4 เทคนิคเรียนภาษากับ RM ให้เป๊ะเวอร์ สไตล์ ‘คิมนัมจุน’ หรือ RM แห่งวง BTS

4 เทคนิคเรียนภาษากับ RM ให้เป๊ะเวอร์ สไตล์ ‘คิมนัมจุน’ หรือ RM แห่งวง BTS

4 เทคนิคเรียนภาษากับ RM ถ้าพูดถึงไอดอลที่มีความโดดเด่นด้านวิชาการ และมีความสามารถด้านภาษาที่เป็นเลิศ แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของ ‘คิม นัมจุน’ หรือ RM แห่งวง BTS บอยกรุ๊ปจากเกาหลีที่ตอนนี้ดังไกลระดับโลก ซึ่งต้องบอกเลยว่าเค้าเป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษมากๆ

ยิ่งการออกเสียงและสำเนียงคือเหมือน native speaker มาเองเลยค่ะ ในตอนแรกเองก็คิดว่าเค้าน่าจะเติบโตที่ต่างประเทศ หรือไม่ก็เรียนจบจากนอกแน่ๆ แต่ความจริงแล้วคือ เค้าเรียนจบมัธยมและมหาวิทยาลัยที่เกาหลี และไม่ใช่โรงเรียนอินเตอร์ด้วย ว่าแล้วเรามาย้อนประวัติการศึกษาของนัมจุนกันสักหน่อยว่าเค้าเรียนที่ไหนบ้างนะ

ประวัติการศึกษา & ผลงานวิชาการของคิมนัมจุน หรือ RM

4 เทคนิคเรียนภาษากับ RM

– มัธยม: นัมจุนเคยเรียนที่โรงเรียนมัธยมอิลซานแดจิน (Ilsan Daejin High School) ก่อนที่จะย้ายไปไปเรียนต่อจนจบระดับมัธยมที่โรงเรียนมัธยมปลายอับกูจอง (Apgujeong High School) ซึ่งในช่วงมัธยมนั้น นัมจุนมีผลสอบ mock K-SAT (คะแนนสอบเพื่อเตรียมความพร้อมสอบ SAT ใช้เรียนต่อในมหาวิทยาลัย) อยู่ในระดับสูงมากๆ ซึ่งเรียกว่าเป็น 1% ของประเทศที่ได้คะแนนสูงขนาดนี้ คะแนนอยู่ในระดับที่ว่า ถ้าจะยื่นเรียนต่อมหาวิทยาลัยระดับท็อปไม่ว่าที่ไหนก็ติดหมดเลยล่ะ

– ป.ตรี: เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยออนไลน์ ‘Global Cyber University (글로벌사이버대학교)’ ในสาขา Entertainment and Broadcasting

– ป.โท: เมื่อไม่นานมานี้ นัมจุนได้เข้าเรียนต่อระดับ MBA หรือ ปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจที่ Hanyang Cyber University (한양사이버대학교 대학원) ในสาขา Advertising Media ซึ่งหนุ่มๆ วง BTS อีก 6 ทั้ง จิน ชูก้า, เจโฮป, จีมิน, วี ก็เรียนต่อที่นี่อยู่เช่นกัน

4 เทคนิคเรียนภาษากับ RM
คะแนนสอบ TOEIC ของนัมจุน

– นัมจุนเคยสอบ TOEIC ตอนเรียนอยู่ม.2 โดยได้คะแนนไป 850 จาก 990 ซึ่งเค้าเองไม่เคยเรียนพิเศษภาษาอังกฤษมาก่อน อาศัยเรียนในห้องเรียนและศึกษาด้วยตัวเอง และนอกจากนี้แล้วนัมจุนยังเคยสอบ TEPS (The Test of English Proficiency developed by Seoul National University)

ซึ่งเป็นการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบหนึ่งซึ่งนิยมใช้ในการเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในเกาหลีใต้ โดยนัมจุนได้คะแนนไปถึง 797 คะแนน จากคะแนนเต็ม 990 หรืออยู่ในระดับ 2+ ซึ่งถือว่าสูงมากๆ สำหรับเด็กมัธยม (สูงสุดคือระดับ 1+)

เห็นประวัติการเรียนของนัมจุนแล้วคืออลังการมาก และอย่างที่เกริ่นไว้ในตอนแรกว่านัมจุนนั้นเก่งภาษาอังกฤษมากๆ ว่าแล้วมาดูต่อกันดีกว่าว่านัมจุนนั้นมีเทคนิคการเรียนภาษายังไงให้เป๊ะแบบนี้ ตามมาจด 4 ทริคดีๆ ของนัมจุนไปใช้กันดีกว่า

1. ดูซีรีส์/ภาพยนตร์เพื่อฝึกภาษา 4 เทคนิคเรียนภาษากับ RM

4 เทคนิคเรียนภาษากับ RM

ถือว่าเป็นวิธีสุดคลาสสิกสำหรับคนที่เริ่มเรียนภาษาเลยก็ว่าได้ นัมจุนเคยเผยในรายการ The Ellen Show รวมถึงให้สัมภาษณ์กับ Yahoo! Music ว่า เค้าเริ่มฝึกภาษาจากการดูซีรีส์อเมริกันเรื่อง Friends

“ตอนที่ผมเป็นเด็ก บรรดาผู้ใหญ่ เหล่าผู้ปกครองที่บ้านเกิดผม มักชอบให้เด็กๆ หรือลูกๆ ของเค้าดูซีรีส์เรื่อง Friends ซึ่งจริงๆ ในตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะว่าผมไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวละครนั้นพูดว่าอะไรบ้าง แต่ก็ต้องขอบคุณแม่ของผมที่ให้ผมดูแบบมีซับภาษาเกาหลีและมีซับภาษาอังกฤษด้วย หลังจากนั้นผมก็เริ่มติดซีรีส์เรื่องนี้แบบงอมแงม หลงใหลทั้งเนื้อเรื่องและคาแรกเตอร์ตัวละครมากขึ้น ซึ่งแม่ของผมก็ซื้อ DVD ของซีรีส์เรื่องนี้ให้ผมดูครบทุกซีซั่น และผมก็ดูมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนับไม่ถ้วน และนั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ผมเรียนภาษาอังกฤษได้ดี เพราะบทละครนั้นไม่ซับซ้อนและฟังเข้าใจได้ง่ายด้วย”

ซีรี่ย์เรื่อง ‘Friends’

รุปทริคในการเก็บเกี่ยวจากการดูซีรีส์ได้ผลของนัมจุนคือ รอบแรกดูเป็นภาษาตัวเอง รอบสองดูแบบมีซับภาษาอังกฤษ และรอบที่สามดูแบบไม่มีซับ และระหว่างดูก็พยายามเก็บคำศัพท์ให้มากที่สุด เรียกว่าเป็นวิธีที่น่าเอาเป็นแบบอย่างและได้ผลมาก

สำหรับใคร ที่ไม่เคยดูเรื่อง Friends ก็ขอแนะนำเลย เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การดูเพื่อฝึกภาษามากๆ เนื้อเรื่องก็สนุก ถือว่าเป็นซิตคอมในตำนานแห่งยุค 90’s เลย ส่วนเนื้อเรื่องก็เน้นเรื่องราวชีวิตประจำวันทั่วไปของกลุ่มเพื่อนทั้งหมด 6 คนที่มาใช้ชีวิตในนิวยอร์กด้วยกัน พล็อตดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็แฝงอะไรไว้เยอะเหมือนกัน แถมมีถึง 10 ซีซั่นด้วย แต่ละซีซั่นก็มี 20 กว่าตอน ถ้าดูจบได้ภาษาคือคล่องแน่! ใครอยากฝึกภาษาจากซีรีส์ตามนัมจุนก็ตามไปดูกันได้ใน Netflix เลย

2. เพราะนัมจุนอ่านหนังสือนอกเวลา

เพราะว่าความรู้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเฉพาะตำราในห้องเรียนเท่านั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่เราพอมีเวลาว่าง การหยิบหนังสือสักเล่มมาอ่านก็ช่วยเพิ่มพูนความรู้และมุมมองใหม่ๆ ได้ไม่มากก็น้อย และสำหรับหนุ่มนัมจุนนั้นก็เป็นอีกคนที่อ่านหนังสือเยอะมากและหลากหลายแนวด้วย โดยเฉพาะวรรณกรรมที่แฝงด้วยปรัชญา

จะเห็นได้จากแฮชแท็ก #นัมจุนอ่าน ที่ได้รวบรวมลิสต์หนังสือที่เค้าได้อ่าน และควรค่าแก่การแนะนำให้คนอื่นตามไปอ่านกัน เพราะแต่ละเรื่องนั้นล้วนแฝงไปด้วยสาระดีๆ ทั้งนั้นเลย และจากลิสต์จำนวนหนังสือที่นัมจุนได้อ่านนั้น หลายเล่มก็เป็นวรรรณกรรมภาษาอังกฤษที่เด็กอเมริกันแทบทุกคนล้วนต้องเคยอ่านและเรียนมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น

4 เทคนิคเรียนภาษากับ RM

หนังสือ 1984 โดย จอร์จ ออร์เวล (George Orwell) เป็นอีกเล่มที่นัมจุนเคยแนะนำตอนให้สัมภาษณ์กับ KBS ซึ่งเล่มนี้เป็นนิยายแนวตีแผ่สังคมแบบดิสโทเปีย (Dystopia) หรือสังคมที่มีการปกครองด้วยระบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ รัฐบาลจะคอยจับตาดูประชาชนทุกฝีก้าวประชาชนไม่ต้องคิดเป็น แค่ทำตามคำสั่งที่รัฐบาลสั่งให้ทำก็พอ…

และเหตุผลที่หนังสือเล่มนี้มักใช้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับเด็กอเมริกัน เพราะว่าจะช่วยทำให้เด็กๆ จะได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีอิสระในการแสดงความเห็นและการตัดสินใจด้วยตัวเอง หลายคนจึงมักได้แรงบันดาลจากเรื่องนี้ไปสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง

เช่นเดียวกับวง BTS ที่เคยหยิบข้อความจากหนังสือ 1984 เป็น background ลงในโปสเตอร์คอนเสิร์ต BTS Begins Concert เมื่อปี 2015 โดยข้อความนั้นบรรยายไว้ว่า “War is Peace, Freedom is Slavery, Ignorance is Strength” มีความหมายว่า “สงครามคือสันติภาพ, เสรีภาพคือความเป็นทาส, ความเขลาคือพลัง” (เรื่อง 1984 มีเวอร์ชันภาพยนตร์ด้วยนะ ลองไปหาดูกันได้)

4 เทคนิคเรียนภาษากับ RM

ส่วนอีกเล่มที่นัมจุนอ่าน (และเคยปรากฎใน MV เพลง Danger) มีชื่อว่า Catcher in the Rye หรือชื่อในไทย ‘จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น’ โดย เจ.ดี. ซาลิงเจอร์ (J.D.Salinger) ต้องบอกว่าหนังสือนอกเวลาอเมริกันเล่มนี้เป็นเล่มที่โดนแบนจากห้องสมุดมากที่สุด โดนผู้ปกครองร้องเรียนมากที่สุด และได้รับเลือกให้เป็นหนังสือนอกเวลามากที่สุดอีกเช่นกัน

แค่ประวัติก็คือน่าสนใจมากๆ แล้วใช่มั้ย นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาคร่าวๆ เล่าถึงชีวิตเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังสับสนในชีวิต และต้องก้าวผ่านระหว่างความเป็นวัยรุ่น ไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ โดยระหว่างทางก็เผลอทำเรื่องเหลวไหลไปบ้าง และที่โดนแบนบ่อยๆ เพราะว่ามีการใช้คำหยาบเยอะ และยังมีเรื่องเพศเข้ามาด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นอีกเล่มที่น่าอ่านมากๆ และให้ข้อคิดที่ดีเลยล่ะ เพราะนิยายเรื่องนี้มันเป็นแนว coming of age ที่พูดถึงการก้าวผ่านระหว่างความเป็นวัยรุ่นเข้าสู่วัยที่ต้องรับผิดชอบอะไรมากขึ้น และต้องคิดให้ได้มากขึ้น และทำให้เข้าใจชีวิตมากขึ้น

3. มีเวลาว่างก็ฝึกทำข้อสอบ For Fun!

4 เทคนิคเรียนภาษากับ RM

สำหรับนัมจุนแล้ว เมื่อไม่นานมานี้เค้าได้โพสต์รูปใน Weverse กำลังฝึกทำข้อสอบภาษาอังกฤษ TOEIC พร้อมบอกว่า เค้าทำข้อสอบเพื่อความสนุก (เห็นแบบนี้แล้วไม่แปลกใจเลยที่เคยสอบได้ 850 คะแนนตอนม.2) ไม่รู้ว่านี่ถือว่าเป็นอีกเคล็ดลับในการฝึกภาษาหรือไม่ แต่ก็ถือเป็นทริคในการฝึกภาษาที่ดีเหมือนกันนะ

4. เทคคอร์สสั้นที่ต่างประเทศ

RM ในนิวซีแลนด์

ถึงแม้ว่านัมจุนอาจจะไม่ได้เรียนจบโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ แต่เค้าก็เคยไปเทคคอร์สเรียนภาษาและใช้ชีวิตช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ต่างประเทศมาก่อน “ตอนผมอายุ 12 ปี ผมเคยเรียนคอร์สสั้นๆ ที่ประเทศนิวซีแลนด์เป็นเวลา 4 เดือน รวมๆ แล้วทั้งหมด 125 วันครับ และที่ผมจำตัวเลขจำนวนวันได้แม่นขนาดนี้เพราะว่า ผมเคยเขียนไดอารี่เอาไว้ตอนที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น และต้องบอกว่าการเดินทางไปที่นิวซีแลนด์ช่วยให้ผมพัฒนาทักษะภาษาของตัวเอง และผมก็ได้รับประสบการณ์มากมายเลยครับ”

แน่นอนว่าการพาตัวเองไปอยู่ในสังคมที่ทุกคนใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารนั้นมีส่วนช่วยในการอัปสกิลภาษาตัวเองได้ไม่มากก็น้อย แต่วิธีนี้ก็ใช่ว่าจะเวิร์กกับทุกคนเสมอไป เพราะภาษานั้นถือว่าเป็นทักษะ หากไม่หมั่นทบทวนและพยายามใช้ เมื่อเรากลับบ้านมาอยู่ในสังคมเดิมๆ ก็อาจจะทำให้เราไม่มีโอกาสได้ใช้และอาจหลงลืมไปเลยก็ได้ แต่สำหรับนัมจุนแล้ว เค้าไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองและพยายามเรียนภาษาอังกฤษและฝึกฝนด้วยตัวเองอยู่ตลอด จนทำให้สามารถใช้สื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วแบบที่เราเห็นกันในทุกวันนี้

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> 10 เพลงเยียวยาใจของ BTS

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เกมออนไลน์