SUGA VOGUE KOREA แปลบทสัมภาษณ์ของยุนกิในนิตยสารเดือนธันวา 2021
SUGA VOGUE KOREA แปลบทสัมภาษณ์ของ SUGA หรือมินยุนกิ สุดยอดแรปเปอร์แห่งวง BTS ที่มาพูดถึงชีวิต การทำงานและแนวคิดของเขา หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาประสบความสำเร็จต่างๆ มากมาย และการทำงานของเขาในบทบาทแรปเปอร์แห่ง BTS และชีวิตโปรดิวเซอร์ของเขาเองอีกด้วย
SUGA VOGUE KOREA Pt.1 : “มินสราดามุส” SUGA ที่แปลกใหม่และสดชื่น
“ทีม Portland Trail Blazers* ครับ ผมชอบดูการแข่งขันของทีมม้ามืดเหล่านี้ แทนที่จะดูแต่ทีมใหญ่ๆ” ชูก้ากล่าว เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่เขาสนใจในช่วงนี้ คําตอบช่างดูเป็นตัวตนของเขาเสียจริง ในระหว่างการสัมภาษณ์ที่มีชีวิตชีวานี้ เขาบอกกับเราเป็นครั้งแรกถึงทีมและผู้เล่นที่เขาชื่นชอบ (Damian Lillard**)
“ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูการแข่งขัน NBA พอดีเลยครับ ผมใช้ชีวิตเพื่อรอวันนี้โดยเฉพาะเลย” เขาพูดปนหัวเราะ สีหน้าของเขาดูสดใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเป็นเพราะความมั่นคงและความผ่อนคลายที่มาแทนความตึงเครียด ผมนึกย้อนไปถึงความรู้สึกเมื่อตอนที่ เขาวางมือจากอะไรหลายๆ อย่างตอนทํามิกซ์เทป ‘D-2 ที่ปล่อยออกมาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมา
(*Portland Trail Blazers = ทีมบาสเกตบอล NBA **Damian Liliard = แรปเปอร์(Dame D.O.L.L.A) และ นักกีฬาบาสเกตบอลมืออาชีพ ผู้เล่นตําแหน่งพอยต์การ์ด ของทีม Portland ฉายาเทพเจ้าแห่งการปิดเกม)
Pt.2 : บางทีการไหลไปตามน้ําก็ดีเหมือนกันครับ แทนที่จะโหยหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งและจมปลักอยู่กับมัน
“วางมือ” เขาพูด “ใช่เลยครับ ผมว่าผมปล่อยวางได้แล้วประมาณนึง Covid-19 ไม่ใช่อะไรที่จะดีขึ้นได้ถ้าผมพยายามมากขึ้น ผมนึกขึ้นได้ว่ามันต้องใช้พลังมากแค่ไหนในการว่ายทวนกระแสน้ําแบบนั้น และตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ผมใช้ชีวิตอย่างหนักหน่วงจริงๆ ครับ” คงไม่มีอะไรอธิบายได้ดีไปกว่านี้ ชูก้าดูผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติแต่ก็ดูไม่น่าเบื่อ
ผมถามเขาไปว่าช่วงนี้เขากําลังสนใจในแนวความคิดแบบไหน “จริงๆ แล้ว… ไม่มีเลยครับ” เขาพูดพร้อมหัวเราะอีกครั้ง “จริงๆ นะครับ เหมือนว่าจะยุ่งเกินกว่าจะคิดค้นหาตัวตนอะไรแบบนั้นแล้ว ถ้าเกิดสนใจในแนวคิดอะไรบางอย่าง ก็จะเอาแต่หมกหมุ่นอยู่แบบนั้น บางทีการไหลไปตามน้ําก็ดีเหมือนกันครับ แทนที่จะโหยหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งและจมปลักอยู่กับมัน”
ดูเหมือนว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะเป็นช่วงที่ยากลําบากสําหรับเขา “ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายาม หรือไม่ตั้งใจทํางานให้หนักขึ้นนะครับ แต่เหมือนผมจะเริ่มยอมรับตัวตนของตัวเองได้มากกว่าเมื่อตอนที่ยังเด็ก” ดูเหมือนเขาจะสะท้อนออกมาให้เห็นอย่างที่พูดจริงๆ เพราะในตอนนี้แรปเปอร์ Agust D ผู้ที่เคยมองโลกในแง่ร้ายและมีแต่ความเศร้าโศกได้หายไปตามกาลเวลาแล้ว “ในมิกซ์เทปแรกของผมล้วนเกี่ยวกับความโกรธ แต่ทุกอย่างก็คลี่คลายลงแล้วใช่มั้ยล่ะครับ?” ชูก้าอธิบาย “ผมเริ่มรู้สึกว่าผมไม่รู้จะต้องโกรธอะไรใครอีกต่อไปแล้วครับ ตอนนี้ผมกล้าที่จะเผชิญหน้ากับตัวเอง ผมอาจจะเคยเอาความโกรธมาเป็นอาวุธทําร้ายตัวเอง แต่เมื่อช่วงปี 2018 ผมก็เริ่มคิดได้ว่าผมไม่อาจใช้ความโกรธเหล่านั้นมาผลักดันตัวเองให้เดินหน้าต่อไปได้อีกแล้ว”
Pt.3 : ชูก้าในเวอร์ชั่นที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น หัวใจที่อบอุ่นและเสียงที่ฟังดูสุขุม
ช่วงปี 2018 ที่ว่านั้น มิกซ์เทปที่สองของเขาเริ่มดูเป็นรูปเป็นร่าง แนวเพลงที่ดูโตขึ้นแตกต่างจากมิกซ์เทปแรกอย่างสิ้นเชิง “ผมอัดเพลงเหล่านี้ในช่วงที่ตารางงานค่อนข้างอัดแน่นในช่วงประมาณสองสามเดือนสุดท้ายของปี 2020 ทั้งที่ผมเริ่มทําทั้งทํานองและบีทไว้ตั้งแต่มิกซ์เทป แรกจบแล้วแท้ๆ….. หลังจากทําแทร็ค ‘사람 (People) เสร็จราวๆ เดือนตุลาคม 2016 ผมถึงรู้ว่า โอะ! ฉันเองก็มาถึงจุดที่ทําเพลงแบบนี้ได้แล้วสินะ”
เมื่อชูก้ากล่าวถึงเพลง ‘People’ เพลงโปรดของผม ผมก็รู้สึกโล่งใจอย่างน่าประหลาด ‘People’ เป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นเอกที่เล่าถึงการพัฒนาไปในทางที่ดีอย่างเห็นได้ชัดของ “มิน ยุนกิ” มันสะท้อนให้เห็นถึงชูก้าในเวอร์ชั่นที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น หัวใจที่อบอุ่นและเสียงที่ฟังดูสุขุม นี่แหละคือสิ่งที่มนุษย์เป็น “People คือเพลงโปรดของผมเหมือนกันครับ…. เพราะมันรวบรวมเรื่องราวช่วงสี่ปีที่ผ่านมาของผมเอาไว้ ผมจัดสรรเพลงต่างๆ เอาไว้มากมายหลังจากที่ทําเพลงเสร็จ ซึ่งผมก็พบว่า People คือเพลงที่ผมเลือกฟังบ่อยที่สุด และยังได้ประสบการณ์ใหม่ทุกครั้งที่ฟังอีกด้วย เรียกว่าเป็นเพลงที่ผมจะเลือกหยิบมาฟังตอนที่รู้สึกโดดเดี่ยวและอ่อนไหวด้วยครับ”
Pt.4 : “แต่ถึงอย่างนั้นผู้คนก็ชื่นชอบเพลงของผม”
หากกล่าวว่า จุดที่น่าสนใจของ BTS คือความซื่อสัตย์ ชูก้าคงเป็นผู้ที่ถือส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดในด้านนี้ คงจะเป็นโชคชะตาของเหล่าศิลปิน ที่ต้องดึงเอาความโศกเศร้ามาเป็นรากฐานในการรังสรรค์ผลงาน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย ผมพูดกับเขาไปอย่างนั้น คําตอบที่ได้รับจากชูก้าช่างแปลกประหลาดและแปลกใหม่ “แต่ถึงอย่างนั้นผู้คนก็ชื่นชอบเพลงของผม” ความมั่นใจเผยออกมาผ่านรอยยิ้ม เล็กๆ ของเขา ความตรงไปตรงมาปราศจากความเย่อหยิ่งในคําตอบช่างฟังดูน่าประทับใจ ผมถามเขาต่อว่าเขาจัดตารางการแต่งเพลงอย่างไรหรือมีนิสัยในการแต่งเพลงอย่างไรบ้าง “มันขึ้นอยู่กับแต่ละเพลงเลยครับ บางเพลงก็สามารถเขียนออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่บางเพลงก็ยากซะจนผมอยากยอมแพ้เลยก็มี”
“Over the Horizon” เป็นอีกเพลงที่ผมสามารถเขียนออกมาได้อย่างง่ายดายเลยครับ หลังจากทําทํานองกีต้าเสร็จภายใน 20 นาที เวลาที่เขารีเควสเพลงใหม่ๆ มา เขามักจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับธีมและเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อ ผมมักจะวางเค้าโครงแบบไวๆ ก่อนเป็นเพลงความยาวราว 3นาที และตีความแก่นของมันในเวลาอันสั้น และเริ่มต้นจากสิ่งนั้นเหมือนกับการร่างภาพ ผมมักจะทําเสร็จอย่างรวดเร็วเลยครับ”
คําว่า “อัจฉริยะ” ผุดขึ้นมาในหัวของผมระหว่างที่ได้นั่งฟังเขาพูด และผมคงไม่ใช่คนแรกที่คิดแบบนี้ อย่างไรก็ตาม มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับเขาเช่นกันในการตามหาแรงบันดาลใจในการทําเพลง ในขณะเดียวกันก็กําลังถูกบีบให้ใช้ชีวิตภายใต้ขอบเขตของซุปเปอร์สตาร์ไอดอล “แรงบันดาลใจมักเกิดขึ้นในเวลาที่เราไม่ได้คาดหวังครับ แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะไร้ค่า” เขากล่าว,
หนึ่งในสิ่งที่ผู้คนต่างเข้าใจผิด คือแรงบันดาลใจจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พิเศษ “มันจะมีบางครั้งที่ผมแค่นั่งอยู่ในสตูดิโอแล้วก็มีความรู้สึกเหล่านี้ผุดขึ้น ฉันทําแบบนี้ได้นี่หน่า” ..บางครั้งแรงบันดาลใจก็เกิดขึ้นในตอนที่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรเลย ไม่ใช่ว่าผมนึกอยากจะใช้ความรู้สึกไหนในช่วงเวลาไหนยังไงก็ได้” ดวงตาของชูก้าดูเปล่งประกายขึ้น น้ําเสียงก็ดูน่าตื่นเต้นในตอนที่เขาอธิบายต่อ “เมื่อมีไอเดียดีๆ เกิดขึ้น ผมจะจดใส่โน้ตไว้แล้วค่อยมานั่งดูทีหลัง และผมก็มักจะเจอแรงบันดาลใจดีๆ จากมัน มองดูโน้ตเหล่านั้น บางครั้งผมก็ยังแปลกใจว่าสิ่งเหล่านี้ผมเขียนลงไปเองสินะ บางทีผมก็เจออะไรบางอย่างที่คิดว่า สิ่งนี้ดูน่าสนใจมากทีเดียว”
Pt.5 : ผมรู้สึกได้ว่าประสบการณ์ของเราและของ Coldplay ที่มีมากกว่า 25 ปี ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
สำหรับศิลปิน แรงบันดาลใจมักเกิดขึ้นระหว่างผู้คน ตัวอย่างเช่นในการคอลแลปกับ Coldplay ซึ่งแน่นอนว่า นับเป็นประสบการณ์ที่ดีชิ้นล่าสุดของ BTS เลยทีเดียว การทํางานร่วมกันของทั้งสองฝ่ายจบลงด้วยความเป็นธรรมชาติและเป็นกันเองมากกว่าที่คนส่วนใหญ่คาดไว้ “ผมค่อนข้างประหลาดใจเลยครับ ตอนที่พวกเขาเสนอว่าจะมาถึงเกาหลีด้วยตัวเอง” ชูก้าเล่าย้อนเรื่องราวให้ฟัง “พวกเขาบอกกับเราว่าทุกครั้งที่ Coldplay ไปทํางานคอลแลปกับใคร คุณ Chris Martin มักจะเดินทางไปยังห้องอัดเพื่ออัดเพลงด้วยตัวเองเสมอ ผมแปลกใจในความกระตือรือร้นของเขามากครับ”
สิ่งเหล่านี้ถูกนําเสนอให้เห็นในสารคดีเบื้องหลัง การโคจรมาพบกันของสองวงดนตรีในตํานาน แม้จะไม่เอิกเกริก แต่ความหลงใหลในเสียงดนตรีก็ปรากฏชัด “พวกเขาอ่อนน้อม มีจิตใจที่ดี มีความหลงใหล และใจดีกับพวกเรามากครับ” ชูก้ากล่าว “ผมรู้สึกได้ว่าประสบการณ์ของเราและของ Coldplay ที่มีมากกว่า 25 ปี ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เราพูดคุยกันเกี่ยวกับอุปสรรคเหล่านี้ที่เกิดขึ้นให้กันและกันฟัง” สีหน้าของชูก้าเริ่มแสดงถึงอารมณ์ในขณะที่เขาเล่าเรื่องราวต่างๆ เมื่อเขารับรู้ได้ว่าอุปสรรคของศิลปินวงร็อคและศิลปินบอยแบนด์นั้นช่างเหมือนกันเหลือเกิน
“เมื่อผมได้พบกับคนมีชื่อเสียง ผมจะสามารถบอกได้ในทันทีเลยว่าพวกเขามีความจริงใจหรือไม่ ซึ่ง Coldplay แสดงออกถึงความจริงใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ และนั่นก็สร้างความประทับใจแก่พวกเรามากเลยครับ” ชูก้ากล่าว ในโลกของเหล่าผู้ที่ประสบความสําเร็จ การเรียนรู้มักเกิดขึ้นผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน, ศึกษาจากบุคลิกหรือทัศนคติ แทนการเรียนรู้เทคนิคใหม่ผ่านหน้ากระดาษ
ผมถามชูก้าว่าเค้าได้เรียนรู้ทริคดีดีอะไรกลับมาจากพวกเขาเหล่านั้นบ้าง ชูก้าหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ (ตอนทําเพลง My Universe) เราอัดเมโลดี้ทับลงไปค่อนข้างเยอะเลยครับในระหว่างอัดท่อนแรป ซึ่งปฏิกิริยาของพวกเขาก็ดูตื่นเต้นมากจนผมรู้สึกได้แม้จะยืนอยู่ในโซนห้องอัด ต่างกับเมื่อตอนอัดเสียงพาร์ทโวคอล ผมไม่ได้แสดงสีหน้าเลย นั่งหน้านิ่งๆ ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไร เหมือนจิตหลุดเลย ผมถึงคิดได้ว่าจริงๆ ถ้าผมทําอย่างที่ Coldplay ทํา อาจจะสามารถดึงศักยภาพของศิลปินออกมาได้ดีกว่าเดิมก็ได้”
Pt.6 : ผมจะยังคงเป็น BTS ไปอีกตลอดกาลเลยครับ
ในช่วงแปดปีที่ผ่านมา SUGA ที่ดูเหมือนจะได้ทําทุกอย่างหมดแล้ว ได้รับและสูญเสียอะไรไปบ้าง? “ผมมีความสุขมากขึ้นครับ.. ผมคิดได้ว่าความสุขไม่ได้ต้องการอะไรมากมายเลย มันช่างเรียบง่าย ผมเคยคิดว่าสิ่งของจะนําความสุขมาให้ผม ผมจึงทํางานอย่างหนักเพื่อให้ได้มันมา แต่เมื่อผมทํามันสําเร็จ ผมก็เริ่มไม่ค่อยมั่นใจแล้วครับ ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายขนาดนั้นนะครับ” เขาหัวเราะ
“อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้ ผมรู้แล้วว่าสิ่งของไม่อาจทําให้ผมพอใจได้อีกต่อไป ก็เลยเริ่มตามหาความสุขที่เรียบง่าย อย่างเช่นการตื่นนอนในตอนเช้าและดื่มกาแฟ decaf ผมดีใจนะครับที่ได้มีความสุขกับสิ่งเหล่านี้ ส่วนสิ่งที่ผมสูญเสียไปคงเป็นความธรรมดาในตัวผมมั้งครับ แต่ว่าความธรรมดาคือความพิเศษใช่มั้ยล่ะครับ? ผมคิดว่าเวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่างเอง” ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร แต่กลับรู้สึกยินดีอย่างน่าประหลาดที่ได้ยินเช่นนั้น
ผมถามเขาต่อว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร เมื่อเขาได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของความธรรมดาแล้ว ลึกๆ ผมเองก็คาดหวังว่าเขาจะบอกว่าเขาพร้อมจะเป็นโปรดิวเซอร์เต็มตัวแล้ว แต่คําตอบที่ได้มากลับคาดไม่ถึง “ผมจะยังคงเป็น BTS ไปอีกตลอดกาลเลยครับ ผู้คนต่างพูดกับผมว่าให้ไปทํางานเป็นโปรดิวเซอร์เต็มตัวได้แล้ว แต่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีความรับผิดชอบมากพอที่จะไปรับผิดชอบใครเลยครับ ผมยังคงชอบที่จะเป็น BTS นะ”
ชูก้ากล่าวเพิ่มเติมว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใช้ชีวิตในเกาหลีนานที่สุดนับตั้งแต่เดบิวท์มา และเขากําลังสนุกอยู่กับกิจวัตรประจําวัน มากกว่าความตื่นเต้นที่จะได้เดินทางไปรอบโลก เมื่อถึงเวลาที่ผมต้องบอกลา มินยุนกิ ผมถามคําถามบางอย่างที่เก็บไว้นานออกไป “แล้ว Grammy ล่ะ?” เขาตอบ “ผมมีทั้งคําตอบที่อ่อนน้อมและมั่นใจครับ อยากฟังคําตอบแบบไหนก่อนดีนะ? ความจริงผมไม่ได้ คาดหวังว่าเราจะชนะเลยครับ แต่ผมคิดว่าเราทําได้นะ!” ใช่แล้ว มินสตราดามุสไม่เคยทํานายผิดเลยนี่หน่า
บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> V VOGUE KOREA
เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี
>>>>> แทงบอลออนไลน์