RM ลีดเดอร์ผู้นำทีม BTS

RM ลีดเดอร์ผู้นำทีม BTS เรื่องราวของชายนักฝันสู่การเป็นที่รู้จักระดับโลก

RM ลีดเดอร์ผู้นำทีม BTS มาทำความรู้จักกับหนุ่มไอคิวสูง สู่การเป็นลีดเดอร์ต้นแบบที่รู้จักระดับโลก

RM ลีดเดอร์ผู้นำทีม BTS คิม นัมจุน (Kim Nam Joon) ที่ที่แฟนๆ รู้จักกันในนาม Rap Monster ก่อนเปลี่ยนเป็น อาร์เอ็ม (RM) เกิดเมื่อวันที่ 12 กันยายน ปี 1994 เป็นแร็ปเปอร์, นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ชาวเกาหลีใต้ นอกจากนี้ยังเป็นแร็ปเปอร์และหัวหน้าวงบอยแบนด์เกาหลีใต้ชื่อดัง BTS สังกัดค่าย Big Hit Entertainment

คิมนัมจุน หรือ RM เป็นศิลปินอีกหนึ่งคนที่น่าสนใจ เขามักทักษะหลากหลายด้าน และนำมันมาผสมผสานเข้ากับผลงานเพลงของตัวเอง หลายครั้งหลายหนอาร์เอ็มเหมือนเป็นตัวแทนที่ออกมาพูดแทนวัยรุ่นวัน 10-20 ปี หรือแม้กระทั่งปัญหาที่คนทุกเพศทุกวัยต้องเผชิญ เขานำมันมาถ่ายทอดผ่านบทเพลง หรือบทสัมภาษณ์ทำให้ทุกคนได้รับรู้และเริ่มคิดแก้ปัญหาเหล่านั้นร่วมกัน

อาร์เอ็มมีความฝันอยากเป็นกวีตั้งแต่เด็ก เขาเคยแต่งกลอนที่ชื่อว่า “เสือแห่งคาบสมุทรเกาหลีและการเป็นหนึ่งเดียว” เขาโพสมันบนโลกออนไลน์ตอนเรียนอยู่ประมาณ ป.5 และตอนนี้กลอนนั้นยังคงได้รับคำชื่นชม

เขามีความสามารถในการถ่ายทอดมุมมองที่แตกต่างมาตั้งแต่เด็ก กลอนที่เขาเคยเขียนความว่า “ไม่ใช่กระต่าย แต่เป็นเสือที่ตื่นกลัว มีรอยแผลอยู่บนตัวของเสือ (หมายถึง จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ) ถูกมองว่าเป็นแค่กระต่ายตัวจ้อยไม่ใช่เสือ แต่วันใดที่รอยแผลนั้นหายไป เราจะไม่ถูกโลกมองอย่างต่ำต้อยอีกต่อไป”

หนึ่งเพลงจุดประกายความฝัน สู่การเดินทางเข้าวงการของ RM RM ลีดเดอร์ผู้นำทีม BTS

ตอนเรียนอยู่ชั้น ป.6 อาร์เอ็มได้ฟังเพลง Fly ของ รุ่นพี่ Epik High และทำให้เขาสนใจงานเพลงขึ้นมา ก่อนจะเริ่มต้นความฝันในการเป็นศิลปิน ตอนที่เรียนอยู่มัธยมต้น เขาได้ไปออดิชั่นและได้รับเลือกจาก Big Hit เมื่อปี 2010 เขาได้เข้าใกล้วงการเพลงมากขึ้น ตามฝันในการเป็นแร็ปเปอร์ แต่ก็ไม่ทิ้งการเรียน เขามุ่งมั่นทั้ง 2 ด้าน ในด้านการเรียน เขาสามารถทำคะแนน TOEIC wfh 850 คะแนน และอยู่ในกลุ่ม 1.3% ของคนที่มีคำแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยสูงสุด ระดับ IQ ของเขาอยู่ที่ 148

RM ลีดเดอร์ผู้นำทีม BTS

หลังจากฝึกฝนอย่างยากลำบาก เขาก็ได้เดบิวต์กับบีทีเอส (BTS) เมื่อปี 2013 วงใช้ชื่อ BTS เพื่อนำเสนอแนวคิดป้องกันการถูกสังคมตัดสินและกดดันของกลุ่มวัยรุ่น พวกเขาจะทำตัวเป็นเกราะกันกระสุนให้เอง ทำให้ตั้งแต่เริ่มแรก บีทีเอสเป็นวงที่กล้าออกมาพูดถึงปัญหาของวัยรุ่น ตั้งแต่เพลงเดบิวต์อย่าง No More Dream ไปจนถึง N.O และ Boy In Luv ต่างสะท้อนถึงความรักและความสุขของวัยหนุ่มสาว

หลังจากเดบิวต์ พวกเขาได้รางวัลศิลปินหน้าใหม่ 4 รางวัลจาก Melon Music Awards, Golden Disc, Seoul Music Awards และ Gaon Chart Awards อาร์เอ็มเคยให้สัมภาษณ์หลังจากได้รับรางวัลว่า

“ผมมีความสุขและยังสั่นอยู่เลย มันเหมือนมีเวทย์มนตร์ ยังไม่เชื่อเลยว่าเราจะได้รับรางวัล ตอนพิมพ์ชื่อวงใน Naver ผมเห็นลิสต์ของรางวัลที่เราได้ ผมยังไม่อยากเชื่อเลยครับ สงสัยต้องได้ซัก 10 รางวัลก่อน ผมถึงจะรู้สึกว่านี่คือเรื่องจริง ตอนที่เราเพิ่งเดบิวต์ เราเคยพูดกันว่าเราจะทำงานหนักเพื่อให้ได้รางวัลศิลปินรุกกี้ แต่พอได้แล้ว เรารู้สึกพูดไม่ออกครับ ตอนนี้ยังคงเหมือนฝันไปเลยครับ แค่คิดว่าแฟนคลับ ศิลปิน และตัวแทนจากวงการเพลงกำลังฟังงพวกเรากล่าวรับรางวัล”

นอกจากนี้เขายังเคยบอกว่า “ตอนนี้ถ้าคิดถึงเรื่องความนิยม ผมคิดว่าหลายคนคงคิดแค่ อ่อ บีทีเอสหน่ะเหรอ? เหมือนจะเคยได้ยินชื่อนะ อะไรประมาณนั้นใช่ไหมครับ แต่ว่าผมอยากจะทำให้ทุกคนรู้จักวงของเรา เราจะกลายเป็นบีทีเอสที่ทำให้คุณเชื่อมั่นในผลงานเพลง”

“ถ้าจะต้องเลือกสีให้กับวัยรุ่น ผมขอเลือกสีเทา” คำกล่าวของตัวแทนวัยรุ่นของนัมจุน

RM ลีดเดอร์ผู้นำทีม BTS

บีทีเอสค่อยๆเติบโต เริ่มจากคอนเสิร์ตครั้งแรกของพวกเขาที่จัดขึ้นที่ Yes24 Live Hall เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2014 โดยมีจำนวนที่นั่ง 2,000 ที่นั่ง จากนั้นในปี 2015 วงได้รับรางวัลแรกจากรายการเพลง ช่วงโปรโมทเพลง I NEED U จากนั้นในปี 2016 คอนเสิร์ต The Most Beautiful Moment in Life ได้ถูกจัดขึ้นที่ Olympic Gymnastics Arena

ตามมาด้วยการปล่อยอัลบั้ม Wings อัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในปี 2016 เช่นกัน โดย Wings ได้แรงบันดาลใจมาจากนวนิยายที่พูดถึงการเติบโตเป็นผู้ใหญ่เรื่อง Demain, อาร์เอ็มเคยบอกไว้ว่า “ถ้าจะต้องเลือกสีให้กับวัยรุ่น ผมขอเลือกสีเทา มันเป็นช่วงที่คลุมเครือให้การค้นหาสีที่แท้จริงขอองชีวิต ผมคิดว่าถ้าคุณยังคงใช้ชีวิตให้เหมือนกับคุณยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว จะทำให้คุณกล้าที่จะรักและออกเดินทาง แต่ถ้าคุณไม่ทำแบบนั้น ผมว่าชีวิตก็ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว”

เพลงที่เริ่มได้รับความนิยมทั่วโลกของบีทีเอสน่าจะเป็นเพลง Boy in Luv และกระแสดีอย่างต่อเนื่องจาก ซีรีส์อัลบั้มเพลง LOVE YOURSELF อาร์เอ็มได้พูดถึงอัลบั้มนี้เอาไว้ว่า

RM ลีดเดอร์ผู้นำทีม BTS

“สิ่งที่เราอยากถ่ายทอดก็คือ ถ้าคุณไม่รักตัวเอง คุณก็รักคนอื่นไม่ได้ ผมเคยอ่านเรื่องราวของคนบางคนที่เข้าใจความรักแบบผิดๆและต้องเสียใจหลายต่อหลายครั้ง ผมคิดเกี่ยวกับความรักเยอะมาก และคิดได้ว่าการรักตัวเองนี่แหละคือคำตอบของหลายสิ่ง และถึงแม้ผมจะยังไม่เจอประสบการณ์นั้นด้วยตัวเอง แต่เราก็หวังว่าคุณจะเจอคำตอบของคุณจากบทเพลงในซีรีส์ LOVE YOURSELF”

LOVE YOURSELF ความรักที่เริ่มต้นจากการรักตัวเอง

LOVE YOURSELF เริ่มโปรโมทตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2017 และมีการเปลี่ยนแปลงคือ อาร์เอ็มเปลี่ยนสเตจเนมของเขาจาก แร็ปมอนสเตอร์มาเป็นชื่อปัจจุบัน เขาเล่าถึงเหตุผลที่เปลี่ยนที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2012 ว่า

“ชื่อนี้เป็นชื่อที่ผมคิดขึ้นตอนแต่งเพลงช่วงเป็นเด็กฝึกหัด ผมเลยรักชื่อนี้มาก แต่ว่าเพลงที่ผมทำในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้นดูเหมือนจะเปลี่ยนไปจากเพลงที่ผมอยากจะทำในอนาคต แล้วผมก็เริ่มแนะนำตัวเองง่ายๆในชื่อของ แร็ปม่อน หรือไม่ก็อาร์เอ็ม แทนแร็ปมอนสเตอร์ ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนสเตจเนมของตัวเองเพื่อให้เหมาะกับแนวเพลงที่หลากหลายขึ้นและการโปรโมทในอนาคต”

แนวเพลงของบีทีเอสเติบโตขึ้นและเปลี่ยนไป และพวกเขาประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ จนติดอันดับ 1 ชาร์ตใหญ่ระดับโลกอย่าง Billboard, คว้ารางวัลแดซังจากงานประกาศรางวัล, จัดคอนเสิร์ตในหลายประเทศ และอีกมากมาย

แฟนคลับหลายคนทั้งในและต่างประเทศต่างบอกว่าชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปเมื่อได้ฟังเพลงของบีทีเอส อาร์เอ็มได้สัญญาว่าจะทำเพลงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต

“ตอนแรกที่เริ่มทำเพลง ผมไม่ได้คิดหรอกว่าเพลงของเราจะเปลี่ยนชีวิตใครได้ แค่อยากจะเล่าเรื่องของตัวเองเท่านั้น แต่ว่าหลังจากนั้นผมได้เรียนรู้และเห็นแล้วว่าเพลงเปลี่ยนเพลงชีวิตของแฟนคลับของพวกเรามากเพียงใด ความสัมพันธ์ของเรากับแฟนคลับเหมือนต่างคนต่างเป็นแบตเตอรี่ช่วยเติมไฟให้แก่กันและกัน เราคือความเข้มแข็งของกันและกัน ผมก็รู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างจากแฟนคลับหรอกครับ ต้องขอบคุณพวกเขาเพราะชีวิตของเราก็เปลี่ยนไปเพราะพวกเขาเช่นกัน”

เวลาที่คุณอยู่สูงขึ้น คุณก็จะอยู่ไกลจากเงาของตัวเองมากขึ้น คุณอยู่ห่างจากมัน แต่ก็ไม่ควรลืมมัน – RM

ถึงแม้ตอนนี้บีทีเอสจะกลายเป็นวงที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่สมาชิกยังคงคอยปรับปรุงตัวเอง และพูดถึงความกังวลใจของพวกเขาอยู่ตลอด

“เวลาที่คุณอยู่สูงขึ้น คุณก็จะอยู่ไกลจากเงาของตัวเองมากขึ้น คุณอยู่ห่างจากมัน แต่ก็ไม่ควรลืมมัน ถ้าคุณรักงานของคุณ คุณต้องเป็นเพื่อนกับเงาของคุณด้วย ที่ผมจะบอกกคือ คุณต้องยอมรับเรื่องที่ไม่เป็นไปตามใจคิดด้วยเช่นกัน”

พอถูกถามเรื่องความกดดัน ทั้งในฐานะหัวหน้าวงบีทีเอส ที่มีคนคาดหวังทั้งผลงานและตารางโปรโมทที่ยุ่ง อาร์เอ็มเล่าถึงสิ่งที่เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของเขาในตอนนี้

“ผมมักจะไปพิพิธภัณฑ์หรือไม่ก็สวนสาธารณะเพื่อหล่อเลี้ยงความคิดสร้างสรรค์ของผมครับ”

อาร์เอ็มและบีทีเอส เดินอยู่บนเส้นที่ที่มีแสงสว่างจากอาร์มี่คอยนำทาง หลายสายตาต่างจ้องมองมาที่ผลงานชิ้นต่อไปของวง และคิดว่าบีทีเอสกับอาร์มี่จะจูงมือกันทำความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในอนาคตได้อย่างแน่นอน

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> Suga แร็ปเปอร์สุด swag

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี

>>>>> แทงบอลยูโร