BTS members รวมเรื่องราวที่ประทับใจของหนุ่มบังทันที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน
BTS members BTS เป็นวงบอยแบนด์จากประเทศเกาหลีใต้ อยู่ภายใต้สังกัด Big Hit Entertainment ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 7 คน คือ คิม นัมจุน, คิม ซอกจิน, มิน ยุนกิ, จอง โฮซอก, ปาร์ค จีมิน, คิม แทฮยอง และ จอน จองกุก ซึ่งพวกเขาได้เปิดตัวพร้อมผลงานแรกเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ปี 2013 ในซิงเกิ้ลที่มีชื่อว่า “No More Dream”
BTS หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Bangtans Boys (บังทันบอยส์) นั้นเป็นชื่อที่ย่อมาจากภาษาเกาหลี “방탄소년단” (บังทันโซนยอนดัน) มีความหมายว่า Bulletproof Boy Scouts (เด็กผู้ชายในเกราะกันกระสุน) ซึ่งต่อมาในปี 2017 วง BTS ได้มีการปรับเปลี่ยนความหมายของชื่อใหม่ เป็น Beyond the Scene (วัยรุ่นผู้พัฒนาสู่ความใฝ่ฝันอย่างไม่หยุดยั้งและไม่ยึดติดกับสถานภาพปัจจุบัน)
ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2013 พวกเขาได้ประกาศชื่อแฟนคลับอย่างเป็นทางการในชื่อ ARMY ซึ่งย่อมาจาก Adorable Representative M.C for Youth สามเดือนหลังจากเปิดตัว
ก่อนการเปิดตัวของ BTS และที่มาของแต่ละคนก่อนจะเป็นบังทัน BTS members
ในตอนแรกนั้น บังทันบอยส์เป็นโครงการฮิปฮอปที่จะมีแนวคิดคล้ายกับ 1TYM คือเป็นวงฮิปฮอปที่มีแต่ท่อนแร็ป ไม่ใช่วงฮิปฮอปไอดอลที่มีการร้องแร็ปและเต้น ซึ่งมีโอกาสจะได้ปล่อยผลงานตั้งแต่ปี 2010 แต่เนื่องจากมีสมาชิกบางส่วนถอนตัวออกไป ทำให้ทุกอย่างถูกเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด เหลือแค่แร็ปมอนสเตอร์เพียงคนเดียวที่เป็นสมาชิกที่ได้รับการวางตัวในวงนี้ตั้งแต่แรก หลังจากนั้นโปรดิวเซอร์บังชีฮยอกได้เปิดทดสอบความสามารถ HIT IT เพื่อหาสมาชิกใหม่ในโปรเจกต์ฮิปฮอปบังทันโซนยอนดัน
ซึ่งทำให้ได้พบกับชูกา ซึ่งเคยเป็นแร็ปเปอร์ใต้ดินมาก่อน ส่วนเจ-โฮปนั้นก็เป็นนักเต้นที่ค่อนข้างโดดเด่นจากเมืองควังจู ทั้ง 3 คนได้กลายมาเป็นสมาชิกกลุ่มแรกของวง หลังจากนั้น วี มาทดสอบความสามารถที่ BigHit ผ่านการทดสอบความสามารถด้วยการร้องเพลงและได้เข้าร่วมทีมซึ่งในขณะนั้นได้ฟอร์มวงมาระยะหนึ่งแล้ว (ใช้เวลาในการฟอร์มวง 3 ปี)
จองกุกที่ไม่ผ่านการทดสอบความสามารถในรายการ Superstar K2 ที่พูซาน แต่ได้รับความสนใจจากหลายบริษัทในขณะนั้น ซึ่งจองกุกได้เลือกเข้ามาเป็นเด็กฝึกที่ BigHit จนได้เป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกต์บังทันตั้งแต่นั้นมา
จินได้รับการแคสติ้งขณะเดินทางไปเรียนและได้เข้าเป็นเด็กฝึกพร้อมกับจองกุก ส่วนจีมินนั้นเข้ามาทดสอบความสามารถตามคำแนะนำของครูสอนเต้นจนได้เป็นนักร้องฝึกหัดของค่ายอยู่ก่อนแล้ว และได้ผ่านการคัดเลือกเป็นสมาชิกวงเป็นคนสุดท้าย
เจ-โฮปปรากฏตัวครั้งแรกในรายการเพลงผ่านผลงานเดี่ยวของโจควอน 2AM ซิงเกิลชื่อ ‘Animal’ โดยมีเจ-โฮปมาร่วมฟีทในท่อนแร็ปของเพลง นอกจากนั้นในมิวสิกวิดีโอเพลง I’m Da One ของโจควอนก็มี จิน วี เจ-โฮป จองกุก และชูก้า ก็ปรากฏอยู่ในมิวสิกวิดีโอเช่นกัน ก่อนช่วงคริสต์มาสปี 2012 พังทันได้ทำเพลงชื่อ “A Typical Trainee’s Christmas” เพื่อความสนุกและหวังว่าจะได้เปิดตัว ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่พวกเขาร้องและแต่งเอง
ในเดือนธันวาคมปี 2012 ได้มีการปล่อยคลิป Let’s Introduce BANGTAN ROOM ซึ่งเป็นคลิปการแร็ปของแร็ปมอนสเตอร์เพื่อแนะนำสมาชิกคนแรก จิน บังชีฮยอกได้รีมิกซ์ “A Typical Trainee’s Christmas” และปล่อยเทปรีมิกซ์ออกมา เดือนมกราคม 2013 ได้มีการเปิดเผยคลิปการทำเพลงของชูก้าและคลิปการซ้อมเต้นของจีมิน แต่ไม่ได้เปิดเผยหน้าตาแต่อย่างใด
ในช่วงแรกนั้นมีเพียงแร็ปมอนสเตอร์และจินที่เปิดเผยหน้าตาและได้ทำคลิป BTS’log เดือนกุมภาพันธ์ 2013 มีการปล่อยคลิปการซ้อมเต้นของจองกุก และปล่อย MV เพลง ‘Graduation Song’ ที่ร้องโดยจองกุก จีมิน เจ-โฮป หลังจากนั้นได้มีการปล่อยคลิป BTS’log มากมายและได้เปิดเผยสมาชิกที่เหลืออีก 6 คน
RM พูดถึงคำใหม่ที่อาร์มี่ใช้พูดถึงเขา “Namjooning”
อาร์มี่ (ARMY) แฟนคลับของบีทีเอส (BTS) ได้นิยามคำหลากหลายเพื่อให้นิยามของสมาชิกวงบีทีเอส อย่างเช่น จองกุก (Jungkook) ที่ถูกเรียกว่า “Jungshook” หรือ จิน (Jin) คือ “Lejindary” และสำหรับ อาร์เอ็ม (RM) ที่มีการนิยามคำว่า “Namjooning” ซึ่งมาจากชื่อจริงของเขา คิมนัมจุน (Kim Namjoon)
แต่อาร์เอ็มรู้สึกอย่างไรกับคำนี้กันนะ?
“Namjooning” เป็นคำที่แฟนคลับหลายคนได้ร่วมให้คำนิยามเอาไว้ใน Urban Dictionary หมายถึง การใช้ชีวิตแบบนัมจุน (RM) ซึ่งกิจกรรมที่อาร์เอ็มทำได้แก่ การใช้เวลากับธรรมชาติ, ชื่นชอบงานศิลปะ, อ่านหนังสือ และพบปะเพื่อนฝูง
โดยรวมแล้วเป็นคำที่ใช้อธิบายการใช้ชีวิตของนัมจุนอย่างมีชีวิตชีวา แม้ในช่วงมีการระบาดของไวรัส เขายังคงออกไปใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานกับธรรมชาติ
หรือจะเป็นการเที่ยวพิพิธภัณฑ์
แฟนคลับใช้คำว่า “Namjooning” กันอย่างกว้างขวาง รวมถึงอาร์เอ็มก็เรียนรู้และใช้คำนี้เช่นกัน แต่เขาจะรู้สึกกับการที่แฟนคลับนำคำนี้ไปใช้อธิบายชีวิตของพวกเขาอย่างไรกันนะ? อาร์เอ็มได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับ Rolling Stone
“คุณรู้สึกอย่างไรที่แฟนคลับใช้คำว่า “Namjooning” ผสมผสานไปกับการใช้ชีวิตของพวกเขา?” – Riddhi Chakraborty, Rolling Ston
อาร์เอ็มบอกว่ารู้สึก ‘ขอบคุณ’ สำหรับไอเดียที่ใช้คำว่า “Namjooning” แต่เขาก็รู้สึกว่าต้องมีความรับผิดชอบเช่นกัน เขาบอกว่าเวลาจะทำเพลง เขาก็ต้องคิดว่า เขาต้องเป็นพลังบวกให้แก่คนมากมาย
“ผมคงรู้สึกเป็นเกียรติมากถ้ายังสามารถโชว์การทำงานหนักและผลลัพธ์ของความพยายามของตัวเอง” – อาร์เอ็ม
อาร์เอ็มบอกว่าสมาชิกในวงทุกคนต่างพยายามจะใช้ชีวิตเพื่อให้เป็นพลังบวกให้กับทุกคน เขายกตัวอย่างแคมเปญ Love Myself ที่ทำร่วมกับ UNICEF
นอกจากนี้อาร์เอ็มยังขอบคุณอาร์มี่ที่ร่วมทำกิจกรรมการกุศลมาหลายปี และใช้ชีวิตโดยการส่งต่อพลังบวก คำว่า Namjooning ถือเป็นอีกคำที่สนับสนุนให้ทุกคนใช้ชีวิตโดยมีพลังบวก ต้องขอบคุณทั้งอาร์เอ็มและบีทีเอส
Jin เปิดใจเรื่องการแสดง และบอกว่าเขาดีใจที่เลือก BTS
หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่า จิน (Jin) เคยใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดงก่อนจะเดบิวต์กับวง บีทีเอส (BTS) แต่การตัดสินใจของเขาในครั้งนั้น เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล ในทางที่ดีขึ้น
จิน และ ชูก้า (Suga) ได้พูดคุยกับในตอนสุดท้ายของรายการ In the SOOP พวกเขาย้อนนึกถึงอดีต และพวกเขาอยากเห็นตัวเองเป็นแบบไหนในอนาคต
จิน และ ชูก้าจะทำอะไรอยู่ ถ้าไม่ได้ทำเพลง? จินเชื่อว่าชูก้าจะประสบความสำเร็จ ส่วนชูก้าคิดว่าเขาเห็นภาพจินในฐานะนักแสดงเช่นกัน
“อาจไม่เป็นอย่างนั้นนะ” จินพูดกับชูก้า “ชีวิตฉันเปลี่ยนหลังจากเจอพวกนาย ฉันเคยปล่อยชีวิตให้ผ่านไปเรื่อยๆ นี่แหละที่เขาบอกว่าสิ่งที่อยู่รอบข้างของเรานั้นสำคัญ”
การได้เห็นสมาชิกในวงทำงานหนัก ทำให้จินอยากทำงานหนักด้วย
“นายทำงานหนักตลอด ฉันเห็นและได้เรียนรู้การทำงานหนักจากพวกนาย” – จิน
จินคิดว่าเขาอาจจะแตกต่างไปจากนี้ ถ้าทำงานเดี่ยวหรือเป็นนักแสดง
“ถ้าฉันเป็นนักแสดง ฉันคงไม่รู้สึกต้องรับผิดชอบอะไร เพราะฉันทำงานคนเดียว อาจจะขี้เกียจก็ได้” – จิน
ชูก้าบอกว่าเขาก็ไม่ได้ทำงานหนักเช่นกัน แต่จินบอกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่สมาชิกในวงพัก จะมีสมาชิกบางคนที่ยังทำงานอยู่เสมอ การเติบโตด้วยกันของพวกเขาเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาแข็งแรง และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กันและกัน ทำให้แต่ละคนกลายเป็นตัวเองที่ดีกว่าเมื่อวาน
“การได้อยู่ข้างพวกนายทำให้ฉันคิดว่า คนที่ฉันเป็นอยู่ข้างๆเป็นสิ่งสำคัญมากจริงๆนะ” – จิน
ทัศนคติและความคิดของ Suga ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตให้กับคุณ
ชูก้า (Suga) สมาชิกวง บีทีเอส (BTS) เป็นคนที่ตรงไปตรงมา, เท่, สงบ และเป็นอีกคนที่เข้าใจความหมายของทุกสิ่งรอบตัวอย่างลึกซึ้ง เขาแสดงทัศนคติในการเข้าใจโลกของตนเองผ่านการสัมภาษณ์หลายครั้ง และแน่นอนว่าความคิดของเขาเหล่านี้สามารถนำทางใครหลายคนที่ชีวิตตอนนั้นกำลังเจอปัญหาที่แก้ไม่ตก และไม่เข้าใจ
ลองไปดูว่าชูก้าเคยพูดอะไรไว้บ้าง และคุณอาจจะนำความคิดของเขาไปปรับใช้ในชีวิตของตัวเองได้
- พยายามทำทุกวันให้ดีขึ้น อย่าตั้งคำว่า ‘พอ’ ขึ้นมาเพื่อหยุดพัฒนาตัวเอง
“สำหรับคนทั่วไป ในชีวิตหนึ่ง เราอาจเจอคนได้แค่ไม่กี่ร้อยคน แต่สำหรับผม ผมได้สิทธิพิเศษที่ได้มาเจอกับผู้คนเป็นหมื่นคนตอนที่พวกเขามาดูผมแสดง ผู้รู้สึกภูมิใจในสิ่งนี้ และไม่เคยจะมีเวลาใดที่ผมบอกตัวเองว่า “คุณทำได้แค่นี้ก็พอแล้ว” หรือ “มันมาพอแล้ว คุณควรพอ” ทุกครั้งที่ผมแสดง ผมมคิดว่านี่คือหน้าที่ทที่ผมต้องทำให้ดี”
- ทำงานของคุณให้เต็มที่
“ผมไม่ค่อยแน่ใจกับคำว่า ‘พรสวรรค์’ ผมรู้แค่ว่าเวลาผมทำงานเพลง ผมค่อนข้างจริงจังมาก ปกติแล้วผมเป็นง่ายๆสบายๆ แค่ถ้าเป็นเรื่องดนตรีเมื่อไหร่ ผมจะจริงจังมากทันที เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญ ถ้าผมทำเพลง ผมก็จะทำให้แน่ใจว่าผมทำมันออกมามีคุณภาพ”
- ต่อสู้กับคนที่ไม่ชื่นชอบ
“ผมไม่อยากจะเจ็บปวด หรือขุ่นเคืองเพราะเรื่องเหล่านี้ ถ้าผมรู้สึกแบบนั้น ก็เหมือนผมพ่ายแพ้ให้แก่อคติเหล่านั้นไปแล้ว”
- ไหล่ที่สามารถพึ่งพิง
“โลกไม่เคยสอนว่าเราควรจะฝันได้เท่าไหร่ ใหญ่ได้แค่ไหน แต่ก็กลับเฝ้าคอยแต่ด่าว่าเมื่อฝันของเรานั้นเล็กเกินไป แต่จำไว้ว่านั่นไม่ใช้ความผิดของคุณ ชีวิตก็มีช่วงที่ยากแบบนี้แหละ ทุกคนต้องมีใครซักคนให้ได้พึ่งพิง เป็นเรื่องปกติมาก เพราะฉะนั้นหากเห็นใครกำลังมีชีวิตที่ยากลำบาก ก็ช่วยเป็นไหล่ให้เขาพักพิงด้วยนะครับ และก็ไม่ต้องกลัวจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นด้วย นี่คือเหตุผลเดียวที่ผมเริ่มทำเพลง เพราะว่าผมอยากให้เพลงของผมเป็นพลังให้กับผู้คน”
J-Hope ยอมรับว่าเคยโกหกแม่เรื่องงานที่เขากำลังทำอยู่
เจ-โฮป (J-Hope) วง BTS เล่าว่าในช่วง 1-2 ปีแรกที่เขาเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในวงการเคป็อป เขาได้โกหกแม่ของเขาเรื่องงานที่กำลังทำอยู่
เจ-โฮปได้เล่าเรื่องของเขาผ่านทางบทสัมภาษณ์ใน Weverse เขาบอกว่าไม่เคยเล่าให้แม่ฟังว่าเหนื่อยแค่ไหนตอนที่ฝึกเพื่อเดบิวต์กับวง BTS เวลาที่แม่ถามว่าเขาเป็นยังไงบ้าง เขาจะบอกแม่ว่าทุกอย่างโอเคดี เพราะว่าไม่อยากให้คุณแม่กังวล
ก่อนจะประสบความสำเร็จดังเช่นปัจจุบัน สมาชิกในวง BTS ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง และอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเดียว เพื่อสร้างความสนิทสนม ทำให้พวกเขาต้องแยกกันอยู่กับครอบครัว แต่เจ-โฮปเล่าว่าแม่ของเขาจะส่งกำลังใจให้เขาเสมอ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันก็ตาม
เจ-โฮปเล่าว่า แม่ของเขาเชื่อในตัวเขามาก และบอกว่าเขาจะต้องประสบความสำเร็จ คุณแม่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่เขาทำงานหนัก เพราะว่าเขาอยากเห็นคุณแม่มีความสุขกับสิ่งที่เขาเลือกในการทำงานกับวง
คุณแม่ของสมาชิกคนอื่นในวง BTS ก็สนับสนุนลูกชายของพวกเธอเช่นกัน พวกเธอได้ลูกชายเพิ่มอีก 6 คน เพราะทั้งหมดเติบโตมาด้วยมิตรภาพที่เน้นเฟ้นเหมือนพี่น้อง เหล่าคุณแม่มักจะทำอาหารส่งมาให้สมาชิกในวงบ่อยๆ คุณแม่ของจีมินทำกิมจิอร่อยที่สุด และเธอมักจะส่งอาหารมาให้ลูกชายแท้ๆและลูกชายอีก 6 คนของเธออยู่เสมอ แม่ของวีก็ส่งอาหารมาไม่ขาดเลยเช่นกัน
เหตุผลที่ Jimin ซื้อตึกเก่าที่ค่อนข้างเสื่อมโทรม
บ้านเกิดของจีมินอยู่ที่ ปูซาน อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเขาบริจาคเงินให้กับโรงเรียนสมัยเด็กของตัวเอง เขาจ่ายค่าชุดนักเรียนให้แก่เด็กที่จบการศึกษาเป็นเวลา 2 ปีติดกัน
Those were the days Jimin was still in high school! ♡he is so cuteeee #BTS #jimin #parkjimin #chimchim #Bangtanboys pic.twitter.com/mRlOdWNiRI
— 태형♡♡ (@jihye9601) March 16, 2016
เดือนเมษายน ปี 2019 จีมิน ได้บริจาคเงินจำนวน 2.6 ล้านบทให้แก่ สำนักงานการศึกษาเมืองปูซาน เพื่อช่วยเหลือค่าอาหารกลางวันและค่าใช้จ่ายอื่นของเด็กที่มาจากครอบครัวยากจน เงินบริจาคส่วนนี้จำนวนประมาณ 780,000 บาทถูกจัดสรรให้โรงเรียนมัธยม Busan High School of Art โรงเรียนเก่าของจีมิน
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาเพิ่งเปลี่ยนโต๊ะนักเรียนใหม่ 1,200 ตัวให้กับนักเรียนในโรงเรียนเก่าของเขา
นอกจากจะทำเพื่อสังคมแล้ว จีมินได้ซื้อของให้ตัวเอง เป็นแฟลตชื่อว่า Banpo Jugong ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำฮัน มูลค่าประมาณ 117 ล้านบาท
แฟนคลับไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเขาถึงซื้อตึกนี้ เพราะที่นี่เป็นตึกเก่า โทรม แตกต่างจากบ้านของสมาชิกในวงคนอื่น แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลว่าตึกนี้มีแผนจะรีโนเวทและตกแต่งใหม่ ด้วยโลเคชั่นที่ดี การซื้อแฟลตแห่งนี้ถือเป็นการลงทุนที่ไม่เลวเลยทีเดียว
V ได้ตอบจดหมายสุดซึ้งให้กับเด็กอายุ 9 ขวบ
เมื่อแฟนคลับคนหนึ่งได้เขียนจดหมายมาหา V (วี)
เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดที่เด็กน้อยคนหนึ่งมีปัญหาจากการถูกกลั่นแกล้งหรือรังแกจากคนรอบข้าง เช่นเดียวกันกับกรณีที่แฟนคลับบีทีเอสรายหนึ่งได้เขียนจดหมายมาหาวี และบอกว่าเขาไม่มีเพื่อน เขาเหงา
ถึง พี่แทฮยอง
สวัสดีครับ ผมชื่อจีฮุน อายุ 9 ขวบ ผมเป็นแฟนคลับวงพวกพี่ครับ แต่ผมชอบพี่มากที่สุด ผมไม่มีเพื่อน เมื่อผมมองไปรอบข้างผมไม่สามารถพูดคุยกับพวกเขาได้ ปกติผมจะอยู่โรงเรียนตามลำพังแถวๆทางเดินโรงเรียน แม่ของผมแนะนำให้ผมเปิดดูรายการทีวีของพี่ เรียนรู้ทักษะการเต้น จนทำให้ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมมีเพื่อน ขอบคุณที่อยู่ข้างๆผม ตอนนี้แขนผมเจ็บมาก ไว้ผมจะเขียนจดหมายมาหาใหม่นะครับ
จดหมายที่วีเขียนตอบกลับ
สวัสดี จีฮุน
พี่วีเองนะ ขอบคุณมากที่สนับสนุนพวกเราวงบีทีเอส ไม่ว่าจะทั้งการฟังเพลงหรือดูการแสดงเราอะไรก็ตาม หนูน่ารักมากเลย ตอนนี้พี่เป็นเพื่อนกับหนูแล้วนะ ดังนั้นขอให้สุขภาพแข็งแรงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สักวันที่น้องโตขึ้นแล้วหวังว่าพวกเราจะได้พบกัน บังเอิญแขนพี่ก็เจ็บเหมือนกันเลย ไว้จะเขียนจดหมายไปใหม่นะ
Jungkook เปิดเผยว่าเขาไม่กินอาหารเป็นเวลา 5 วัน เพื่อเตรียมตัวสำหรับการถ่าย MV เพลง ‘Butter’
จองกุก (Jungkook) วง BTS เปิดเผยผ่านทาง V Live เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ว่า เขาไม่กินอาหารแม้แต่มื้อเดียวตลอด 5 วันก่อนถ่ายมิวสิควิดีโอเพลง “Butter”
สมาชิกวง BTS ได้มาทักทายแฟนคลับผ่านทาง V Live และดูมิวสิควิดีโอเพลง “Butter” ผลงานใหม่ล่าสุดของพวกเขาด้วยกัน
ระหว่างดูมิวสิควิดีโอ จองกุก ได้เปิดเผยว่า เขาไม่ได้กินอาหารเลยตลอด 5 วัน เพื่อเตรียมตัวถ่ายมิวสิควิดีโอเพลงนี้ หลังจากได้ฟังแบบนั้น เจ-โฮป (J-Hope) เลยบอกว่า เพราะเขาอดอาหาร ทำให้ในวิดีโอเราไม่ได้เห็นแก้มกระต่ายที่เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของจองกุกในมิวสิควิดีโอนี้
จองกุกบอกว่าเขาใช้ชีวิตโดยการดื่มแค่น้ำเปล่าตลอด 5 วัน ทำให้ วี (V) ตกใจ แล้วบอกว่า “ว้าว น้ำเปล่าตลอด 5 วันเลยเหรอ?” น่าจะเป็นครั้งแรกที่ วี รู้ว่า จองกุก ไดเอทอย่างหนักก่อนจะถ่ายมิวสิควิดีโอ Butter
จองกุกดูโตขึ้นมาในมิวสิควิดีโอล่าสุด เขาทิ้งลุคหนุ่มน้อยที่อาร์มี่คุ้นตามาตั้งแต่เดบิวต์ เติบโตเป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบในผลงานล่าสุด แฟนคลับต่างชื่นชมในความทุ่มเทของเขา เพราะต่างก็รู้ว่าจองกุกรักการกินมากแค่ไหน
บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> RM ลีดเดอร์ผู้นำทีม BTS
เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เกมออนไลน์
>>>>> แทงบอลยูโร