BTS กับการเปลี่ยน K-Pop

BTS กับการเปลี่ยน K-Pop แปลบทความจาก VOX

BTS กับการเปลี่ยน K-Pop ที่ยิ่งใหญ่และกลายเป็นตำนาน (แปลบทความจาก VOX)

BTS กับการเปลี่ยน K-Pop

BTS, the band that changed K-pop, explained
BTS วงที่เปลี่ยนวงการ เค-ป๊อป

กุญแจสู่ความสำเร็จของ BTS: ความเร้าอารมณ์(สะท้อนอารมณ์ความรู้สึก), ความจริงใจ และ ARMY

วงบอยแบนด์ที่ถูกตั้งคำถามคือ bangtan boys หรือที่รู้กันในชื่อ BTS พวกเขาเป็นวงที่เปลี่ยนภาพลักษณ์เดิมของบอยแบนด์ชายในเกาหลี และเปลี่ยนแนวคิดเรื่องความสำเร็จที่แตกต่างออกไปของวงดนตรีเกาหลีในต่างประเทศ

ความสำเร็จของ BTS ในอเมริกา ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงปีที่ผ่านมา เมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จบนชาร์ตที่เป็นตัววัดความสำเร็จนานหลายสัปดาห์ และได้รับความสนใจอย่างมากมายใน American Music Awards รวมไปถึงการร่วมงานกันระหว่าง Steve Aoki ในเพลง Mic drop Remix

พวกเขาเป็นวงแรกในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ในพาตัวอัลบั้มขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ต บิลบอร์ด 200 ของสหรัฐอเมริกา และมีซิงเกิลที่เปิดตัวสูงถึง 10 ใน Billboard Hot 100 อัลบั้มใหม่ของพวกเขา Love Yourself: Tear ซึ่งเป็นผลงานถัดจาก Love Yourself: Her ของปี 2017

ทำยอดขายมากถึง 135,000 ยูนิตในสัปดาห์แรกและขึ้นสู่อันดับสูงสุด ในเดือน เมษายน BTS ประกาศทัวร์รอบโลกซึ่งรวมถึงเมืองต่างๆในสหรัฐฯด้วย และบัตรถูกขายจนหมดเกลี้ยง – เป็นครั้งแรกสำหรับวงดนตรีเกาหลี ที่เปลี่ยนสิ่งที่เราคิดเกี่ยวกับ K-pop ในอเมริกาไปเลย

ทำไม BTS ถึงได้ทำลายอุปสรรคด้านวัฒนธรรมในต่างประเทศลงได้ และสร้างคลื่นที่สำคัญในสหรัฐฯ? BTS กับการเปลี่ยน K-Pop

คำตอบคือการรวมกันของปัจจัยต่าง ๆ และส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสิ่งเดิม ๆ: การเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมในค่ายเพลงของ K-pop เช่นการสร้าง “ไอดอล” การเปลี่ยนภาพลักษณ์ของวงดนตรีในเกาหลี การเปลี่ยนวิธีการแสดงออกที่ยอมรับได้ใน K-pop; และเหนือสิ่งอื่นใด BTS สร้างฐานแฟนคลับ และมีปฏิสัมพันธ์กับแฟน ๆ เสมอ

K-POP เริ่มต้นในเดือน เมษายน 1992 เมื่อวง ฮิบฮอป ที่ชื่อ Seo Taeji and Boys ได้ไปแสดงในรายการโชว์ของเกาหลีใต้  Seo Taiji and Boys เป็นผู้ริเริ่มท้าทายบรรทัดฐานเกี่ยวกับหัวข้อดนตรี (เนื้อเพลง) แฟชั่น และการเซ็นเซอร์เพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับวัฒนธรรมเกาหลี ที่ใช้เวลานานในการทำเพลงและอยู่ใต้การกำกับของรัฐบาล

ในยุค 1990 ค่ายเพลงที่มีอิทธิพล 3 ค่าย เริ่มปลูกฝังสิ่งที่จะกลายเป็นที่รู้จักในฐานะไอดอลกรุ๊ป โดยประกอบไปด้วย การออดิชั่น กลุ่มคนที่จะกลายเป็น ไอดอล ต้องได้รับการขัดเกลาเพื่อผลรับแห่งความยอดเยี่ยม ทั้งการเต้น และการทำเพลงให้ดี เด็กฝึกที่เข้าร่วมการฝึกเทรน ส่วนใหญ่ชีวิตของพวกเขาคือการฝึกอย่างเข้มงวดตลอดเวลา เพื่อที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวงไอดอลนั้น ๆ เด็กฝึกเหล่านั้นจะถูกปิดกั้นทุกอย่างรวมไปถึงชีวิตส่วนตัว ซึ่งการใช้ชีวิตส่วนตัวที่ไม่เป็นอิสระนี้สร้างปัญหาให้วัฒนธรรมเกาหลีเช่นกัน

ภายใต้สภาพแวดล้อมนี้ มีชายชื่อ บัง ชีฮยอก เริ่มสร้างค่ายเพลงที่แตกต่าง และปลูกฝังวงดนตรีที่จะกลายเป็น BTS ในปัจจุบัน เขาเป็น 1 ในนักแต่งเพลง และ โปรดิวเซอร์ ที่ประสบความสำเร็จ บัง ชีฮยอก เขาได้รับฉายาว่า “Hitman” จากการที่เขาเขียนเพลงฮิตหลายเพลงเช่น  “One Candle” ของวง g.o.d. ในปี 1999 รวมไปถึงเพลง “Like the First Time” ของ T-ara ในปีต่อ ๆ มา  เขาทำงานในฐานะโปรดิวเซอร์ และผู้อำนวยการร่วมกับค่าย JYP จนถึงปี พ. ศ. 2005 และออกมาสร้างค่าย Big Hit Entertainment ด้วยตัวเอง

แต่ บัง ชีฮยอก ก็ต้องต่อสู้กับตำแหน่งของเขาในวงการนี้ด้วยเช่นกัน ในฐานะเจ้าของค่าย เขาสารภาพว่ารู้สึกไม่มั่นคงเกี่ยวกับงานของเขา และบอกว่าตัวเขานั้นชื่นชมนักร้องที่สามารถแสดงตัวตนในเพลงได้ การรวมกันของความคิดนี้คือการแสดงออกทางดนตรีที่ซื่อสัตย์ ซึ่งกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของ BTS

ในปี 2010 บัง ชีฮยอก เริ่มรวบรวมกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่เขาเรียกว่า Bulletproof  Boy  Scouts ซึ่งเด็กเหล่านั้นจะกลายเป็น BTS ในปัจจุบัน แต่ส่วนประกอบของความสำเร็จโดยเนื้อแท้แล้วมีอยู่ในชื่อเดิม  บัง ชีฮยอก ตั้งใจที่จะให้  “Bulletproof” มีความสามารถในการทนต่อแรงกดดันของโลก แต่เขาก็อยากให้ BTS สามารถแสดงความจริงใจและความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าจะสร้างไอดอลที่ไร้ที่ติประหนึ่งรูปปั้นบูชาในค่ายเพลง แต่จะสร้างให้เป็นเด็กผู้ชายที่แท้จริง ที่มีบุคลิก และพรสวรรค์เพื่อถ่ายทอดไปยังโลกใบนี้

การทำคอนเท้นท์แบบนี้ (ข้างบน) ค่อนข้างแตกต่างจากรูปแบบค่ายเพลงทั่วไป

ซึ่ง BTS ได้รับการฝึกให้ดูร่าเริง แต่ไม่ได้ปลูกฝังในร่าเริงตลอดเวลาจนดูไม่เป็นธรรมชาติ ในทางตรงกันข้าม บัง ชีฮยอก ต้องการให้ BTS ได้รับการกล่าวขานจากผู้ที่เข้ามาชม การให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เกาหลีใต้ปี พ. ศ. 2018 มีคนอธิบายเอาไว้ว่า เขาคิดว่า BTS เป็นวงที่อ่อนโยน เป็นไอดอลที่แสดงความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งสามารถให้คำแนะนำแก่แฟน ๆ ได้

ในการสร้างวงดนตรีนั้น บัง ชีฮยอก ต้องกระตุ้นการเป็นที่ยอมรับของกลุ่มไอดอล
BTS ไม่ได้มีสัญญา และข้อบังคับที่เข้มงวด พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้พูดถึงแรงกดดันในการเป็นไอดอลได้ เนื้อเพลงของพวกเขาจะเปิดกว้างขึ้นเกี่ยวกับแรงกดดันทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในวัยรุ่นเกาหลี

BTS กับการเปลี่ยน K-Pop
สิ่งที่พวกเขาทำ: ข้อความที่ใส่ใจต่อสังคม
“พวกเรามาพร้อมกับความฝัน การเขียนเพลง การเต้น และการผลิตเพลงที่สะท้อนถึงภูมิหลังทางดนตรีของเรา ตลอดจนค่านิยมในชีวิตของเราในการยอมรับความอ่อนแอและประสบความสำเร็จ” ลีดเดอร์แห่ง BTS ได้กล่าวไว้ ซึ่งกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Time ในปี 2560
1.    พวกเขามักเขียนเพลงเอง
2.    เนื้อเพลงของพวกเขามีจิตสำนึกทางสังคม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการอธิบายความกดดันของชีวิตวัยรุ่นที่ทันยุคสมัยในเกาหลีใต้
3.    พวกเขาสร้าง และจัดการ การมีตัวตนบนสื่อออนไลน์
4.    พวกเขาไม่ได้เซ็น”สัญญาทาส” หรือสัญญาที่มีข้อจำกัด ที่กำลังเป็นปัญหาในไอดอลวงอื่นๆ
5.    พวกเขามักจะมุ่งเน้นไปที่การตลาดแบบทั้งอัลบั้ม แทนที่จะเป็นซิงเกิ้ลเดี่ยว
6.    พวกเขาพูดคุยอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการดิ้นรน และความวิตกกังวลในอาชีพของพวกเขา แทนการนำเสนอภาพที่สวยงามมากตลอดเวลาStephen นักวิจารณ์เพลง K-pop ผู้จัดรายการพอดแคสท์รายสัปดาห์ ‘This Week in K-Pop’ ตั้งแต่ปี 2013 จนถึง 2017 ที่รายงานผลงานเพลงใหม่ ๆ ในแวดวง K-pop และบันทึกเรื่องราวของวง BTS อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งในตอนแรกนั้นทั้ง Stephen และผู้ร่วมจัดรายการของเขานั้นต่างก็มีข้อสงสัยต่อตัววง “ในตอนนี้แวดวง K-pop เต็มไปด้วยวงที่มีกลิ่นอายฮิปฮอปแบบปลอม ๆ” เขากล่าว “แต่เมื่อปี 2013 นอกจากวง Big Bang แล้วก็ไม่ได้มี (วงแนวฮิปฮอป) อยู่มากนัก ฉะนั้นเมื่อ BTS กล้าเดบิวต์ด้วยภาพลักษณ์ ‘พวกเราคือวงฮิป-ฮอป’ แบบนี้เลยดูไม่ฉลาดเสียเท่าไหร่”Stephen ชี้ให้เห็นว่างแวดวง K-pop นั้นกำลังประสบกับปัญหานี้อยู่ “วงการ K-pop ชอบท่าทางและทัศนคติของฮิปฮอป แต่เข้าถึงมันไม่ได้มากนัก เขาคิดกันแบบตื้น ๆ: ฮิปฮอปเป็นวัฒนธรรมไม่ใช่แค่ดนตรี”

สองเพลงที่เพลงประสบความสำเร็จของวง คือเพลง I NEED U และ DOPE

I NEED U เป็นเพลงช้า ที่ออกแนว hip-hop แต่ผสม R&B เข้าไป ในขณะที่เพลง DOPE เป็นเพลงที่มีเนื้อหาแสดงถึงตัวตนของพวกเขา
มีคนเคยกล่าวว่า “DOPE เป็นเพลงที่ให้ความสำคัญไปในเรื่องของการเต้น เป็นเพลงที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเต้นได้” / และสตีเฟ่นยังเคยกล่าวไว้ว่า “DOPE เป็นมิวสิควิดิโอที่ผมชอบที่สุดตลอดกาล การเน้นไปที่การเต้นแบบนั้น แน่นอนไม่ใช่วงแรกที่ทำแต่เขาทำมันได้ดีที่สุด”

‘และพวกเขาก็สับเปลี่ยน’ สตีเฟ่นกล่าวเสริม “พวกเขาทำวิดีโอที่ใช่วิธีการเต้นหนักหน่วง แต่พวกเขาก็ทำวิดีโอแบบศิลปะแบบสะเทือนอารมณ์มากขึ้นด้วยเช่นกัน” Blood Sweat & Tears เป็นสไตล์โกธิค ที่สวยงามในปี 2016 ที่เปิดตัวสู่ระดับสูงขึ้นในวงนานาชาติ

ถึงแม้ว่า Colette Bennet ผู้สื่อข่าวบันเทิงและแฟนตัวยงของ BTS(ตั้งแต่ปี 2014 เธอเข้าชมคอนเสิร์ตของหนุ่ม ๆ มาแล้วถึง 4 ครั้ง) จะชอบเพลงของ BTS แค่ไหน เธอก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งถึงจะเข้าใจสารที่พวกเขาสื่อออกมา

“ในช่วงเริ่มต้นของซีรีย์ The Most Beautiful Moment in Life ฉันสังเกตถึงบางสิ่ง และเมื่อกลับไปดู Vlog เก่า ๆ ของพวกเขา ทั้งช่วงก่อนและหลังเดบิวต์ เด็กพวกนี้อัดกันอยู่ในสตูดิโอเล็ก ๆ ขนาดเท่าตู้เก็บไม้กวาด แล้วเล่าอย่างจริงใจว่าพวกเขาทุ่มเทแค่ไหนกับสิ่งที่ทำอยู่ และพูดถึงสิ่งที่กลัวและไม่แน่ใจอย่างถ่อมตน”

สำหรับ Bennett แล้ว การที่ BTS ออกมาพูดปัญหาสุขภาพจิตและความคาดหวังที่เด็กวัยรุ่นในเอเชียต้องแบกรับ นั้นเป็นประหนึ่งการปฏิวัติ ในปี 2016 Bennett ได้เขียนถึง BTS ว่าพวกเขากำลังเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของ K-pop ผ่านการสร้างปฏิสัมพันธ์จนถึงการสร้างภาพลักษณ์ เธอบอกอีกว่า ในตอนที่ชมคอนเสิร์ต Wings Tour ในปี 2017 มีบางช่วงในคอนเสิร์ตที่เธอรู้สึกว่ามันโดดเด่นออกมา

“มีอยู่เพลงนึงชื่อว่า Cypher 4 เป็นเพลงของแรปเปอร์ทั้ง 3 คน ในเพลงมีท่อนซ้ำที่ร้องว่า ‘I love, I love, I love myself / I know, I know, I know myself.’ ตอนนั้นฉันมองไปรอบตัวเห็นคนดูวัยรุ่นอายุ 20 กว่า ๆ หลายร้อยคนร้องตะโกนไปกับเพลงนี้ และฉันคิดขึ้นมาว่า ‘พระเจ้า, นี่พวกเขาใช้อิทธิพลของตัวเองในการสอนให้คนหนุ่มสาวที่เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มที่จะต่อสู้อยู่กับความรู้สึกเกลียดชังตัวเอง ให้เริ่มพิจารณาว่าคำว่ารักตัวเองนั้นมีความหมายอย่างไร’”

The BTS ARMY is real, and it is mighty

แฟน ๆ ของ BTS มีชื่อว่า ARMY
ตั๋วสำหรับทัวร์คอนเสิร์ตที่สหรัฐฯ ที่ขายหมดไปมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ดอลลาร์ ในปัจจุบัน บัตรคอน ยังอยู่ในความต้องการที่สูงโดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 452 เหรียญซึ่งเป็นราคาแพงที่สุดในช่วงฤดูร้อน

แฟนด้อมอินเตอร์ของ BTS เองก็ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้มั่นใจได้ว่าตัววงนั้นมีโอกาสที่จะก้าวข้าม (อุปสรรคด้านการเป็นศิลปินต่างประเทศ) ไปได้ ตลอดปี 2017 เหล่าแฟนคลับต่างกระหน่ำคำขอร้องสู่ร้านค้าปลีก อาทิเช่น Walmart, Target และ Amazon เพื่อให้ร้านค้าทำการสต็อคอัลบั้มใหม่ของ BTS — จากนั้นจึงส่งอัลบั้มขึ้นชาร์ตยอดขาย (อัลบั้ม) อย่างรวดเร็ว

ARMY มีพลังมากจนเมื่อถึงเวลาที่ BTS ได้เปิดตัวครั้งแรกในงาน American Music Awards ในปี 2017 ผู้ชมในงานได้ยกย่องว่าเป็นงานแสดงของ K-pop ที่มีเกียรติมาก บริเวณทั่วทั้งฮอลดังขึ้นด้วยเสียงเรียก BTS BTS

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> เรื่องน่าสนใจของ V BTS

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี

>>>>> UFABET