BTS กับ เดเมียน

BTS กับ เดเมียน วรรณกรรมค้นหาตัวตนวัยรุ่น จุดเริ่มต้นของอัลบั้ม WINGS

BTS กับ เดเมียน วรรณกรรมค้นหาตัวตนวัยรุ่น จุดเริ่มต้นของอัลบั้ม WINGS

BTS กับ เดเมียน  “..หัวใจของผมหยุดเต้นเมื่ออายุประมาณเก้าหรือสิบขวบ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมเริ่มกังวลว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับผม และเริ่มที่จะมองตัวเองผ่านสายตาของคนอื่น ผมเลิกมองไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืน ผมเลิกเพ้อฝัน และพยายามเป็นคนในแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น ไม่นานผมก็เลิกฟังเสียงตัวเอง และฟังแต่เสียงของคนอื่น ไม่มีใครเรียกชื่อผมแม้กระทั่งตัวผมเอง หัวใจผมหยุดเต้นลงในตอนนั้น..”

คิมนัมจุน, BTS (25 กันยายน 2561)

คำพูดที่ยกมาข้างต้นนั้น เป็นการกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเป็นอย่างที่คนอื่นคาดหวัง จนในที่สุดเราก็เริ่มสูญเสียความเป็นตัวเอง และลืมเลือนความฝันของเราไปในที่สุด คำพูดนี้เป็นคำกล่าวสุนทรพจน์ของ “คิมนัมจุน” หัวหน้าวงบังทัน (BTS) ซึ่งเป็นศิลปินเคป๊อปจากเกาหลีใต้ที่ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีสหประชาชาติครั้งที่ 73 ในฐานะตัวแทนขององค์การยูนิเซฟ (UNICEF) เพื่อสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ค้นหาตัวตนของตัวเองและหันกลับมารักตัวเองมากยิ่งขึ้น

เมื่อพูดถึงความเหมาะสมของวงบังทันในเวทีระดับโลกแล้ว พี่แนนนี่เพนอยากจะบอกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงศิลปินวงไอดอลเท่านั้นนะคะ แต่พวกเขายังเป็นตัวแทนของวัยรุ่นทั่วโลกที่เล่าถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากของชีวิตวัยรุ่นผ่านดนตรีและเนื้อเพลงได้อย่างชาญฉลาดจน เพลงของวงบังทันกลายเป็นกระบอกเสียงให้วัยรุ่น และทำให้คนในสังคมเข้าใจปัญหาต่างๆ ของวัยรุ่นมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากความโดดเด่นในด้านผลงานเพลงแล้ว พวกเขายังเป็นวงไอดอลที่นำศิลปินและวรรณกรรมมาใช้ผสมผสานกับดนตรีจนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้คนทั่วโลกเริ่มให้ความสนใจพวกเขามากขึ้น

โดยอัลบั้มหนึ่งของวงบังทันที่ชื่อ Wings เป็นอัลบั้มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนวนิยายเรื่อง “เดเมียน (Demian)” ของเฮอร์มานน์ เฮสเส (Hermann Hesse) ซึ่งวงบังทันได้เล่าเรื่องราวการค้นหาตัวตนของวัยรุ่นผ่านเนื้อเพลงและมิวสิกวิดิโอตามแก่นเรื่องของเดเมียน จนในที่สุดอัลบั้ม Wings ก็ได้สร้างชื่อเสียงและนำพวกเขาไปสู่เส้นทางดนตรีระดับโลก จนได้รับการขนานนามจากคนทั่วโลกว่าพวกเขาเป็น “วงไอดอลแห่งวรรณกรรม” ที่แท้จริง

BTS = วงไอดอลแห่งวรรณกรรม

หากใครเป็นอาร์มี่ (ARMY, ชื่อเรียกแฟนคลับวงบังทัน) คิดว่าหลายๆ คนต้องเข้าใจถึงที่มาที่ไปของคำว่า “ไอดอลแห่งวรรณกรรม” แล้วแน่นอน แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก พี่ขอเล่าถึงแนวเพลงของวงบังทันให้ทุกคน ได้รู้จักกันสักนิดว่าเพลงของวงบังทันนั้น ส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับวัยรุ่นที่กำลังหลงทาง(ในชีวิต) กำลังตามหาความฝันของตัวเอง และเป็นเพลงที่ให้กำลังใจคนฟังให้ก้าวผ่านปัญหาต่างๆ ไปได้ด้วยดี ขอให้พวกเขาอย่าเพิ่งยอมแพ้และสู้ต่อไป

โดยอีกหนึ่งจุดเด่นของวงบังทันที่ทำให้พวกเขากลายเป็นวงไอดอลที่มีเอกลักษณ์ก็คือ เนื้อเพลงที่พูดถึงเรื่องราวในสังคมได้อย่างจริงใจ นั่นเอง เพลงของวงบังทันพูดถึงเรื่องโรคทางจิตเวชอย่างโรคซึมเศร้า เรื่องการบูลลี่ในวัยรุ่น และลำดับชนชั้นทางสังคม เมื่อแนวเพลงของพวกเขาถูกรวมเข้ากับวรรณกรรมต่างๆ มากมายอาทิ เดเมียน, 1984, เจ้าชายน้อย, ปีเตอร์แพน, The Ones Who Walk Away from Omelas, Into the Magic Shop ฯลฯ ทำให้เพลงของวงบังทันกลายเป็นเพลงที่มีคุณค่า สามารถเข้าถึงจิตใจวัยรุ่นและคนในสังคมได้อย่างทั่วถึง รวมถึงทำให้เหล่าแฟนคลับจำนวนมากได้กลับไปทำการบ้านด้วยการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ไปทำความรู้จักนิยายเรื่อง “เดเมียน” กันก่อน วรรณกรรมที่ BTS ได้หยิบยกมาเป็นไอเดียในการสร้างสรรค์อัลบั้ม BTS กับ เดเมียน

“อาณาจักรแห่งกลางวันและกลางคืน
สองโลกที่แตกต่างซึ่งมาจากขั้วตรงข้ามกันนั้น ตอนนี้มันปนกันแล้ว”

BTS กับ เดเมียน

นี่เป็นประโยคหนึ่งจากหนังสือนิยายเรื่องเดเมียน ที่แสดงให้เห็นถึงแก่นเรื่องทั้งหมดได้เป็นอย่างดี ก่อนอื่นจะขอเล่าเรื่องราวย่อๆ ให้ผู้ที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้ได้รู้จักเรื่องราวกันสักนิดก่อน นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานเรื่องหนึ่งของเฮอร์มานน์ เฮสเสที่มักจะมีงานเขียนในเชิงจิตวิทยาให้คนอ่านได้คิดวิเคราะห์ตามจนปวดหัว แต่งานของเขาก็ถือเป็นงานที่ช่วยให้คนอ่านได้เปิดโลกทัศน์มากขึ้นเช่นกัน

‘เดเมียน’ เป็นเรื่องราวของเอมิล ซินแคลร์ เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังค้นหาจิตวิญญาณของตนเอง เขาเป็นเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวอันอบอุ่นและมีพร้อมทุกอย่าง ซินแคลร์ในวัยเด็กได้เรียนรู้ว่าโลกที่เขาอาศัยอยู่นี้แบ่งออกเป็นสองด้าน โดยด้านหนึ่งคือด้านที่สว่างสดใสจากการเลี้ยงดูของครอบครัวและศาสนาที่เขานับถือ

BTS กับ เดเมียน
เดเมียน ที่ปรากฎในเอ็มวี ‘Begin’

ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นด้านที่มืดมน เต็มไปด้วยความชั่วร้ายที่ตรงกันข้ามกับด้านสว่างแทบทุกอย่าง เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นซินแคลร์พยายามเติบโตเรียนรู้ด้วยตัวเองโดยไม่หวังพึ่งใคร และซินแคลร์ก็พบว่าเขาเลือกเดินผิดทาง หนทางที่เขาเลือกเดินดูไร้ทางออกจนเป็นตราบาปในชีวิตของเขา จนกระทั่งเขาได้พบกับแมกซ์ เดเมียน เด็กชายลึกลับคนหนึ่งที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กคนอื่นที่เขาเคยรู้จัก เดเมียนกลายเป็นเพื่อนที่คอยชี้แนะและหาทางออกให้กับปัญหาของซินแคลร์ จนทำให้ซินแคลร์ได้เห็นถึงความหมายของการใช้ชีวิต และกล้าค้นหาตัวตนของตัวเอง..

มาค้นหาตัวตนไปกับซินแคลร์กัน ว่าในตัวซินแคลร์ได้สอดแทรกความเป็นวัยรุ่นยังไงบ้าง?

‘เดเมียน’ มีเนื้อหาที่เล่าถึงการค้นหาตัวตนของซินแคลร์ทั้งหมดแปดบท แต่เป็นแปดบทที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย จนต้องขอหยิบยกบางประเด็นมาวิเคราะห์ให้น้องๆ ได้รู้เรื่องไปด้วยกัน เพราะพี่คิดว่าช่วงวัยรุ่นของเราทุกคนน่าจะมีเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ตรงกับซินแคลร์อยู่บ้าง ถ้าพร้อมกันแล้ว เรามาค้นหาตัวตนไปพร้อมๆ กันเลย

BTS กับ เดเมียน

1. อยาก “เป็นที่ยอมรับ” ในหมู่เพื่อนและสังคม

จากเรื่องย่อที่ได้เล่าไปก่อนหน้านี้ เราจะเห็นได้ว่าซินแคลร์เติบโตมาในครอบครัวที่สมบูรณ์ดี แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ซินแคลร์คิดว่าการได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มกับนักเลง จะทำให้เขาดูดีในสายตาของเพื่อนคนอื่น เด็กชายคิดว่าถ้าเขาโกหกว่าเคยทำเรื่องเลวร้ายมาก่อน จะทำให้กลุ่มของฟรานส์ โครเมอร์ยอมรับเขาเข้ากลุ่มได้

ซินแคลร์จึงเลือกโกหกโครเมอร์ว่าเขาเคยขโมยแอปเปิลกับเพื่อนคนอื่นๆ มาก่อน และได้สาบานต่อพระเจ้าว่าเขาขโมยไปจริงๆ เพื่อให้โครเมอร์เชื่อและยอมรับเขา แต่เรื่องราวที่คิดไว้กลับพลิกผัน โครเมอร์ใช้เรื่องโกหกของซินแคลร์มาแบล็กเมล์เพื่อรีดไถเงินจากเด็กชาย เขาขู่ซินแคลร์ว่าเขาจะไปบอกเจ้าของแอปเปิลว่าใครเป็นหัวขโมย ทำให้ซินแคลร์จำต้องชดใช้ความผิดในเรื่องที่เขาโกหกไปอย่างจำยอม ซินแคลร์ได้ทำลายโลกที่สดใสด้วยตัวของเขาเอง และก้าวเท้าเข้าสู่ด้านมืดอย่างไม่อาจถอยหลังกลับได้อีก

BTS กับ เดเมียน

  • แอปเปิล & เรื่องโกหก

หลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับแอปเปิลกันมาบ้างแล้ว แอปเปิลทางศาสนาคริสต์ถือเป็นตัวแทนของบาปและความชั่วร้าย จากตำนานของอดัมกับอีฟที่ไปละเมิดข้อห้ามของพระเจ้าด้วยการแอบกินแอปเปิลซึ่งเป็นผลไม้ต้องห้ามจนถูกพระเจ้าลงโทษขับไล่ออกจากสวนอีเดน รวมถึงเรื่องราวในนิทาน เช่น สโนไวท์ถูกแม่มดหลอกให้กินแอปเปิลพิษจนหลับไป แอปเปิลจึงมีความหมายแฝงถึงความชั่วร้ายและการโกหกหลอกลวงนั่นเอง
2. ต้องการ “การให้อภัย” จากใครสักคน

ซินแคลร์ได้พบกับเดเมียนที่มีความแปลกประหลาดและไม่เหมือนใครที่เขาเคยรู้จักมาก่อน เขาได้รับการช่วยเหลือจากเดเมียนให้หลุดพ้นจากความชั่วร้ายของโครเมอร์ ทำให้ซินแคลร์มีอิสระอีกครั้ง วันหนึ่งซินแคลร์ได้เรียนเกี่ยวกับเรื่องของ “เคน (Cain)” ซึ่งเป็นตำนานในคัมภีร์ศาสนาคริสต์ที่เล่าถึงเคนกับอาเบล สองพี่น้องที่เป็นลูกของอดัมกับอีฟ

ทั้งสองคนได้ถวายของเพื่อบูชาพระเจ้าแต่พระเจ้าเลือกของบูชาจากอาเบล ทำให้เคนฆ่าอาเบลน้องชายของตัวเอง จนถูกพระเจ้าลงโทษด้วยการเนรเทศให้กลายเป็นคนเร่ร่อนไม่สามารถใช้ความสามารถของตัวเองดำรงชีพได้ เพราะนี่ถือเป็นการฆาตกรรมครั้งแรกของโลก และถือเป็นเรื่องผิดมหันต์ที่ฆ่าพี่น้องสายเลือดเดียวกัน แต่เคนได้ร้องขออ้อนวอนพระเจ้าให้เห็นแก่ชีวิตของเขา พระเจ้าเลยทำเครื่องหมายไว้บนหน้าผากของเคนเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นฆ่าเขาได้

  • ช็อกโกแลต & การให้อภัย

เรื่องของพระเจ้าที่ทำรอยแผลไว้บนหน้าผากของเคน อาจจะไม่มีรอยที่เห็นได้ชัดแต่เคนจะรับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าเขาทำผิดและได้รับการปกป้องแล้ว เช่นเดียวกับที่เดเมียนได้ช่วยเหลือซินแคลร์จากโครเมอร์ ทำให้เด็กชายรู้สึกเหมือนเขาได้รับความเมตตาจากพระเจ้าให้เริ่มชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง และยังสอดคล้องกับเรื่องราวภายในบทที่หนึ่งที่ซินแคลร์เริ่มต้นโกหกครั้งแรก

เขารู้สึกละอายใจต่อครอบครัวและศาสนาของตัวเองมาก ตั้งแต่วัยเด็กหากเขาทำอะไรถูกต้องหรือเป็นเรื่องที่ดี แม่ของเขาจะให้รางวัลเป็นช็อกโกแลตกลับมาทุกครั้ง และเขามีความสุขที่ได้ทำให้ครอบครัวภูมิใจ แต่หลังจากวันที่เด็กชายเริ่มโกหก เขาล้มป่วยอย่างหนักจากอาการที่บอกใครไม่ได้ แต่แม่ก็ยังให้ช็อกโกแลตกับเขา เด็กชายไม่กล้ารับช็อกโกแลตจากแม่ เพราะเขารู้สึกว่าเขาทำตัวไม่ดี ไม่สมกับที่แม่ไว้วางใจเขา แต่แม่ก็ยังให้รางวัลปลอบใจกลับมา ช็อกโกแลตจึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักจากพ่อแม่ที่พร้อมมอบให้ลูกได้เสมอ

BTS กับ เดเมียน

3. ต้องการความช่วยเหลือจาก “เพื่อน” ในยามที่ลำบาก

ช่วงเวลาทุกข์ทรมานของซินแคลร์ที่เกิดจากการโกหก ทำให้ชีวิตเขาเข้าสู่ด้านมืดอย่างเต็มรูปแบบ โครเมอร์มักจะเป่านกหวีดเพื่อเรียกหาซินแคลร์ และเรียกร้องเอาเงินจากเขา หรือไม่ก็ใช้เด็กชายให้ทำงานแทนตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ซินแคลร์รู้สึกอยากหายไปจากโลกใบนี้ เขากลายเป็นคนที่หวาดกลัวเสียงนกหวีด เพราะเสียงนกหวีดเป็นเสียงแห่งฝันร้ายที่เขาไม่อยากได้ยิน จนกระทั่งแม็กซ์ เดเมียน ได้ช่วยเหลือเด็กชายให้รอดพ้นจากโครเมอร์จนเป็นอิสระ

  • ความกลัว & เพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้าง

ความกลัวที่ซินแคลร์กำลังเผชิญ เป็นการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนหรือที่สังคมรู้จักก็คือการบูลลี่นั่นเอง เขาอาจจะไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งอย่างเปิดเผย แต่เขาถูกกระทำให้รู้สึกเสียความมั่นใจและรู้สึกด้อยค่า เสียงที่ซินแคลร์ได้ยินอาจตีความได้สองทางคือ หนึ่งเป็นเสียงจากสังคมที่อาจประณามเขาว่าเป็นหัวขโมยจากการโกหกของตัวเอง และสอง เป็นเสียงจากจิตสำนึกที่ต่อต้านและคอยขัดขวางไม่ให้เขาทำเรื่องชั่วร้าย เมื่อซินแคลร์ไม่อาจห้ามตัวเองได้ ทำให้เขาเริ่มหมดความนับถือตัวเองและมีชีวิตที่ทุกข์ทรมาน จนกระทั่งเขาได้เจอกับเดเมียนที่เข้ามาช่วยเหลือ คอยอยู่เคียงข้าง ทำให้ซินแคลร์ได้รู้ว่าชีวิตของเขานั้นมีค่ามากแค่ไหน

4. มีความ “อยากรู้อยากลอง”

หลังจากผ่านเรื่องราวร้ายๆ มา ซินแคลร์ถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง เขาทำตัวเกเรอีกครั้งและไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้ว ตัวเขาต้องการอะไร จนกระทั่งในที่สุดเขาได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ เบียทริคส์ ซินแคลร์รู้สึกว่าพวกเขาน่าจะเข้ากันได้ดี แต่เด็กชายก็ไม่กล้าเข้าหาเธอมากนัก วันหนึ่งเขาได้ลงมือวาดรูปของหญิงสาวที่เขาคิดว่าหลงรัก

แต่เมื่อเขาวาดเสร็จ รูปผู้หญิงที่เขาวาดกลับมีหน้าตาคล้ายหญิงสาว ตัวเขาเอง และคล้ายกับเพื่อนเก่าของเขาอย่าง*เดเมียน ซินแคลร์ตัดสินใจส่งรูปไปให้เดเมียนและเขาก็ได้รับข้อความตอบกลับมาทำนองว่าต้องทำลายเปลือกไข่ถึงจะพบโลกใบใหม่ จากนั้นซินแคลร์ได้ค้นพบพระเจ้าองค์ใหม่ เขาค้นหาและเรียนรู้ในสิ่งที่สงสัยทุกอย่าง จนกระทั่งเผลอลืมเลือนเรื่องราวความรักครั้งนี้ไป และเริ่มค้นหาตัวเองใหม่อีกครั้ง

*เดเมียนในเรื่องเป็นได้ทั้งมนุษย์และจิตวิญญาณอีกด้านของซินแคลร์ เดเมียนเปรียบเสมือนด้านมืด ส่วนเบียทริคส์เปรียบเสมือนด้านที่สว่าง รูปวาดของซินแคลร์จึงแสดงให้เห็นถึงจิตใจหรือตัวตนของเขาที่อยากละทิ้งโลกด้านมืดเพื่อเจอกับโลกที่สดใส แต่เขาไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกใดโลกหนึ่งได้

  • ต่อสู้กับตัวเอง & อยากรู้อยากลอง

เพราะยังมีหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกนี้ที่ซินแคลร์ยังไม่รู้อีกมาก เขาได้ค้นพบตัวตนของตัวเองจากการใฝ่รู้ด้วยตัวเอง และกล้าที่จะทำเรื่องใหม่ๆ เขาสงสัยในเรื่องของพระเจ้า และเขาก็พบว่าสิ่งที่เขาเชื่อมาตลอดว่าพระเจ้ามีแต่ด้านดีๆ นั้นมันไม่จริง เขาพบว่าพระเจ้ามีอีกด้านที่ไม่ดีเหมือนกัน

ทำให้ซินแคลร์รู้สึกสบายใจว่าสิ่งที่เขาได้เผชิญมานั้นถือเป็นชะตากรรมจากการกระทำของตัวเขาเอง ไม่ใช่เพราะถูกพระเจ้าลงโทษ ข้อความของเดเมียนสื่อให้ซินแคลร์ได้เข้าใจว่า นกที่อยู่ในไข่ต้องทำลายเปลือกไข่เพื่อให้มีชีวิตรอดบนโลกนี้ เช่นเดียวกับซินแคลร์ หากเด็กชายต้องการค้นหาตัวเองให้เจอ เขาจะต้องไม่ยึดติดกับกรอบที่เขาโตมา เพื่อให้ตัวเขาได้เรียนรู้โลกความจริงด้วยตัวของเขาเอง

ความเชื่อมโยงของเดเมียนกับอัลบั้ม Wings สัญญะที่ทั้ง 7 ได้เผยออกมาผ่านผลงานเพลงและรูปภาพ

เราจะมาพูดถึงคีย์เวิร์ดสำคัญเล็กน้อยเพื่อให้เห็นว่าวรรณกรรมกับงานเพลงของวงบังทันเกี่ยวข้องกันอย่างไร ในงานเพลงนอกจากเนื้อเพลงที่เล่าถึงชีวิตวัยรุ่นที่ต้องพบเจอเรื่องราวต่างๆ มากมายแล้ว ยังมีเนื้อหามิวสิกวิดิโอที่ต้องผ่านการสื่อความหมายและการตีความอีกมาก ซึ่งจะขอยกตัวอย่างสั้นๆ ให้ได้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างนิยายเดเมียนกับเนื้อหามิวสิกวิดิโอ โดยแบ่งตามพาร์ทหนังสั้นของแต่ละคนกันค่ะ

ตัวอย่างการสื่อความหมาย เช่น

  • แอปเปิล (Jimin) คือ ซินแคลร์ในวัยเด็กที่โกหกจนทำให้ชีวิตต้องพบเจอกับความทุกข์ทรมาน เป็นการก้าวเข้าสู่โลกมืด และความรู้สึกผิดบาป

BTS_official on Twitter: "#방탄소년단 #BTS #WINGS Concept Photo 2… "

  • รอยแผลเป็น (V) คือ ซินแคลร์ที่เติบโตแล้ว แต่ไม่อาจหลีกหนีจากการกระทำในอดีตของตัวเองได้ รอยแผลนี้จะติดตัวซินแคลร์ไปชั่วชีวิต เป็นรอยมลทิน หรือรอยแผลที่ได้สร้างไว้ในอดีต

taehyung #v #bts #wings #jin #vjin Cr. On pic

  • ไฟแช็ก (Suga) คือ ซินแคลร์หลังจากค้นพบพระเจ้าองค์ใหม่ ที่มีทั้งด้านที่ดีและไม่ดี เขาใช้ไฟเพื่อบูชาพระเจ้า การจุดไฟทำให้เกิดความสว่าง เทียบได้กับการเผาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ด้านมืดหายไป เป็นความกล้าที่จะหนีออกจากโลกอันมืดมน

Bts spring day | ARMY's Amino

  • ภาพสะท้อน (RM) คือ ซินแคลร์ที่ถูกรังแกจากโครเมอร์

BTS (방탄소년단) – REFLECTION Lyrics | Genius Lyrics

  • ความสับสน (J-Hope) คือ ซินแคลร์ที่ไม่แน่ใจในทางที่ตัวเองได้เลือก และรู้สึกราวกับฝันไปทุกครั้ง

Pin on BTS_방탄소년단

  • ปีกที่โบยบิน (Jungkook) คือ ซินแคลร์ที่ทำลายไข่แล้วโบยบินอย่างอิสระ เพื่อค้นหาตัวเองต่อไป

Liz⁷ on Twitter: "FACE YOURSELF, Abraxas, and the next phase of the LOVE YOURSELF concept: How BTS is using Demian, Wings, and the HYYH concept to promote self-love and mental wellbeing. #iHeartAwards #

  • แสงสว่าง (Jin) คือ ซินแคลร์ที่ผ่านเรื่องราวอันโหดร้ายจากด้านมืดมาแล้ว และเขาใช้ชีวิตอยู่ในด้านสว่างโดยที่ยังคงนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ อยู่เสมอ

Maybe I can never fly - Jin's Awake - A Review | K-Pop Amino

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> 4 เทคนิคเรียนภาษากับ RM

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี