใช้ชีวิตต่อไปข้างหน้าได้ แม้จะมีบางวันบางครั้งที่รู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมา รู้สึกอยากหายไปจากโลกนี้ขึ้นมา ลองมาสร้าง Magic Shop กัน ที่ ๆ ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้ ที่ ๆ เราสามารถฮีลตัวเองไว้ได้นั่นเองค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“วันที่คุณเกลียดการเป็นตัวเอง วันที่คุณอยากจะหายตัวไปตลอดกาล
มาสร้างประตูบานหนึ่งในหัวใจของคุณกันเถอะ
ถ้าคุณเปิดประตูนั้นออกและก้าวเข้าไป สถานที่นี้จะรอคุณอยู่เสมอ
เชื่อเถอะ มันจะไม่เป็นไร ผมจะปลอบโยนคุณด้วยร้านเวทมนตร์แห่งนี้
ในยามที่คุณกำลังดื่มชาอุ่น ๆ ในยามที่คุณมองขึ้นไปบนทางช้างเผือกแห่งนั้น
คุณจะไม่เป็นไรแน่นอน ในร้านเวทมนตร์แห่งนี้”

8.Anpanman

สำหรับเพลง Anpanman เพลงนี้ส่วนตัวเราชอบที่สุดในอัลบั้ม Tear เลยค่ะ เป็นเพลงที่ฟังพร้อมอ่านความหมายไปด้วยแล้วยิ้มเลย พอเราย้อนกลับไปฟังเพลงอย่าง If I ruled the world หรือ Jump แล้วก็รู้สึกว่า BTS เนี่ย โตขึ้นจริง ๆ เลยนะ จากเด็กที่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เป็นวัยรุ่น และมาถึงช่วงวัยรุ่นตอนปลายแล้ว

ความคิดและเนื้อหาของเพลงยังคงมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่ ฮีโร่ก็ยังอยากเป็นอยู่ แต่ตอนนี้เข้าใจโลกมากขึ้น ไม่ดื้อดึงอยากเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นแล้ว “มีเรื่องที่พอทำให้ได้ ก็จะทำมันให้อย่างเต็มที่ไปเลย แต่อย่าคาดหวังนักเลย

เพราะจริง ๆ แล้ว รู้ดีว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร่ไม่ได้หรอก” แต่เด็กที่โตมาเป็นหนุ่มแล้วใน If I ruled the world ที่เราจินตนาการขึ้นมาก็ยังยืนยันกับแม่ตัวเองอยู่ดีนะคะ ว่าจะเป็นฮีโร่ให้ได้เหมือนเดิม เป็นฮีโร่ไปทั้งแบบนี้แหละ ไม่ต้องมีพลังยิ่งใหญ่ แค่มีจิตใจและความพยายามที่เข้มแข็ง มันก็เพียงพอแล้ว

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ความจริงในใจ ผมกลัวจะล้มเหลว
กลัวทำให้คุณผิดหวัง
แต่ยังไงก็ตาม ถึงต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
ผมก็จะอยู่ข้างกายคุณ
ถึงจะล้มลงอีกครั้ง ถึงจะทำพลาดอีกครั้ง
ถึงจะตกลงไปในหลุมโคลนอีกครั้ง
เชื่อใจผมนะ เพราะผมคือฮีโร่”

9.So What

อีกเพลงที่มีแมสเสจที่ชัดเจนถึงความเป็น youth เลยค่ะ เพลงนี้เนื้อหากับชื่อเพลงก็ตามตัวเลยค่ะ So what? แม้จะมีเรื่องที่น่ากังวลมากแค่ไหน แม้จะมีคนเข้าใจเรื่องที่เราทำผิดไปบ้างก็ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ ไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจไว้ตลอดก็ได้ มาใช้ชีวิตในแบบของเรากันเถอะ ชีวิตที่พวกเราทั้ง young wild & free มาหัวเราะ พูดคุยด้วยความสนุกสนานกัน เพลงนี้เราว่าทำหน้าที่สร้างแรงบันดาลใจให้วัยรุ่นที่ต้องการลองทำอะไรใหม่ ๆ ได้ดีทีเดียวค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ผมไม่อยากหมดลมหายใจไปในตอนนี้
ผมไม่อยากต่อสู้ตอนนี้ ผมไม่อยากกังวล ชีวิตยังอีกยาว
ไปกันเถอะ ผมอยากใช้ชีวิตในตอนนี้
เบรกพังไปแล้ว เพราะงั้นเหยียบคันเร่งเพิ่มไปเลยแล้วกัน
สถานการณ์ของคนเราไม่เหมือนกัน
จะสนุกอะไรล่ะหากคุณรู้เรื่องทั้งหมดก่อน
คุณครูของผมชื่อความเจ็บปวด
เพราะแบบนั้นแหละเป็นแบบนี้แล้วยังไง แล้วมันจะยังไง”

10.Answer : Love Myself

เพลงนี้ส่วนตัวยกให้เป็นเพลงโปรดแล้วค่ะ (ฮา) สำหรับ Answer : Love Myself เพลงนี้เป็นเหมือนบทสรุปของซีรีส์ Love yourself เลยค่ะ ซึ่งก็ตรงตัวเลย เพลง Love Myself เนื้อหาในเพลงก็คือการรักตัวเอง อันนี้ไม่ว่าจะวัยไหน ๆ ก็มีช่วงเวลาแบบนี้ทั้งนั้น ช่วงเวลาเสียใจ ผิดหวังในตัวเอง

แต่แน่นอนค่ะว่าเรายกให้อยู่ในบทความนี้เพราะช่วงเวลาของวัยรุ่นนั้นมันยิ่งใหญ่มาก เป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ของใครหลายคน เพราะแบบนั้นเราเลยคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เราสามารถใช้ไว้ debate ไอ้ประโยคอย่าง ‘เป็นวัยรุ่นก็เหนื่อยหน่อย’ ได้เลยค่ะ

อย่างในเนื้อเพลงมันจะมีท่อนที่บอกว่า “ตอนที่ฉันล้มลงก็จะปะทะกับดวงดาวมากมายอย่างนั้นเหรอ เป้าของลูกศรนับพันที่ส่องประกายนั้นมีเพียงตัวฉันคนเดียวอย่างนั้นหรือเปล่านะ” กลุ่มดาวที่เป็นเหมือนลูกศรกำลังส่องมาทางเราในก็เหมือนปัญหาช่วงชีวิตวัยรุ่น แต่ถึงอย่างนั้นกลุ่มดาวพวกนั้นก็ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะรักตัวเอง ไม่ว่าจะตัวเองในเมื่อวาน ตัวเองในวันนี้ หรือว่าตัวเองในวันพรุ่งนี้ และเพราะแบบนั้นแหละไม่ว่ายังไงการเป็นวัยรุ่นที่แม้จะเหนื่อยแค่ไหน มันก็ยังคงสวยงามและมีสีสันในแบบของมันนั่นเองค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ตอนนี้มาให้อภัยตัวเรากันเถอะนะ
ชีวิตของเรายืนยาว
เชื่อใจตัวเองเมื่อต้องอยู่ในเขาวงกต
เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้น
ก็จะเป็นเวลาของฤดูใบไม้ผลิเสมอ”

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> 10 เพลงเนื้อหาสะเทือนใจ BTS

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เกมออนไลน์