Teamwork makes dream work

Teamwork makes dream work เมื่อความพยายาม ไม่เคยทรยศใคร

Teamwork makes dream work เมื่อความพยายามของพวกเขา ไม่เคยทรยศใคร

Teamwork makes dream work

Teamwork makes dream work ระยะเวลากว่า 4 ปี ที่ชื่อของ BTS ได้เข้ามาอยู่ในวงการ K-POP บางคนอาจเพิ่งเคยได้ยินชื่อพวกเขาเมื่อเดือนที่แล้ว บางคนอาจได้ยินชื่อพวกเขาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และมีคนจำนวนหนึ่ง ที่รู้จักพวกเขาตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาในวงการ แต่ไม่ว่าจะรู้จักพวกเขาระยะเวลานานเท่าไหร่ หรือรู้จักพวกเขาด้วยวิธีไหน เชื่อว่าถ้าได้เข้ามาฟังในสิ่งที่พวกเขาต้องการที่จะสื่อผ่านบทเพลงต่างๆ แล้ว ก็จะรู้ว่า BTS เป็นอีกหนึ่งวง ที่เราสามารถเชื่อใจ วางใจ ในผลงานต่อๆไปของพวกเขาได้

ที่ผ่านมาเราชอบที่จะพูดถึงบังทันในฐานะแฟนเพลง จะเป็นส่วนของผลงานเพลง เมโลดี้ การแรป การร้อง ของเพลงต่างๆในแต่ละอัลบัม รวมไปถึงคอนเสิร์ตที่มาเล่นที่ไทยแต่ละครั้ง แต่คราวนี้อยากจะเขียนถึงความรู้สึกลึกๆ ความประทับใจในแง่ของความคิด ทัศนคติของน้องๆ ที่ถ่ายทอดออกมาเป็นเพลงให้เราได้ฟังกัน เมโลดี้ที่สวยงาม ความหมายของเพลงที่ลึกซึ้งและคมคาย ทุกอย่างไม่ใช่การประสบความสำเร็จที่ฉาบฉวย แต่เป็นการค่อยๆ บ่มเพาะประสบการณ์ และความพยามยามอย่างตั้งใจที่จะผลิตผลงานต่างๆออกมา

Teamwork makes dream work : การทำงานเป็นทีม ทำให้ความฝันเป็นจริง

เป็นประโยคที่นัมจุนมักเอ่ยถึงใน SNS เป็นประโยคที่คอยบอกตัวพวกเขาเอง และบอกกับแฟนคลับ ให้มั่นใจในสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่น ความเป็น “วง” ของพวกเขามันแข็งแรงมาก อาจได้รับการปลูกฝังแนวความคิดนี้ จากค่ายตั้งแต่สมัยฟอร์มวงหรือไม่ อันนี้เราก็ไม่รู้ แต่มันก็แสดงออกมาถึงความเป็นทีมเวิร์ค ทั้งเรื่องร้องประสาน ท่าเต้น แม้กระทั่งการมีส่วนร่วมในทุกเพลง มันเลยทำให้เพลงของวงยังไม่ตัน ผลิตอะไรที่รู้สึกสดใหม่ออกมาให้เราได้เรื่อยๆ

เพลงของบังทัน เนื้อหาเพลง MV หรืออะไรหลายๆอย่าง ค่อนข้างเป็นปลายเปิด เว้นช่องว่างให้คนฟังได้ตีความไปหลากหลายความหมาย ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในชีวิตของผู้ฟัง ว่าจะตีความไปในแนวทางไหน โดยหยิบเรื่องรอบตัว เสียดสีสังคม จับเข้ามาอยู่ในเพลงของพวกเขาหมด ถ้าเพลงไหนเป็นเพลงรักก็จะไม่ได้ใช้คำว่ารักตรงๆ ชัดๆ แต่มีการเปรียบเทียบ ใช้คำที่สวยงามลึกซึ้ง เอามาใส่ในเพลง ซึ่งเราคิดว่าจุดนี้เป็นจุดสำคัญของบังทันที่ทำให้มีแฟนเพลงและแฟนคลับที่หลากหลาย เพราะสามารถเข้าถึงคนหลายๆกลุ่มได้ง่าย

ความพยายาม ไม่เคยทรยศใคร : ประโยคที่บ่งบอกถึงชีวิตของ BTS

เป็นอีกประโยคที่แสดงถึงความเป็นบังทันได้อย่างดี ในการค่อยๆ เติบโตแบบเป็นขั้นบันไดของพวกเขา บังทันไม่ได้เป็นวงที่เติบโตแบบก้าวกระโดดเลยสักนิด แต่ค่อยๆ สร้างรากฐานที่มั่นคง ทั้งแนวคิดในการทำเพลงที่ชัดเจน ไปพร้อมๆ กับการค่อยๆ ขยายฐานแฟนคลับ การฝึกฝนและตั้งใจในการทำเพลง ทำให้เพลงที่ออกมาโตไปพร้อมๆ กับความคิดของพวกเขา

เวลาที่ได้ฟังเพลงของบังทันในครั้งแรก แม้จะไม่รู้ความหมายของเพลงว่าเขาต้องการสื่ออะไร แต่ดนตรีที่ได้ยิน สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง และจริงใจ ยิ่งพอรู้ความหมายของเพลง บางครั้งเราก็ได้แต่คิดว่า พวกเขาเป็นคนแบบไหนนะ มีความคิดอย่างไรนะ ถึงได้ถ่ายทอดเนื้อหาเพลงออกมาแบบนี้ มันแปลกใหม่สำหรับเรามาก

เพลงแรกที่เราอ่านแบบแปลไทยน่าจะเป็นเพลง Whalien 52 ตอนนั้นประทับใจในเนื้อหามากๆ หลังจากนั้นก็เลยทยอยอ่านเนื้อเพลงอื่นๆดู ยิ่งอ่านก็ยิ่งประทับใจในตัวพวกเขา รู้สึกถึงความตั้งใจ ความใส่ใจ ในรายละเอียดที่ต้องการให้คนฟังได้รับสารที่เขาต้องการส่งมาให้ได้มากที่สุด ก็ทำให้เรานึกถึงคำพูดในหนัง Into The Wild ที่ว่า “Happiness is only real when shared”

ตอนนี้บังทันก็คงกำลังมีความสุขกับการถ่ายทอดความคิดและทัศนคติของพวกเขา ผ่านเพลงที่ต้องการจะสื่อ เวลาเราเห็นบังทันพูดถึงเบื้องหลังการทำเพลง ไม่ว่าจะในงานแถลงข่าวเปิดอัลบัม ในสื่อต่างๆ เรารับรู้เลยว่าเขามีความสุขที่จะพูดถึงสิ่งที่เขาทำ น้องๆ โชคดีที่มาอยู่กับ Bighit ด้วยนะคะ ที่ให้โอกาสน้องๆได้ถ่ายทอดความคิดออกมาอย่างเต็มที่

และความชัดเจนของลายเซ็นบังทันก็ยิ่งย้ำชัดขึ้นในการcover เพลงของรุ่นพี่ ซอแทจี กับเพลง Come Back Home ทั้งบีทที่หนักแน่น การแรปที่ดุดัน สามารถถ่ายทอดออกมาให้เป็นภาษาของตัววงเองชัดเจนยิ่งขึ้น

ไม่ใช่แค่การทำดนตรีที่พัฒนาขึ้น อัลบัมล่าสุดที่เราประทับใจอีกเรื่อง คือการแสดงบนเวทีของเพลง Mic drop ที่ตอบได้ค่อนข้างชัดว่า บังทันแตกต่างอย่างไรในตลาด K-POP ปัจจุบัน และทำไมต่างชาติถึงสนใจ ทั้งรูปแบบการเต้น การแรป เสื้อผ้าต่างๆ ที่สามารถดึงเสน่ห์ของสมาชิกแต่ละคนออกมา

BTS คือต้นแบบของวงที่มองโลกในแง่ของความเป็นจริง และคุยกับตัวเองผ่านเพลงมาตลอด

บังทันเป็นวงมองโลกในแง่ของความเป็นจริง และคุยกับตัวเองผ่านเพลงมาตลอด ว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้ ในอนาคตมันอาจไม่เป็นแบบนี้ วันและเวลาเปลี่ยนไป เกิดการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ส่งต่อความนิยมจากรุ่นสู่รุ่น เพลงที่สื่อถึงความรู้สึกของบังทันที่ชัดเจนคงเป็น Young Forever และ SEA สิ่งที่พวกเขาได้รับมาตอนนี้

ระหว่างทางจากจุดเริ่มต้นคงผ่านอะไรมามากมาย พวกเขาบอกตัวเองอยู่เสมอว่า สักวันสิ่งนี้อาจหายไป ไม่หลงไปกับความสำเร็จที่มีอยู่ เรารับรู้ได้ถึงความรู้สึกกลัวลึกๆ ของพวกเขาที่ออกมาจากเนื้อเพลง มันให้ความรู้สึกเหมือนก้อนหินที่มาทับอยู่บนอก เหมือนทุกครั้งที่เขากำลังดีใจ เขาก็จะดึงความรู้สึกตัวเองลงมา ให้นิ่งเข้าไว้ เหมือนเตรียมใจรับมือกับอนาคตตลอดเวลา แต่ในทางกลับกัน เมื่อเขารู้แล้วว่าอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เขาก็เลือกที่จะทุ่มกับสิ่งที่เขารักอย่างเต็มที่ ทำไปด้วยความสุข และพลังที่มอบให้กับตัวเอง

จากกระแสต่างๆที่หลั่งไหลเข้ามาในตอนนี้ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือบังทันเป็นวงที่มีแฟนคลับฝั่งตะวันตกค่อนข้างเยอะ แต่สิ่งที่เราจะลืมไม่ได้คือพวกเขายังมีความเป็น “ไอดอล” ติดตัวอยู่ และสิ่งที่สำคัญสำหรับไอดอลเกาหลีก็คือ “แฟนคลับ” เราไม่รู้ว่าความรอยัลตี้ของแฟนคลับบังทันสูงแค่ไหน ปกติเราจะคลุกคลีกับฝั่งเอเชียมากกว่า ว่ามีความรอยัลตี้สูงมากๆ

แต่สิ่งนี้อาจไม่คุ้นเคยสำหรับเราในฝั่งตะวันตก เราอยากให้อนาคตต่อไปของน้องๆได้รับความเชื่อใจ เชื่อมั่น จากคนที่ฟังเพลงของพวกเขา และมีแฟนคลับที่คอยสนับสนุนพวกเขาไปนานๆ พร้อมทั้งมีแฟนเพลงที่รอการกลับมาของพวกเขาในแต่ละครั้งมากยิ่งขึ้น จนถึงตอนนี้เราก็ยังเชื่อมั่นในความคิด และกระบวนการทำเพลงของบังทัน ว่าจะนำเสนอเรื่องราวต่างๆที่มากมาย มาเล่าให้เราฟังผ่านบทเพลงของพวกเขาต่อไปในอนาคต

“เราควรรักตัวเองในทุกเวอร์ชั่น” สปีชของ BTS บนเวที UN

BTS สร้างความฮือฮาอีกครั้ง เมื่อทั้ง 7 สมาชิกวงได้ไปยืนอยู่บนเวทีการประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ (UN) และกล่าวสุนทรพจน์ในฐานะทูตสันถวไมตรีแคมเปญ Love Myself ของ UNICEF (ยูนิเซฟ หรือองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ)

Teamwork makes dream work

ผมชื่อ คิมนัมจุน RM แห่ง BTS ผมเป็นไอดอล และเป็นศิลปินจากเมืองเล็ก ๆ ในเกาหลี ผมก็เหมือนคนส่วนใหญ่ ผมเคยทำสิ่งที่ผิดพลาดมากมายในชีวิต ตัวผมมีข้อผิดพลาด และความหวาดกลัวมากมาย แต่ผมจะโอบกอดตัวเองเอาไว้ และเรียนรู้ที่จะรักตัวเองมากขึ้นทีละนิด ๆ

คุณชื่ออะไร เล่าเรื่องของคุณสิ – คิมนัมจุน (BTS)

โดยคิมนัมจุนพูดเรื่องการยอมรับตัวเอง ยอมรับข้อผิดพลาด และเรียนรู้ที่จะรักตัวเองในทุกเวอร์ชั่น ทั้งเวอร์ชั่นที่ทำผิดพลาด เวอร์ชั่นที่มีข้อบกพร่อง เพราะตัวตนของเราในวันนี้ก็สั่งสมมาจากตัวตนในอดีตที่ล้วนแต่มีข้อผิดพลาดมากมาย ถ้าเกิดเมื่อวานเราไม่ได้เป็นแบบนั้น มันอาจจะส่งผลให้เราอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้ ฉะนั้น เราไม่ควรรังเกียจความผิดพลาดของตัวเอง ไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต

เราคิดว่าประเด็นนี้น่าจะเข้าถึงใจคนได้ทุกคน เพราะคนทุกคนล้วนเคยผิดพลาด ที่สำคัญ คือ เรายังคงจะผิดพลาดกันต่อไป เราต่างมีความบกพร่องอยู่ทุกวัน ปรับปรุงจุดนั้น ก็ยังบกพร่องอีกจุดหนึ่ง ไม่ผิดพลาดเรื่องนั้นก็ผิดพลาดเรื่องนี้ มนุษย์เราไม่มีวันสมบูรณ์แบบ ประเด็นนี้จึงเป็นประเด็นร่วมของคนทุกคนในโลกนี้ ที่ฟังแล้วน่าจะคิดตามไม่มากก็น้อย

สำหรับเราเอง ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งสะดุดกับประโยคภาษาอังกฤษที่ว่า “I love my flaws” ซึ่งมีใจความหลักคล้าย ๆ กับสุนทรพจน์อันนี้

BTS และประโยค “I love my flaws” บอกเราว่า อย่ารอรักตัวเองในเวลาที่เราเพอร์เฟ็กต์ เพราะเราจะไม่มีวันเพอร์เฟ็กต์หรอก แต่เราควรรักตัวเองในทุกเวอร์ชั่นของเรา แล้วเอาพลังความรักที่เรามีต่อตัวเองมาสร้างสรรค์ชีวิตให้ผิดพลาดและบกพร่องน้อยลงกว่าเมื่อวาน

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> Weverse Magazine JIMIN

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เกมออนไลน์

>>>>> UFABET