Big Hit ผู้ปลุกปั้นวง BTS ติดนามสกุลมหาชนอย่างเป็นทางการแล้ว

Big Hit ผู้ปลุกปั้นวง BTS ติดนามสกุลมหาชนอย่างเป็นทางการแล้ว

Big Hit ผู้ปลุกปั้นวง BTS ติดนามสกุลมหาชนอย่างเป็นทางการแล้ว ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจในจีนเกี่ยวกับวงบอยแบนด์

Big Hit ผู้ปลุกปั้นวง BTS ให้ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินระดับโลก จะเริ่มซื้อขายหุ้น IPO ในวันนี้ (15 ตุลาคม) เวลา 09.00 น. เป็นครั้งแรก ซึ่งกลายเป็นการ IPO ที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ปีของเกาหลีใต้ ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 และกระแสความไม่พอใจต่อวงบอยแบนด์ที่เกิดขึ้นในจีนเมื่อเร็วๆ นี้

Big Hit Entertainment จะเสนอขายหุ้นใหม่ 7.13 ล้านหุ้น มูลค่า 1.35 แสนวอนต่อหุ้น หรือราว 3,670 บาท เพื่อระดมทุน 9.626 แสนล้านวอน หรือราว 2.6 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ นับตั้งแต่ Celltrion Healthcare ระดมทุนได้ 1 ล้านล้านวอนในปี 2017

นักวิเคราะห์คาดว่าราคาหุ้นจะพุ่งเกินราคา IPO หลังจาก BTS พิสูจน์แล้วว่าเนื้อหาออนไลน์สามารถชดเชยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระทบอย่างมากต่อการแสดงคอนเสิร์ตสด โดย Hana Financial Investment ประเมินว่าราคาจะพุ่งขึ้นไปที่ 3.8 แสนวอน สูงกว่าราคา IPO ถึง 181%

หลังเสนอขายหุ้น บังชีฮยอก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Big Hit Entertainment จะยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยสัดส่วน 34% ตามด้วย Netmarble ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเกมที่มี 20% และ STIC ถืออยู่ 7% ขณะที่สมาชิกของวง 7 คนจะถือหุ้นรวมกัน 1%

Eugene Investment & Securities ประเมินว่าหุ้นของ Big Hit จะสามารถติดทำเนียบ KOSPI 200 อันทรงเกียรติได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากหุ้น Big Hit ได้เข้าเกณฑ์ที่กำหนดให้หุ้นที่จะเข้าสู่ทำเนียบต้องมีมูลค่าตลาดขั้นต่ำ 4.5 ล้านล้านวอน ขณะที่ราคา IPO ของ Big Hit มีมูลค่าอยู่ที่ 4.6 ล้านล้านวอนแล้ว

แต่ท่ามกลางกระแสความยินดีที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้กลับเกิดกระแสความไม่พอใจในจีน เมื่อศิลปินวง BTS ได้จุดไฟแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ จากคำพูดของหัวหน้า RM หรือ คิมนัมจุน ที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องสงครามเกาหลีในพิธีรับมอบรางวัลจากองค์กร Korea Society โดย RM กล่าวว่าเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ต่างแบ่งปัน ‘ประวัติศาสตร์แห่งความเจ็บปวด’ ร่วมกัน

แต่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีนกลับไม่เห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าว เนื่องจากจีนต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเกาหลีเหนือเพื่อต่อต้านเกาหลีใต้ในสงครามเกาหลี (1950-1953) โดยรัฐบาลจีนมองว่าสงครามในครั้งนั้นคือ ‘สงครามต่อต้านสหรัฐฯ’ เพื่อเน้นย้ำถึงความเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ

กระแสดังกล่าวได้สงผลกระทบต่อบริษัทต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์ทางการตลาดกับวง โดยสมาร์ทโฟนและหูฟังที่ BTS ทำร่วมกับ Samsung ได้หายไปจาก Tmall และ JD.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน ขณะที่บริษัทอื่นๆ อย่าง Fila แบรนด์แฟชั่นกีฬา และผู้ผลิตรถยนต์ Hyundai Motor ได้นำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงของวงออกจากบัญชี Weibo

อย่างไรก็ตาม Big Hit ยังไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องขอของ Nikkei Asia สำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

ข่าวสารและบทความของ BTS >>>>> BTBLACKXSWAN

สมัครสมาชิก >>>>> คลิ๊ก