BTS กับภาพยนตร์

BTS กับภาพยนตร์ แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์สู่งานดนตรีอันล้ำค่า

BTS กับภาพยนตร์ แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์หลากหลายสู่งานเพลงและมิวสิควิดิโออันล้ำค่า

BTS กับภาพยนตร์ เป็นที่รู้กันดีว่าสมาชิกวง BTS เป็นคนประเภทอ่านหนังสือและเสพศิลปะกันกว้างขวาง ทั้งเพลงและมิวสิกวิดีโอจึงมักอ้างอิงถึงงานชิ้นอื่น ทั้งการใช้หนังสือ Demian ของเฮอร์มานน์ เฮสเซ เป็นคอนเซ็ปต์หลักของอัลบั้มชุด Wings (2016) หรือกระทั่งข้อความจากหนังสือปรัชญาของชีลส์ เดอเลิซ ก็เคยปรากฏในคอนเสิร์ตของพวกเขามาแล้ว

และในวันนี้ เราก็จะมาพูดถึง BTS ที่ได้หยิบแรงบันดาลใจจากหนังภาพยนตร์หลากๆเรื่อง หลายๆแนว ที่เราอาจจะคุ้นเคยกับหนัง หรือหนังที่เราไม่คาดคิดว่า พวกเขาจะหยิบมาเป็นต้นแบบ หรือนำมาใส่เป็นนัยยะให้เราได้วิเคราะห์กัน จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย

  • เพลง Black Swan จากภาพยนตร์ Black Swan

ความน่าสนใจของ Black Swan มีหลายประการด้วยกัน ทั้งตัวเอ็มวีที่เป็นการเต้นประกอบเพลงจาก MN Dance Company คณะแดนซ์จากสโลเวเนีย เป็นงานข้ามสื่อคล้ายกับ Anima ของ ทอม ยอร์ค กับ พอล โธมัส แอนเดอร์สัน โดยเพลง Black Swan ในวิดีโอจะอเรนจ์ใหม่ ใส่เครื่องสายเข้าไปให้มีลักษณะเหมือนเพลงบัลเลต์ และในขณะที่ซิงเกิ้ลดังปีที่แล้วอย่าง Boy With Luv เป็นเพลงที่ป๊อปสุดๆ Black Swan กลับมีเนื้อหาแสนมืดหม่น เรียกได้ว่าพลิกจากความแมสไปสู่ความดาร์กขั้นสุด

มิวสิกวิดีโอ Black Swan เปิดเรื่องด้วยวาทะของมาร์ธา เกรแฮม นักเต้นชาวอเมริกันในตำนานที่ว่า “นักเต้นตายสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อพวกเขาหยุดเต้น และการตายครั้งแรกนั้นเจ็บปวดมากกว่า” แปลต่อได้อีกทีว่าความตายที่น่ากลัวที่สุดของเหล่าศิลปินไม่ใช่การตายแบบละสังขาร (= การตายครั้งที่สอง) หากแต่เป็นการต้องหยุดสร้างสรรค์ผลงานหรือที่เรียกว่า ‘การตายครั้งแรก’ (The First Death)

ซึ่งคำพูดนี้ก็สอดคล้องกับเพลง Black Swan อย่างมาก เพราะเนื้อหาของเพลงว่าด้วยศิลปินคนหนึ่งที่กำลังหมดแพสชั่น ดูได้จากเนื้อเพลงหลายท่อน ทั้งการบอกว่าเสียงเพลงไม่ทำให้หัวใจของเขาเต้นอีกต่อไปแล้ว การบรรยายถึงไฟสว่างที่ดับมืดและเสียงเพลงที่เงียบงันลงไป ศิลปินคนนี้กำลังต่อสู้ดิ้นรนอยู่กับการตายครั้งแรกนั่นเอง

อย่างไรก็ดี ตัวเอกในเพลงไม่ได้ยอมแพ้ ท่อนหลังของเพลงบอกว่าเขาตื่นขึ้นมาในสตูดิโอและบอกตัวเองว่าจะไม่ให้ความรู้สึกเหล่านั้นลากเขากลับไปสู่ความดำมืดอีก นั่นแปลว่าศิลปินยังยืนยันจะแต่งเพลงต่อไป เหมือนกับตัวเอ็มวีที่นักเต้นหนุ่มพยายามหนีเหล่าคนใส่ชุดดำหรือ ‘เงามืด’ ซึ่งในตอนจบเราเห็นว่าเขาโบยบินต่อไปแม้จะถูกเหล่าเงาดำฉุดรั้งไว้ เป็นการสื่อความว่ามนุษย์เราจะเจ็บปวดแค่ไหน เราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้และดำเนินชีวิตต่อไป

BTS กับภาพยนตร์

ส่วนชื่อเพลง Black Swan ตีความได้หลากหลาย อาจหมายถึงการต่อสู้กับด้านมืดในจิตใจตนเอง, Black Swan เป็นศัพท์ทางการเงินหมายถึงปรากฏการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ (ปกติแล้วหงส์มีสีขาว หงส์ดำจึงเป็นเรื่องประหลาด) เหมือนกับวง BTS ที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก จนไม่มีใครอยากเชื่อว่าพวกเขาจะเกิดอาการหมดไฟ

นอกจากนั้นภาพยนตร์เรื่อง Black Swan (2010) กับเพลงนี้ยังพูดถึงสิ่งเดียวกัน นั่นคือค่าที่ต้องจ่ายในการเป็นศิลปิน แถมชีวิตของตัวละครของ บาร์บาร่า เฮอร์ชีย์ ในหนังยังซ้อนทับกับ มาร์ธา เกรแฮม อย่างประหลาด ทั้งสองคือนักเต้นที่ต้องรีไทร์ด้วยความชรา เกรแฮมเคยให้สัมภาษณ์ว่าถึงจุดหนึ่งเธอทนมองนักเต้นสาวๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ ส่วนตัวละครเฮอร์ชีย์ใน Black Swan รับไม่ได้กับการถูกศิลปินรุ่นน้องแทนที่ จนตัดสินใจจบชีวิตด้วยการให้รถชน

BTS กับภาพยนตร์

  • Concept Photo อัลบั้ม You Never Walk Alone กับหนัง Stony Island BTS กับภาพยนตร์

แปล] ความเห็นของเนติเซ็นต่อ YNWA: CONCEPT PHOTO (pt. 2) - Pantip

หากให้พูดถึงเรื่องแนวดนตรีหรือศิลปะทางดนตรีของ BTS แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่าง Blues กับ Chicago ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง Stony Island (ข้อความที่อยู่บนป้ายจอดรถโดยสารประจำทางใน Concept photo อัลบั้ม YNWA ( ปี 2017)

BTS กับภาพยนตร์

Stony Island เป็นภาพยนตร์ที่ฉายในปี 1978 กำกับโดย Andrew Davis เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นบริเวณตอนใต้ของชิคาโก้ ชื่อเมือง Stony Island ซึ่งมี Richie Bloom เด็กชายผิวขาวเพียงคนเดียวในกลุ่มเด็กผิวดำ ผู้ก่อตั้งวงดนตรีR&B ที่ผสมผสานคนจากหลากหลายเชื้อชาติ หลายพื้นที่ จนเกิดเป็นวงดนตรี Blues ในชิคาโก้ขึ้น

โดยหลักๆ แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการสื่อให้เห็นว่า ผู้คนแม้ว่าจะอยู่ต่างที่ ต่างเชื้อชาติ ต่างสีผิว ต่างวัฒนธรรม หรือมีปัญหาแตกต่างกัน แต่ดนตรีจะนำพาทุกคนมาอยู่ร่วมกัน และทำให้เกิดพลังขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่ ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกรวมเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้จิตวิญญาณเดียวกัน ที่เชื่อมถึงกันด้วยบทเพลงและดนตรี “Music Make Us One” ดนตรีทำให้เรารวมเป็นหนึ่ง

  • MV Blood Sweat & Tears กับภาพยนตร์ Chat Room

Chatroom เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเหตุการณ์สลับกันไปมาระหว่างโลกในอินเตอร์เน็ตกับโลกแห่งความเป็นจริง บางคนปล่อยให้ความชั่วร้ายในโลกอินเตอร์เน็ตมอมเมาให้ติดกับดัก จนสูญเสียตัวตนและไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกความเป็นจริงได้ จนเกิดปัญหาต่างๆตามมา

BTS กับภาพยนตร์

Chatroom เป็นภาพยนตร์วัยรุ่นเชิงจิตวิทยา บอกเล่าเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่มาพบกันในโลกของอินเตอร์เน็ต เพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนปัญหาชีวิตของแต่ละคน ในหนังเรื่อง Chatroom เดินเรื่องโดยการสลับฉากกันไปมาระหว่างโลกในอินเตอร์เน็ตกับโลกแห่งความเป็นจริง

วิลเลี่ยม ได้สร้างห้องแชทห้องหนึ่งขึ้นมา ใช้ชื่อว่า Chelsea Teen ต่อมาก็มีคนทยอยเข้ามาในเป็นส่วนหนึ่งของห้องแชทนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สมาชิกในกลุ่มแชทได้มาแลกเปลี่ยนข้อมูลและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

จิม หนึ่งในสมาชิกห้องแชท ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น เขาถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพังกับแม่ มีโรคประจำตัว คือ โรคซึมเศร้า ทำให้เขาต้องคอยกินยาอยู่ตลอดเวลา และมีความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตาย

ในขณะที่วิลเลียมเอง ก็เป็นเด็กมีปัญหา เนื่องจาก พ่อแม่ของเขาค่อนข้างเข้มงวดกับเค้าเกินไป เขาเกลียดชังพ่อของเขามาก ทำให้เขาหันเหตัวเอง เก็บตัวและเอาแต่ท่องโลกอินเตอร์เน็ต วันหนึ่ง วิลเลี่ยมได้บังเอิญไปเจอกับคลิปเด็กผู้หญิงไลฟ์สด โชว์การฆ่าตัวตายโดยการกระโดดตึก และไปเจอกับคลิปเด็กผู้ชายถูกกลุ่มวัยรุ่นที่โตกว่ารุมท าร้ายและด่าทอต่างๆนานา ซึ่งต่อมาเด็กชายคนนั้น ก็ถูกกดดันให้กินยาฆ่าตัวตาย

โลกด้านมืด หรือโลกแห่งความชั่วร้ายได้เข้ามาครอบงำวิลเลียม เขาเสพติดการเฝ้ามองคนอื่นฆ่าตัวตายในอินเตอร์เน็ต และเริ่มคิดแผนการชั่วร้าย โดยพยายามหลอกล่อ กระตุ้นความรู้สึกอยากฆ่าตัวตายให้กับจิม เมื่อเพื่อนๆรู้ล่วงรู้แผนการของวิลเลียม ก็พยายามห้าม แต่ก็ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งแผนการชั่วร้ายของวิลเลียมได้ เขายิ่งเร่งให้จิมลงมือฆ่าตัวตายอย่างทรมาน

ต้องบอกเลยว่า หนังเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมในปัจจุบันได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด เนื่องจาก มีหลายคนที่มักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ต สร้างตัวตนขึ้นมา (ซึ่งอาจเหมือน หรือต่างจากตัวจริงก็ได้) ในบางครั้ง เราแทบจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ในโลกอินเตอร์เน็ต ใครพูดความจริง ใครพูดโกหก

ในขณะเดียวกัน โลกอินเตอร์เน็ต ก็อาจกลายเป็นดาบสองคม ที่พร้อมจะทำลายชีวิตคนๆหนึ่งได้ เช่น การโพสต์ข้อความด่าทอ ยั่วยุ คำหยาบต่างๆ เรียกกลุ่มพวกนี้ว่า พวกนักเลงคีย์บอร์ด คนกลุ่มนี้ใช้ชีวิตอยู่กับการหาโอกาสเหยียบย่ำซ้ำเติมคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่า คำพูดหรือข้อความจากความสะใจเหล่านั้น อาจไปทำร้ายจิตใจคนอีกคนหนึ่งได้ ซึ่งหากโชคร้าย อาจเป็นจุดชนวนที่นำไปสู่การสูญเสียชีวิตในที่สุดได้

โลกอินเตอร์เน็ต จึงเป็นอีกโลกหนึ่งที่ถ้าใช้อย่างมีประโยชน์ มันก็จะคุณแก่เรา แต่หากใช้ในทางที่ผิด โลกอินเตอร์เน็ตจะมอมเมาเราให้อยู่ในโลกสมมติ และทำให้เราหลงผิดได้

  • Enter The Void กับ MV Blood Sweat & Tears Japanese Ver.

Mimi BTS Ghost — BTS BLOOD SWEAT & TEARS JAPANESE VERSION DETAILED...

ภาพยนตร์ Enter The Void ฉายในปี 2009 กำกับโดย Gaspar Noe เป็นเรื่องราวของสองพี่น้อง Oscar กับ Linda ที่ต้องสูญเสียพ่อแม่จากอุบัติเหตุ โชคชะตาทำให้ทั้งสองต้องใช้ชีวิตตามลำพังที่โตเกียว

โดย Oscar มีอาชีพลักลอบขายยาเสพติด ขณะที่ Linda เป็นนักเต้นระบำและขายบริการ แต่โชคร้าย Oscar ถูกเพื่อนหักหลังจนถูกตำรวจยิงตายในห้องน้ำ วิญญาณของ Oscar จึงได้ล่องลอยไปทั่วโตเกียว และได้สะท้อนให้เห็นภาพความเสื่อมโทรมของสังคมโตเกียว ในช่วงยามค่ำคืน ทั้งปาร์ตี้ sex และยาเสพติด

Big Hit เลือกหยิบเฉพาะบางฉากของหนัง Enter The Void มาใส่ใน MV แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ การถ่ายท าหนังลักษณะนี้ เรียกว่า Psychedelics Art หรือ ศิลปะแนวประสาทหลอน

Psychedelic Art ศิลปะแขนงหนึ่ง เป็นศิลปะที่ท ำให้เกิดอาการหลอนเหมือนเทคยา เห็นแล้วเกิดภาพหลอน หากจ้องนานๆอาจรู้สึกเวียนหัวได้ เช่น ใช้สีที่สดมากๆ เน้นแสงของนีออน สีสะท้อนแสง เช่น เขียว เหลือง ม่วง แดง น้ าเงิน เป็นต้น

หากดู MV Blood Sweat & Tears Japanese Ver. แล้ว รู้สึกแสบตา เวียนหัว จากการจ้องมองสีสันฉูดฉาดตลอด MV แปลว่า คุณกำลังตกอยู่ในการครอบงำของศิลปะแนว Psychedelic

หากเอ็มวีไหนมีการใช้ศิลปะที่เรียกว่า Psychedelic Art แสดงว่าเอ็มวีนั้นกำลังพูดถึงประเด็นเกี่ยวกับจิตใต้สำนึก ความรู้สึกนึกคิด ความฝัน หรือโลกที่ตรงข้ามกับโลกแห่งความจริง อย่างเช่นโลกของความตาย

ในภาพยนตร์เรื่อง Enter The Void จะเน้นเรื่องชีวิตหลังความตาย ผ่านมุมมองของวิญญาณของ Oscar ที่ต้องเร่รอนไปยังที่ต่างๆทั่วเมืองโตเกียว และในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังพูดถึงหนังสือ The Tibetan book of the Dead และ Book of the Dead ซึ่งเป็นหนังสือที่พูดถึงชีวิตหลังความตายอีกด้วย

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> BTS กับการเข้าสู่วัยรุ่น

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี