10 เพลงรักฉบับ BTS

10 เพลงรักฉบับ BTS สื่อรักผ่านบทเพลง

10 เพลงรักฉบับ BTS สื่อรักผ่านบทเพลงในแบบลูกผู้ชาย

10 เพลงรักฉบับ BTS สำหรับบทความเพลงของ BTS ในครั้งนี้เป็นเนื้อหาเพลงเกี่ยวกับความรักของพวกเขา ผ่านรูปแบบเพลงที่พวกเขา แต่งกันขึ้นมาด้วยไอเดียและความรู้สึกของตัวเอง ครั้งนี้เราเลยจัดให้เลยดีกว่า สำหรับ BTS หรือวงบอยแบนด์ที่มีหัวใจในการทำเพลง ‘เพื่อชีวิต’ มาตลอดแบบนี้ ในอัลบั้มของพวกเขาจะมีเพลงรักแบบไหนกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลยค่ะ!

1.Intro : Skool Luv Affair

สำหรับเพลงแรกในบทความนี้ เราขอยกเพลงนี้มาเลยค่ะ สำหรับเพลง Intro : Skool Luv Affair เป็นเพลงที่แบ่งออกเป็นสามพาร์ท โดยมี ชูก้า เจโฮป และอาร์เอ็ม ร้องตามลำดับ เนื้อหาในเพลงจะแสดงถึงความรักในมุมมองของทั้งสามหนุ่ม ทั้งด้านดนตรี และเนื้อหาของเพลง

อย่างพาร์ทของชูก้าคือพาร์ทที่มีความละมุน อบอุ่น เหมือนรักในฤดูหนาวที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็อยู่ได้ถ้ามีเธอ ส่วนของเจโฮปจะแสดงถึงความสดใส ร่าเริง เยาว์วัย ได้กลิ่นอายของการเป็นซัมมอร์เลิฟที่เปี่ยมไปด้วยความหวังปนไปด้วย และสุดท้ายพาร์ทของอาร์เอ็ม พาร์ทที่เป็น ‘บังทันสไตล์’ ที่แท้จริง

อย่างที่เราบอกไปว่า เพลงบังทัน = เพลงเพื่อชีวิต เพราะแบบนั้นในพาร์ทของอาร์เอ็มความรักของมุมมองของเพลง BTS จึงเป็นเหมือนปรัชญา ที่มีทั้งความสุข ความเศร้า ปนๆ กันไป ความรักในชีวิตของคนเรามันก็ประมาณนี้นั่นแหละ

อย่างในเนื้อเพลงจะมีท่อนหนึ่งที่บอกว่า ‘ผมเป็นคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ แต่คุณกลับเลือกคนที่ทำให้คุณร้องไห้ ก็อย่างที่ว่านั่นแหละนะ นี่มันเรียกว่าความรักนี่นา’ และนอกจากเนื้อหาแล้ว เพลงนี้ยังมีกิมมิคเล็ก ๆ คือการดีเบตกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างสามคนแทรกเข้ามาให้รู้สึกสนุกด้วยค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

ตอนที่เรามีรักก็ทำให้มันร้อนแรง

ตอนที่เราร้องเพลงก็ทำให้มันสุดๆ

เร่าร้อนกันหน่อยพวก

ดุเดือดขึ้นอีกหน่อย

นี่แหละบังทันสไตล์

บังทันสไตล์ บังทันสไตล์

2.Boy in Luv 10 เพลงรักฉบับ BTS

‘บอกรักไปตรงๆ นี่แหละ รักแล้วบอกเลย เราชอบเธอนะเว้ย นักเลงพอ’ สำหรับเพลง Boy in Luv เป็นเพลงในมินิอัลบั้มที่ชื่อว่า Skool Luv Affair เป็นเพลงรักที่ดุดัน ตามสไตล์ลูกผู้ชาย แบบผู้ช้ายผู้ชายจริงๆ เพลงนี้เนื้อหาของเพลงไม่ได้มีอะไรมาก นอกจากการบอกรัก บอกว่าอาการกระวนกระวายใจของเราเธอรับรู้มันบ้างไหม ข้างในมันคับอกคับใจไปหมดที่เธอดูไม่แคร์ ไม่รับรักเราเลยสักที อยากเป็นโอปป้าของเธอจะแย่อยู่แล้วนะ! (ฮา)

นอกจากสิ่งที่เพลงนี้สื่ออย่างตรงไปตรงมาแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่แฝงอยู่ในเพลงที่พอมาฟังในปัจจุบันตอนนี้เรารู้สึกได้เลยคือช่วงวัยของบังทันตอนนั้นที่ทำเพลงนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ถูกที่ถูกทาง สมกับความเป็น youth ไปหมด ความรักที่เกิดขึ้นในช่วงไฮสคูล กับอายุของหนุ่มๆ ในตอนนั้นพอฟังแล้วมันทำให้เรารู้สึกว่า ‘วัยรุ่นเนี่ย ความรู้สึกชอบใครสักคนมันก็ประมาณนี้แหละนะ’

พอย้อนกลับไปฟังดู เพลงมันก็สมกับเป็นบทเพลงรักของวัยรุ่นดีเหลือเกิน เพราะพออายุมากขึ้น หลายๆ อย่าง หลายๆ ปัจจัยอาจไม่สามารถบอกได้แล้วอย่างตรงไปตรงมาเท่าตอนที่อยู่ในวัยนั้นเสียแล้ว บังทันเองในวัยนี้ก็คงทำเพลงรักที่มีเนื้อหาสไตล์ Boy in Luv ไม่ได้อีกแล้ว พอคิดแบบนั้ก็รู้สึกว่าเป็นเพลงรักที่อยู่ได้ถูกที่ถูกทางจริง ๆ เลยค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

ทำไมเธอต้องมาเขย่าหัวใจของฉันแบบนี้

ทำไมเธอต้องมาทำให้หัวใจของฉันสั่นด้วย

ทำไมถึงมาเขย่าหัวใจฉันเล่นแบบนี้นะ

มาเขย่าหัวใจของฉัน มาเขย่าแบบนี้

3.Just One Day

หนีจากซังนัมจาสไตล์มาเป็นผู้ชายนุ่มๆ อบอุ่นของเธอกันบ้าง สำหรับเพลง Just One Day เป็นเพลงจังหวะช้า ๆ นุ่ม ๆ เนื้อหาในเพลงก็ตามชื่อเพลงเลย คือ Just One Day ขอแค่วันเดียวก็ได้ที่ฉันได้อยู่กับเธอ ได้จับมือเธอเอาไว้ แค่วันดียวก็ยังดี

เนื้อหาในเพลงก็คือการเต๊าะสาวอีกแบบหนึ่ง คือถ้าเพลง Boy in luv คือหนุ่มแบดบอยที่กล้าบอกรักสาวอย่างตรงไปตรงมาพร้อมเป็นพ่อบ้านใจกล้าของเธอในอนาคตแล้วล่ะก็ เพลง Just One Day ก็เหมือนเพลงในโลกคู่ขนานของหนุ่มเนิร์ดที่ได้แต่จินตนาการถึงเธอ ไม่ค่อยกล้าเข้าไปจีบ คิดเอาเองว่าได้ไปปาร์ตี้ด้วยกัน ดูหนังด้วยกันคงดี ไหนจะมอนิ่งคิสที่คิดไปเองถ้าหากคบกันอีก และคำพูดมากมายที่อยากบอกให้ฟัง ถ้ามีแค่วันเดียวที่ได้บอกออกไปก็คงดี นั่นเองค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

หวังว่าจะมีสักหนึ่งวันที่ผมจะได้อยู่กับคุณ

หวังว่าจะมีสักหนึ่งวันที่ผมได้จับมือคุณเอาไว้

หวังว่าจะมีสักหนึ่งวันที่ผมจะได้อยู่กับคุณ

แค่วันเดียว (ขอแค่วันเดียว)

หวังเพียงว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน

4.Miss Right

ยังคงอยู่ในมินิอัลบั้ม Skool luv affair อีกครั้ง (ฮา) สมกับชื่ออัลบั้มนั่นแหละค่ะ เพลงรักเยอะสุดแล้ว (ฮา) สำหรับเพลง Miss Right เพลงนี้คงเป็นเพลงที่อยู่ในใจใครหลายๆ คน ถ้าพูดถึงเพลงรักของ BTS แล้ว เพลงนี้จะขาดไปไม่ได้เลย เพลง Miss Right เป็นเพลงจังหวะกลางๆ ที่ฟังแล้วรู้สึกสบายๆ เนื้อหาเพลงไม่ได้เป็นเพลงรักที่บอกรักเธอจนใจจะขาด ไม่ได้เป็นเพลงรักที่อึดอัดเกินไปหรือหลวมเกินไป

เป็นความพอดี ๆ ที่เกิดขึ้น เป็น Miss Right ที่เป็น Miss Right จริง ๆ เนื้อเพลงเรียบ ๆ แต่มีพลัง มีความ philosophy ในเนื้อเพลงเล็ก ๆ ตามสไตล์ BTS อย่างเช่น ‘คุณก็เหมือนกับทะเลในฤดูหนาวที่ผมอยากจะเดินเรื่อยไป’ หรือ ‘ผมวาดถึงอนาคตไว้ มีรองเท้าเด็กเล็กที่อยู่ระหว่างรองเท้าคู่ของเรา’ และเราคิดว่าเพลงนี้สื่อให้เห็นสิ่งที่เรียกว่าความรักได้เป้นอย่างดี

คือในเนื้อเพลงบอกว่าแม้เธอจะแต่งตัวแบบไหน แต่งหน้าหรือเปล่า มีลูกติดด้วยไหม ถ้ามันเป็นความรักก็คอความรัก ฉันรักเธอก็คือฉันรักเธอ ไม่ต้องเพอร์เฟ็คขาดไหนหรอก ก็เหมือนจิ๊กซอที่แต่ละคนแต่ละคู่ต้องหาความพอดีของกันให้เจอ เราคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่สื่อถึงความรักได้ดีมาก ๆ อีกเพลงหนึ่งเลยแหละค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

เพราะคุณคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะรัก คุณคือผู้หญิงที่ดีที่สุดของผม

ผมอยากอยู่กับคุณทุกๆวัน ผมอยากเป็นลมหายใจของคุณ

เพราะคุณคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะรัก คุณคือผู้หญิงที่ดีที่สุดของผม

ผู้หญิงแบบคุณคงมีจริงแค่ในละคร

อากาศดีชะมัด ผมคิดว่าเราสองคนน่าจะเข้ากันได้

อยากออกไปเดินเล่นด้วยกันไหม?

บรรยากาศช่างเป็นใจ ผมคิดว่าเราสองคนน่าจะเข้ากันได้

ผู้หญิงดีๆ ที่มีแต่ในนิยาย

สำหรับผม ก็คือคุณ

5.War of hormone

War of hormone เป็นเพลงที่โดยส่วนตัวแล้ว เราชอบงานดนตรีมากอีกเพลงหนึ่ง เพลงนี้เป็นเพลงฮิปฮอปที่มีโครงสร้างเป็นคลาสสิคร็อคและพังค์ผสมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเสียงกีต้าร์ที่แทรกผสานกับเสียงกลองจังหวะหนักหน่วง ทำให้บีทเพลงนี้น่าสนใจมาก และแน่นอนว่าเนื้อเพลงและ content ของเพลงที่นำเสนอก็น่าสนใจมากเช่นเดียวกัน

เพลง War of hormone โดยรวมจะกล่าวถึงความสัมพันธ์ของผู้ชายและผู้หญิงที่ดึงดูดกันและกัน หรือก็ตามชื่อเพลงนั่นแหละคือ War of hormone และถ้ามองให้ลึกลงไปอีก เนื้อหาของเพลงนี้จะแอบเรตนิด ๆ ว่าด้วยเรื่องของฮอร์โมนที่พลุ่งพล่านของผู้ชายที่มองผู้หญิงที่ตัวเองชอบ จะว่าไปเพลงนี้เราแอบมองว่ามันเป็นเหมือนเพลงภาคต่อจาก Boy in luv ในเวอร์ชั่นที่โตขึ้นนะ จากเด็กหนุ่มที่โตขึ้น เป็นชายหนุ่มที่ขี้หลีและมุกเต๊าะเยอะขึ้นกว่าเดิม(ฮา) นั่นเองค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

ผู้หญิงเป็นดั่งของขวัญยอดเยี่ยมที่สุด

สิ่งที่ผมปรารถนาคือคุณเท่านั้น แค่คุณเท่านั้น

แค่เป็นคุณ ผมก็โอเค

ให้ผมทนอย่างนี้ไปทุกวันไม่ไหวนะ

ด้านหน้าของคุณก็เยี่ยม ด้านหลังของคุณก็ดูดี

ดีทุกส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้า

6.I Like It PT.2

ด้วยบีทเพลงจังหวะน่ารักๆ เนื้อหาและท่าเต้นที่ชวนให้อมยิ้ม เพลง I Like It PT.2 คงเป็นเพลงที่อยู่ในใจหลายๆ คนได้ไม่ยาก สำหรับเพลง I Like It PT.2 เป็นเพลง OG ภาษาญี่ปุ่นของ BTS ซึ่งตอนนี้มีเวอร์ชั่นภาษาเกาหลีให้ฟังใน Comeback show ไปแล้ว

สำหรับเนื้อหาเพลงนี้ จะเป็นความรักที่ไม่สมหวัง แต่ก็ไม่ได้เศร้ามากมาย ฟังให้สนุกสนานได้ง่ายๆ เป็นเหมือนรำลึกความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเก่าที่เรายังคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาด้วยกัน ไม่ว่าจะสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้ไปด้วยกัน หรือการยังรักและรอคอยเธอกลับมาอยู่

แม้จะได้แต่คอยส่องเรื่องราวในของเธอในโซเชียลวนไปก็เถอะ ตอนนี้จะเหมือนไม่รู้จักกันแล้ว แต่เธอก็ดูน่ารักเหมือนเดิมอยู่ดี เห็นเปลี่ยนสเตตัสว่าโสด ก็เลยกดไลค์ให้ซะหน่อยก็แล้วกัน (ฮา) เรื่องราวมันก็ประมาณนั้นนั่นเองค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

วันนี้มีความทรงจำมากมายหลั่งไหลวนเวียนเข้ามา

เส้นผมที่ยาวสลวยของเธอ ทำให้ผมอยากย้อนกลับไป

เวลาว่างๆผมจะก้มมองไอ้หน้าจอสีฟ้านั่นตลอดเลย ผมเริ่มจะไม่ชอบมันแล้วล่ะ

ทุกครั้งที่ผมกดไลค์ ผมก็จะพยายามติดต่อเธอ

ฮัลโหล? ผมขอให้เธอจำเบอร์ผมได้แล้วติดต่อกลับมานะ

ผมยังแข็งแรงดีนะ ก็แค่อยากบอกว่าเดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีก

บอกผมด้วยก็ดีนะ ว่าเธออยากเจอผมไหม?

7.Blood Sweat & Tears

สำหรับเพลงนี้ บอกเลยว่าคิดเยอะมาก คิดหนักเลยว่ามันควรอยู่ในบทความนี้ด้วยหรือเปล่า เพราะเป็นเพลงที่เนื้อหาค่อนข้าง deep พอสมควร เพลง Blood Sweat & Tears เป็นเพลงแรกๆ ที่เราอ่านเนื้อเพลงแล้วไม่เข้าใจเลยค่ะ ว่าต้องการสื่อถึงอะไร ในครั้งแรกๆ ต้องอ่านวนหลายๆ รอบแล้วตกตะกอนแบบ ‘คิดว่าเป็นงี้นะ’ ไปเอง ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดเหมือนกันมั้ยนะคะ

สำหรับเพลง Blood Sweat & Tears เป็นเพลงรักที่เกินคำว่ารักไปแล้วค่ะ มันคือรักที่ลุ่มหลง มันคือความมัวเมา หลงใหล คลั่งไคล้ หรือเป็นอะไรที่ลึกลงไปในจิตใจคนเรามากกว่าความรัก มันคือการรักมากจนถอนตัวไม่ได้ ยอมให้ทุกอย่างที่มีของตัวเองไป อย่างชื่อเพลงเลย คือ เลือด เหงื่อ และน้ำตา สามสิ่งบนชื่อเพลงนี้มันคือทั้งหมดของชีวิตคนเราแล้ว เสียเลือดคือชีวิตและความตาย เสียเหงื่อคือต้องพยายามอย่างหนัก เสียน้ำตาคือแม้จุดนั้นจะต้องผิดหวัง เสียใจ เจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตามก็ยอมทั้งหมด

ในโลกนี้ส่วนตัวเรายังคิดไม่ออกหรอกค่ะ ว่ามีอะไรทำให้คนยอมจ่ายของอะไรที่ราคาแพงในชีวิตขนาดนั้น แต่เพลงนี้เราคิดว่าหนุ่มๆ หมายถึงความฝันค่ะ ความฝันของ BTS ต่อให้ต้องเสียเลือด เหงื่อ และน้ำตาไปเท่าไหร่

ต่อให้เป็นการเต้นหรือการโชว์ครั้งสุดท้ายอะไรก็ยอมจ่ายทั้งนั้น แลกกับสิ่งไหนที่ได้มาไม่ว่าจะมีพันธนาการอะไรรัดตัวอยู่ก็ตาม แน่นอนว่าบางทีเพลงนี้อาจแปลได้ว่าหมายถึงความรักหนุ่มสาวธรรมดาที่ทุ่มเทกันสุดๆ ก็ได้ แต่เนื้อหาที่สอดแทรกเข้ามามันรู้สึกหนักจริง ๆ ค่ะ และไหนงานดนตรีที่ดีมาก ๆ ไหนจะโยงเข้ากับ Demian ได้อีก เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่ content เยอะจริง ๆ สำหรับเพลงนี้

เนื้อเพลงบางส่วน :

ผมลุ่มหลงเสพติดในพันธนาการของคุณ

ผมไม่อาจรับใช้ใครคนอื่นที่ไม่ใช่คุณได้

แม้รู้ว่าข้างในจอกศักดิ์สิทธิ์คือยาพิษ แต่ผมก็ดื่มเข้าไป

เลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตาของผม

การเต้นครั้งสุดท้ายของผม

เอามันไปให้หมด เอาไป

เลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตาของผม

ลมหายใจอันเย็นเยือกของผม

เอามันไปให้หมด เอาไป

ผมต้องการคุณ ต้องการมากขึ้นกว่านี้

8.DNA

สำหรับเพลง DNA เป็นเพลงรักที่เรียบ ๆ ง่ายๆ แต่ก็เป็นเพลงที่เราทำความเข้าใจยากที่สุดเหมือนกัน (ฮา) ในความเรียบ ๆ นั้น มันมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากเพลงอื่น ๆ อย่างที่อาร์เอ็มได้ตอบไว้กับบิลบอร์ดว่านี่มันเป็นเพลงแห่งจุดเริ่มต้นบทที่สองของ BTS จริง ๆ

ด้วยเนื้อหา ด้วยเทคนิคทางงานดนตรี ส่วนตัวเราชอบเพลงนี้นะ ดนตรีที่เป็นเสียงกีต้าร์คลอไปทั้งช่วงอินโทรและอื่น ๆ คือดีมาก แต่เนื้อหาเป็นอะไรที่เราเข้าใจยากมากค่ะ เป็นเพลงรักที่เนื้อหาเพลงมันเรียบเกินไป เรียบจนผิดวิสัยเพลงของ BTS พออ่านบทสัมภาษณ์ต่อก็รู้สึกว่าความเรียบง่ายของเนื้อหาเพลงมันก็ไม่ผิดอะไร ไม่เห็นต้องคิดเยอะไป

อย่างที่ท่อนหนึ่งของเพลงบอกนั้นแหละค่ะ ‘นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ’ นี่เป็นความตั้งใจของหนุ่มๆ แล้ว เพลง DNA เป็นเพลงที่แสดงความรู้สึกของความรักที่สดใหม่และทะเยอทะยานในรูปแบบหนึ่ง ‘ว่าเราสองคนเชื่อมถึงกันโดยพรหมลิขิตตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ’

เนื้อเพลงบางส่วน :

คว้ามือของผมที่กำลังยื่นไปหาคุณไว้

เพราะมันคือสิ่งที่โชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว

ความรักครั้งนี้ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลยนี่

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญหรอกนะ

พวกเราน่ะแตกต่างกันมากเลยนะ ที่รัก

เพราะพวกเราคือบุคคลที่ค้นพบโชคชะตาของตัวเองจนเจอไง

ตั้งแต่วันที่เกิดจักรวาลขึ้นครั้งแรก

ผ่านมานานหลายศตวรรษ

แต่ไม่ว่าจะเป็นชาติที่แล้วหรือชาติหน้าก็ตาม

เราก็จะยังคงอยู่ด้วยกันตลอดไป

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญหรอกนะ

เพราะพวกเราคือบุคคลที่ค้นพบโชคชะตาของตัวเองจนเจอไง

9.Outro : Her

Outro : Her เป็นอีกเพลงที่ส่วนตัวแล้ว เราชอบมากค่ะ Outro : Her เป็นเพลงที่อยู่ในมินิอัลบั้ม Love yourself : Her เป็นเพลงสุดท้ายที่ฟังแล้วค่อนข้างจบแบบปลายเปิด BTS เป็นวงที่ทำเพลงคุมธีมอัลบั้มตลอดค่ะ

เพลง Outro : Her เป็นเหมือนเพลงที่มีไว้เชื่อมกับอัลบั้มซีรีย์ Love yourself ต่อไปคือ Tear นั้นเอง เพราะงั้นในพลงนี้เราจะเห็นว่ามีประโยคที่บอกว่า ‘I call you her, cuz you’re my tear’ อยู่ในเพลงด้วย และเนื้อหาโดยรวมในเพลง แน่นอนว่านอกจากงานดนตรีที่โตขึ้นมากแล้ว เนื้อหาที่ ‘โตไปตามช่วงวัย’ ก็ยังคงเป็นแบบนั้น

เพลงนี้เราว่าเป็นเพลงที่กล่าวถึงความรักในมุมมองของคนที่อยู่ในช่วงวัย 20 ขึ้นไปได้ดีมาก ก็คือความรักไม่ได้แปลว่าความสุขเสมอไป ไม่ใช่การอยากครอบครองอยากเป็นโอปป้าของเธอในแบบ Boy in luv อีกแล้ว ความรักมีทั้งเรื่องที่มีความสุข และเรื่องที่ทำให้เราผิดหวังเสียใจ

ขอยกประโยคที่อาร์เอ็มเคยตอบในบิลบอร์ดมาค่ะ “หากคุณอยากจะรักใครสักคน คุณต้องรู้เอาไว้ว่าคุณจะต้องมีน้ำตา และมีแม้กระทั่งความเกลียดชังในความรัก ผมว่าความรักรวมส่งเหล่านี้เอาไว้ทั้งหมดครับ นี่ล่ะครับคือสิ่งที่ผมพยายามจะบอกออกมา มันคือความซับซ้อนครับ” (จาก : BTS Explain Concepts Behind ‘Love Yourself: Her’ Album: ‘This Is the Beginning of Our Chapter Two’)

และไหนจะท่อนของชูก้าและเจโฮปที่พูดถึงการปกปิดตัวตนบางอย่างที่ไม่ดี เพื่อให้ตัวเองเป็นคนอื่นในแบบที่เป็นแล้วเขาสบายใจ เหมือนความสัมพันธ์ของคนจริง ๆ ที่ต่างคนต่างมีข้อเสีย แบบมาพบกันครึ่งทางนะ อะไรแบบนั้น เพราะงั้นเราเลยขอเลือกเพลงนี้มาเป็นหนึ่งเพลงที่ตอบมุมมองทางด้านความรักของหนุ่ม ๆ ที่โตขึ้นมานั่นเองค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

ยังไงก็ตาม ผมอยากเป็นคนที่ดีที่สุดเพื่อคุณ

คงเป็นไปตามธรรมชาตินั่นแหละ

เพราะคุณคือโลกทั้งใบของผม

ตอนที่คุณบอกว่าอยากหมดลมหายใจไปพร้อมผม

ผมสัญญาว่าจะเป็นผู้ชายที่คุณต้องการ

พระเจ้า ผมสาบานกับตัวเอง

ซับซ้อนเหลือเกิน

แต่ผมก็มองหาความรักอยู่

ถ้าคุณกอดผมเอาไว้ ผมไม่สนใจหรอกว่าจะไม่ใช่ตัวตนจริง ๆ ของตัวเองไหม

คุณคือจุดเริ่มต้นและจุดจบของผม

10.Epiphany

ถ้าพูดถึงเพลงที่มีแมสเสจที่แข็งแรงหนักแน่นแล้วล่ะก็ เพลง Epiphany จะเป็นอีกเพลงหนึ่งที่ถูกพูดถึงแน่นอนค่ะ เพลงนี้เป็นอีกเพลงนอกจาก BS&T ที่เราแอบคิดว่าควรเอาไว้ในบทความนี้ดีมั้ยนะ เพราะมันออกจะ ‘แตกต่าง’ จากเพลงอื่น ๆ ในบทความไปซะหน่อย แต่พอคิดไปคิดว่า คำว่าเพลงรักมันไม่ได้หมายถึงแค่รักแบบคู่รักซะหน่อย รักมันหลายรูปแบบไม่ใช่เหรอ ทำให้เพลงนี้ถูกเลือกมาค่ะ

สำหรับ BTS กับแคมเปญ Love yourself ที่ทำขึ้นมาเพื่อส่งต่อให้ทุกคนรักตัวเองมากขึ้นนั้น ‘นี่มันเป็นเพลงที่มีแมสเสจที่ยิ่งใหญ่สุดๆ ไปเลยไม่ใช่เหรอ’ เราเคยฟังเพลงๆ หนึ่งชื่อ 命に嫌われている。ในเพลง มีท่อนหนึ่งบอกว่า ‘ไม่เป็นไรหรอกถ้าฉันจะตายไป แต่ยังอยากให้คนรอบกายมีชีวิตอยู่ หากมีชีวิตอยู่โดยโอบกอดความย้อนแย้งนี้ไว้ คงโดนโกรธน่าดู’ ทำให้รู้เลยแหละว่าการรักตัวเองนี่มันยากจริง ๆ นะ

อาจเพราะความเห็นแก่ตัวที่ไม่อยากเจ็บปวดที่เห็นคนอื่นจากไปหรือเปล่า หรือเพราะการหวาดกลัวเรื่องราวในชีวิตของตัวเองเลยไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก หรือแค่เพราะเป็นจูนิเบียวเฉย ๆ ดาร์คเข้าไว้ถึงจะเท่ หรือจะเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่

เพลง Epiphany เป็นเพลงที่หนักแน่นในความหมายมากค่ะ เพลงไม่ได้บอกเราว่าไม่ใช่ต้องรักตัวเองเพราะไม่มีใครรัก ไม่ใช่ว่ารักตัวเองเพราะเห็นแก่ตัวกลัวเจ็บ แต่ต้องรักตัวเองเพราะมันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดแล้ว รักตัวเองที่เป็นตัวเอง ชื่นชมตัวเองเมื่อถูกต้อง ปลอบโยนตัวเองเมื่อมีเรื่องที่ผิดพลาดไปในบางครั้งของชีวิต เมื่อไม่ใช่วันของเรา เรื่องพวกนี้มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว เพราะงั้นรักตัวเองกันมาก ๆ นะคะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

ในโลกใบนี้ผมคือคนที่ตัวเองควรจะรัก

ตัวผมที่เปล่งประกาย ตัวตนที่แสนล้ำค่า

ตอนนี้ ผมเข้าใจแล้ว ผมจึงรักตัวเอง

แม้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ช่างสวยงาม

ผมคือคนที่ตัวเองควรจะรัก

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> 10 เพลงช่วงเวลาการเป็นวัยรุ่น BTS

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี