Weverse Magazine JHOPE

Weverse Magazine JHOPE แปลบทสัมภาษณ์ของเจโฮป BTS ในนิตยสารปี 2021

Weverse Magazine JHOPE : “ผมไม่ใช่คนประเภทที่จะพึงพอใจ/ยอมรับกับการใช้ชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ครับ”

Weverse Magazine JHOPE เจโฮปเองก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม นับตั้งแต่วันก่อนที่เขาจะเดบิวต์เลย วิธีที่เขาปฏิบัติต่อผู้อื่น ความรู้สึกที่เขามีเกี่ยวกับ BTS ความหลงใหลในการเต้นของเขา – มันไม่ได้หายไปไหนเลย มีเพียงความกว้างขวางขึ้นเท่านั้นที่ เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับความขยายกว้างของความเชื่อ ความประสงค์ และความฝันของเขา 

Weverse Magazine JHOPE บทสัมภาษณ์ Pt.1 : อาร์มี่ได้ทําหลายอย่างเพื่อให้เราเป็นที่หนึ่ง และผมเองก็รู้สึกขอบคุณอย่างมากสําหรับสิ่งนั้นครับ

Weverse Magazine JHOPE

  • “Butter’ เป็นอะไรที่โด่งดังมากในสหรัฐอเมริกา

J-hope: ผมได้ทํางานหนักเพื่อเตรียมพร้อมสําหรับมันครับ แต่เมื่อใดก็ตามที่ผมพยายามโอบกอดความสําเร็จที่ไม่ได้ตั้งใจไว้แต่แรก ในใจของผม ผมก็มักจะแบบว่า.. มันเหมือนกับความสบที่มาเพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งคือ ความรู้สึกที่ทําให้ผมคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับสิ่งที่ผมทําสําเร็จ มีความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับความสําเร็จอันทรงเกียรตินี้ อาร์มี่ได้ทําหลายอย่างเพื่อให้เราเป็นที่หนึ่ง และผมเองก็รู้สึกขอบคุณอย่างมากสําหรับสิ่งนั้นครับ แต่ในเวลาเดียวกัน ผมก็ตระหนักว่าชื่อของพวกเราเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นในโลกของเพลงป๊อปฝั่งอเมริกันครับ

  • ดูเหมือนว่ายิ่งความสําเร็จยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเรื่องให้คุณคิดมากขึ้นเท่านั้นเลย

J-hope: เมื่อก่อน ผมแค่ยอมรับมันอย่างถ่อมตน และมันเป็นสิ่งที่ผมทํางานหนักเพื่อมันมา ผมจึงยินดีที่จะยอมรับมัน – และนั่นก็ค่อนข้างเป็นอะไรที่ยังเยาว์วัย [ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่] แต่ตอนนี้มันต่างจากเดิมครับ ผมทํางานอย่างต่อเนื่องมากว่า 8 ปี และระหว่างนั้น มันไม่ง่ายเลยที่จะประสบความสําเร็จ จากนี้ไปผมจะพกเครื่องหมายคําถามติดตัว และคิดว่าผมควรดําเนินการต่อ และรักษาสิ่งต่างๆ ให้เป็นแบบที่เป็นอยู่ได้อย่างไร รวมถึงทั้งทัศนคติและจุดยืนที่ผมควรมีในตอนนี้ด้วย มันเป็นการบ้านที่ผมยังตอบไม่ได้ครับ

  • ความคิดดังกล่าวมีผลอย่างไรต่อการแสดงออกถึงของคุณในฐานะศิลปิน?

J-hope: ผมเองก็เป็นนักแสดงด้วยเหมือนกัน และผมคิดว่าผมไม่เคยไม่จริงจังกับการแสดงไหนเลย นับตั้งแต่เรา ทํา Dynamite มาจํานวนครั้งที่ผมคอยทบทวน/ดูการแสดง หลังจากที่แสดงเสร็จ มันก็เพิ่มขึ้นอย่างมากครับ ผมรู้สึกว่าผมต้องรับผิดชอบในการทําให้การเต้นดูโดดเด่นขึ้นมา ผมจึงคิดว่าตัวผมเองจะต้องพยายามให้ดีที่สุด

สําหรับมุมนั้น คุณคงไม่อยากแสดงผลงานที่ทําออกมาไม่เต็มที่ออกไป เมื่อมีคนมากมายที่คอยส่งความรักถึงคุณหรอกครับ เมมเบอร์ทุกคนคิดอย่างนั้น และผมคิดว่าเราได้สร้างบรรยากาศสําหรับการซ้อมของเราที่เราสามารถตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้มีความสําคัญเพียงใดขึ้นมาครับ ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้แสดงออกมาให้คนอื่นได้เห็น พวกเราทุกคนทราบดีว่าการฝึกซ้อมการแสดงของเรานั้นมีสําคัญมากขนาดไหนครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.2 : ผมอยากจะแสดงให้เห็นว่าผมเติบโตขึ้นมากขนาดไหนใน ‘Butter’ ครับ

Weverse Magazine JHOPE

  • ดูเหมือนว่าจะต้องมีบรรยากาศของความเข้าใจในห้องซ้อมเลย

J-hope: พวกเราเคยต้องซ้อมกันยาว ๆ ซ้ําแล้วซ้ําเล่า เพื่อให้เต้นได้พร้อมเพรียงกันครับ พวกเราจะซ้อมกันประมาณ 10 ชั่วโมงได้ ทบทวนการแสดงของเรา พัก แล้วกลับมาซ้อมใหม่อีกครั้ง พักอีกหน่อย แล้วทําใหม่อีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นครับ แต่ตอนนี้หลังจากที่ได้รับประสบการณ์ทั้งหมดนั้น เมมเบอร์แต่ละคนก็ได้ตระหนักว่าพวกเขาต้องมุ่งเน้นที่อะไร

พวกเราจึงประสานการจัดการของพวกเรา พัฒนาอย่างแรงกล้าและทําในสิ่งที่เราต้องการจนกว่าจะลงตัวอย่างพอดี จากนั้นเราก็จะหยุดพัก เป็นการพักที่ได้พักจริง ๆ นะครับ ตอนนี้พวกเราไม่ต้องคิดเรื่องนี้แล้วด้วยซ้ําครับ แบบว่า เอาล่ะ พวกเรามาทําทุกอย่างที่ต้องทําอย่างรวดเร็ว เพื่อเราจะได้รีบไปพักผ่อนกันเถอะ พาร์ทนี้ดูเหมือนจะไม่ถูกต้องนะ มาทบทวนกันอีกทีอย่างรวดเร็วกันเถอะ นั่นเป็นวิธีที่เราทํากันครับ ตอนนี้พวกเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นในด้านของการทํางานและการซ้อมครับ

  • นั่นมีผลกระทบต่อตัวคุณด้วยหรือไม่? เมื่อคุณคิดถึงการแสดงของคุณมากขึ้น ส่วนที่คุณจดจ่ออยู่อาจเปลี่ยนไป

J-hope: การเต้นนั้นสําคัญนะครับ แต่ผมคิดว่าผมได้มาตระหนักว่าวิชวลนั้นก็มีความสําคัญมากขนาดไหน เหตุผลที่ผมเปลี่ยนทรงผมหรืออะไรก็ตามบ่อยขึ้นในทุกวันนี้ ก็เพราะว่าผมต้องการให้วิชวลของผมกลมกลืนกับ เพลงอย่างเป็นธรรมชาติยังไงล่ะครับ ในเมื่อผมเป็นนักเต้นมาโดยตลอด ผมก็แค่ทํางานอย่างหนักในสิ่งที่ผมจะทําได้ดีที่สุด แต่แน่นอนว่ามันสําคัญที่จะไม่มากจนเกินไป ดังนั้นผมจึงคอยจับตาดู และปรับแต่งมันสําหรับการ แสดงในแต่ละครั้ง นั่นเป็นส่วนที่สําคัญที่สุดครับ

  • การเต้นของคุณในเพลง Butter ก็เรื่องนึง แต่การแสดงที่คุณต้องแสดงคาแรกเตอร์ของคุณออกมาด้วย ก็เป็นอีกเรื่องนึ่งเช่นกัน สิ่งที่คุณหวังจะโชว์คืออะไร?

J-hope: ผมอยากจะแสดงให้เห็นว่าผมเติบโตขึ้นมากขนาดไหนใน ‘Butter’ ครับ สไตล์ของมันมีความโดดเด่น และถูกครอบด้วยชุดสูทที่ออกแบบมาอย่างดี และทุกอย่างก็ดูเซ็กซี่ ผมพยายามจะสื่อมันออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ครับ และผมเองได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการเฝ้ามองเมมเบอร์ที่แสดงมันออกมาได้กันอย่างดี ผมใช้วิธีการต่าง ๆ ที่ผมคิดว่าตัวเองจะสามารถลอง และผสมผสานมันเข้าด้วยกันได้ แบบว่า Smooth like butter อะครับ (หัวเราะ)

บทสัมภาษณ์ Pt.3 : มันเป็นโอกาสให้ผมได้เปล่งประกายท่ามกลางทีมของเราและเมมเบอร์ที่น่าทึ่งทั้ง 7 คน 

Weverse Magazine JHOPE

  • ตอนที่คุณแสดง คุณกําลังคิดอะไรอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสปอตไลท์อยู่ที่คุณ? อย่างตอนที่คุณทํา แดนซ์เบรคที่น่าดึงดูด ซึ่งเต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวที่ช้าในเพลง ‘Butter’ หรือการเต้นโชโฟดิสโก้ ที่คุณทําในช่วงแดนซ์เบรคของเพลง ‘Dynamite’ ที่งาน MMA 2020

J-hope: ความคิดของผมไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยครับ เมื่อสปอตไลท์อยู่ที่ผม นั่นเป็นโอกาสสําหรับผมในทางหนึ่งครับ มันเป็นโอกาสให้ผมได้เปล่งประกายท่ามกลางทีมของเราและเมมเบอร์ที่น่าทึ่งทั้ง 7 คน ดังนั้นผมมักจะใช้โอกาสดังกล่าวให้เกิดประโยชน์ โดยทําให้ดีที่สุดครับ ผมไม่ควรปฏิเสธสิ่งที่ถูกเสนอมาให้กับตัวผม และแสดงทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมืออกไปให้หมดครับ

ผมคิดว่าอาร์มีและประชาชนทั่วไปจะเป็นผู้ตัดสินเอง และหากพวกเขามีอะไรจะพูดเกี่ยวกับมัน ผมก็ต้องยอมรับและแก้ไขครับ ผมอยากจะบอกว่าผมได้พัฒนารูปแบบการเติบโตในแบบของผมเอง โดยการแก้ไข ฝึกฝน แก้ไข และฝึกฝน อยู่อย่างนั้น ซ้ําแล้วซ้ําเล่าครับ ผมเต้นมาเป็นเวลานาน แต่ผมรู้สึกเสมอนะครับว่าผมสามารถทําได้มากกว่านี้ ดังนั้นผมจึงพยายามอย่างเต็มที่และยินดีเมื่อได้ทําบางสิ่ง ที่ออกมาจริง ๆ อ่ะครับ

  • แต่ถ้าคุณดูแฟนแคม Butter ของคุณ คุณจะสนองต่อเมมเบอร์คนอื่นๆ ที่กําลังเต้นอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคุณจะไม่ใช่จุดโฟกัสของกล้องหลักก็ตาม

J-hope: ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ แต่ทุกวันนี้ เมื่อผมดูงานประกาศรางวัลของต่างประเทศหรือการแสดงของศิลปินป๊อปที่พวกเขาถ่ายทํากันในวิดีโอ ผมรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้มีการตัดต่อที่หนัก ๆ หรือคัตต่าง ๆ มากมายอะไรพวกเขาจะจับพลังของศิลปินในขณะที่ถ่ายให้เห็นฉากทั้งหมดเลยอ่ะครับ ดังนั้นผมมักจะคิดอยู่เสมอว่าผม จะไม่มีทางรู้เลยว่าผมจะถูกจับภาพไว้จากตรงไหนหรืออย่างไร ดังนั้นแม้ว่ากล้องจะโฟกัสไปที่จินฮยองเป็นหลัก แต่ในบางกรณี คุณก็ยังเห็นผมที่อยู่ด้านหลัง ดังนั้นผมจึงคิดว่าการเซ็ตอารมณ์ในส่วนนั้นไว้ เพื่อไม่ให้ไปรบกวนพาร์ท์ของเขาเป็นส่วนสําคัญของการแสดงที่ดีครับ

  • ฉันคิดว่าคุณมั่นคงมาก [ในส่วนนั้น] เมื่อชูก้าไปอยู่ข้างหน้าเพื่อแรปในช่วงท้ายของเพลง คุณมักจะตะโกน ออกไปเบา ๆ เพื่อ [ช่วย] ส่งอารมณ์ออกไป [มากขึ้น]

Jhope: ทราบไหมครับ ว่ามันสนุกดีนะครับ? การทําแบบนั้นหน่ะ (หัวเราะ)

  • ฟังดูเหมือนเป็นความสมดุลที่ดี ตราบเท่าที่คุณสามารถแสดงออกเป็นรายบุคคลต่อไปได้ในขณะที่ยังคงอุทิศ ตัวเองให้กับตัววงอยู่

J-hope: ผมเห็นด้วยครับ ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ผมคิดเสมอครับ แต่ในขณะที่ผมกําลังแสดงอยู่ท่ามกลางโครงสร้างของกลุ่มใหญ่นี้ การทําให้แน่ใจว่ามันจะไม่ไปรบกวนกับโครงสร้างนั้นเป็นสิ่งที่ควรคํานึงถึงก่อน/ สําคัญกว่าสิ่งอื่นใดเลยครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.4 : พวกเราคิดว่าเราควรเข้าใจถึงความสําคัญของภาษามือ เพื่อสื่อความหมายออกมาอย่างเหมาะสม

  • Permission To Dance มีกลิ่นอายที่แตกต่างจาก Butter ในแง่นั้นแม้ว่า ‘Butter’ จะทําให้เมมเบอร์แต่ละคนได้เปล่งประกาย แต่ดูเหมือนว่า ‘Permission to Dance จะให้ความสําคัญกับมูดโดยรวมของทั้งกลุ่มมากกว่า ฉันรู้สึกว่ามันทําให้บุคลิกที่ดูสดใสและมีความหวังของคุณได้แสดงออกมา

J-hope: ตอนที่พวกได้เพลงนี้มา ผมคิดว่าผมสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ในเพลงนี้ ไม่จําเป็นต้องแสดงอะไรเลยครับ ผมสามารถใช้ความรู้สึกที่แท้จริงที่ได้รับเมื่ออยู่บนเวทีได้เลย นั่นเป็นข้อความที่เพลงได้ตั้งไว้ด้วยครับ ดังนั้นผมจึงคิดว่ามันออกมาดูธรรมชาติ ราวกับว่าผมมีความสุข แต่น้ําตาก็จะไหลอ่ะครับ?

  • ท่าเต้นของคุณมีการใช้ภาษามือด้วย แม้ว่าจะเป็นการเต้น แต่ก็ยังสื่อถึงภาษาด้วย ดังนั้นฉันคิดว่าคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องพิจารณาเลย

J-hope: ใช่ครับ มี [สิ่งที่ต้องพิจารณาเยอะเลย] ครับ พวกเรากําลังถ่ายทอดภาษา แม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้ภาษา มือมากนักในท่าเต้นของเราก็ตามครับ ดังนั้นแม้ว่าโดยรวมแล้ว เพลงจะดีและร่าเริงขนาดไหน ในขณะที่พวกเรากําลังฝึกซ้อม เราก็ได้มีการพูดคุยกันว่าพวกเราควรจะต้องทําอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่าการเคลื่อนไหวนั้นมีความแม่นยําที่สุด พวกเราคิดว่าเราควรเข้าใจถึงความสําคัญของภาษามือ เพื่อสื่อความหมายออกมาอย่างเหมาะสม

ดังนั้นพวกเราจึงคิดว่าเราควรพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ท่าถูกทําออกมาอย่างถูกต้อง ในขณะเดียวกันก็พยายามเติมเต็มเพลงด้วยความเพลิดเพลินและอารมณ์เชิงบวกครับ พวกเราใช้เวลาค่อนข้างมากในการ ผสมผสานท่าให้เข้ากับการเต้นของเรา ดังนั้นผมคิดว่า [เพราะแบบนั้น] พวกเราจึงสามารถแสดงท่าทางการ แสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติครับ

  • ฉันคิดว่าเสียงร้องและการแสดงออกทางสีหน้าของคุณในช่วงเริ่มต้นของเวิร์สที่สองในเพลง “Permission to Dance’ ช่วยให้ผู้คนเข้าใจโดยสัญชาตญาณว่ามันเป็นเพลงแนวไหน มันทําให้ฉันนึกถึงสิ่งที่ คุณพูดใน “ARMY Corner Store” ที่ถูกอัปโหลดไปยัง YouTube เพื่อฉลองวันครบรอบ 8 ปีใน FESTA 2021 ของวงว่าคุณคือ วิตามิน ของกลุ่มเลย

J-hope: และผมก็เป็นจริง ๆ ครับ ผมใช้คํานั้นเพราะผมรู้สึกว่าตัวเองทําให้ทีมมีพลังที่ดีอย่างสม่ําเสมอและไม่เปลี่ยนแปลงครับ (หัวเราะ) ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นวิตามินจริง ๆ รึเปล่าหรอกครับ เมื่อมองย้อนกลับไป ผมพยายามส่งพลังดี ๆ ให้กับพวกเขาและทําให้พวกเขาอารมณ์ดีอยู่เสมอ และผมคิดว่ามันปลอดภัยที่จะพูดได้เลยว่า ผมเป็นหนึ่งในคนที่พยายามอย่างหนักที่จะรักษาพลังของกลุ่มเอาไว้ครับ

แต่ผมยังคงรู้สึกเป็นอยู่หน่อย ๆ นะครับ (หัวเราะ) ผมจะไม่พูดว่าผมไม่รู้สึกกดดันเกี่ยวกับมันเลย พวกเราทั้ง 7 คนต้องทําหน้าที่เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อให้ BTS ไปต่อได้ และนั่นก็อยู่ในความคิดของผมเสมอครับ ดังนั้นมันจึงบังคับให้ผมต้องระวังว่าตัวเองจะไม่ไปเด่นกว่าคนอื่น ๆ เพราะตัววงทํางานได้ดีเมื่อทุกคนมีบทบาทเป็นของตัวเอง และเพราะผมเองก็นึกเสมอด้วย ครับว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คิด ผมควรทําทุกวิถีทางที่ผมจะสามารถทําได้ ผมสามารถมีส่วนร่วมกับทีมได้ และสุดท้าย ผมก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาหน่อยเกี่ยวกับสิ่งที่ที่ผ่านมาเคยคิดว่ายากที่จะแสดงออกครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.5 : ผมรู้สึกและตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าผมต้องทําอะไรกับตัวตนและพลังของตัวเองทันที

รูปภาพ

  • มีแรงผลักดันจากการเปลี่ยนแปลงนั้นหรือไม่?

J-hope: ผมรู้สึกและตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าผมต้องทําอะไรกับตัวตนและพลังของตัวเองทันที หลังจากที่ปล่อยมิกซ์เทปแรกออกมาครับ จากจุดนั้น ผมคิดว่าผมควรแสดงความคิดเห็นด้านดนตรีและสิ่งต่าง ๆ เช่น พลังงานของผมเป็นประจํา แต่ไม่เอาจริงเอาจังจนเกินไปครับก่อนหน้านี้ เมื่อเวลาผ่านไป และตัวกลุ่มได้โด่งดังขึ้น ผมคิดว่าผมได้ปลดปล่อยความกดดันมากมายเพื่อที่จะแสดงความเป็นตัวเองออกมาครับ จากนั้นผมก็เริ่มรู้สึกว่าอยากจะลองแสดงออกในแบบของตัวเองดู แม้ว่าตัวทีมจะทําได้ดีก็ตามครับ

  • เมื่อคุณเปิดเผยด้านความซึมเศร้าของคุณออกมาตรง ๆ ตั้งแต่ช่วงที่คุณปล่อย ‘Dis-ease ในระหว่างช่วงการระบาดใหญ่ มาจนถึง ‘Blue Side จากมิกซ์เทปของคุณเอง มันได้สะท้อนถึงอิทธิพลนั้นด้วยหรือไม่?

J-hope: อารมณ์ความรู้สึกของผู้คนเปลี่ยนไปในทุก ๆ วันครับ ความรู้สึกของพวกเขาและสิ่งที่พวกเขายอมรับได้ก็เช่นกัน ใช่ไหมล่ะครับ? ดังนั้น ผมคิดว่าอารมณ์ที่เปลี่ยนไปที่ตัวผมรู้สึกและยอมรับเมื่อวงนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ก็ได้แสดงออกให้เห็นผ่านสไตล์เพลงของผมที่เปลี่ยนไปด้วยครับ มันเป็นสิ่งที่ผมมักจะใช้เวลาคิดอยู่ตลอด แต่ผมเป็นเพียงเด็กอีกคนที่ใช้ชีวิตของเขาบนโลกใบนี้ ผมไม่ได้แตกต่างไปจากใครเลยจริง ๆ ครับ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผมไม่สามารถสดใสเหมือนใน Hope World ได้ตลอดเวลา นั่นเป็นเหตุผลที่ผมลองใช้แนวทางที่แตกต่างออกไปในสิ่งที่ผมสามารถแสดงออกได้ครับ

  • คุณค้นพบอะไรหลังจากที่ได้ลองทําอย่างนั้นดู?

J-hope: ผมกลับได้มานั่งย้อนคิดถึงเงาที่อยู่ในตัวผมครับ ตอนที่พวกเราโปรโมตกัน ผมไม่ได้ตระหนักถึงมันเลยครับ แต่ด้วยโลกทั้งใบที่หยุดนิ่ง พวกเราต่างก็มีช่วงเวลาทั้งหมดนี้ที่พวกเราไม่สามารถทําอะไรได้ ผมจึงได้มาเห็นเงาทั้งหมดที่อยู่ภายใน – นั่งเหม่ออยู่ในสตูดิโอ คิดเกี่ยวกับชีวิตที่ผมใช้มาการเฝ้ามองการแสดงของ BTS ทางทีวี ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ผมเป็นครับ ความตั้งใจจริงและความมีวินัยในตัวเองที่นําไปสู่ความสําเร็จที่ผม ค้นพบในช่วงเวลานี้มีมากมายมหาศาลครับ

ผมคิดว่าผมควรใช้ความรู้สึกเหล่านั้นทั้งหมดในเวลาเดียวกันไปเลย คิดว่าเป็นอารมณ์และเพลงที่อาจเบียนได้เฉพาะในเวลานี้เท่านั้น ดังนั้นผมจึงใส่อารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นทั้งหมดลงไป เหมือนเป็นไดอารี่ครับ และ Dis-ease ก็ได้กําเนิดขึ้นมาด้วยคําว่า “Dis-ease ที่เป็นจุดเริ่มต้น ผมเลยคิดว่าผมสามารถรวมสิ่งต่างๆ เช่นความมืดมัวที่อยู่ภายในตัวเองลงไปได้ด้วย และนั่นก็เป็น สาเหตุที่ผมสามารถปล่อย Blue Side ออกมาได้ด้วยครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.6 : ผมลงเอยด้วยการได้เห็นด้านหนึ่งในชีวิตจริงของบุคคลที่ชื่อ จองโฮซอก ที่ผมเองก็ไม่เคยรับรู้มาก่อน

รูปภาพ

  • คุณสัมผัสเห็นอะไรเมื่อได้มองเข้าไปข้างในตัวคุณ?

J-hope: ผมลงเอยด้วยการได้เห็นด้านหนึ่งในชีวิตจริงของบุคคลที่ชื่อ จองโฮซอก ที่ผมเองก็ไม่เคยรับรู้มาก่อนครับ ในขณะที่พวกเราทํางาน ผมเองมัวแต่คิดว่าชีวิตแบบไหนกันที่จะดีที่สุดสําหรับเจโฮป ผมเลยสงสัยว่าชีวิตโดยรวมของ “จองโฮซอก” จะเป็นยังไงกันนะ ในขณะที่สิ่งนั้นกําลังเกิดขึ้น ผมก็ได้ตระหนักว่าผมไม่ได้เป็นเพียงแค่คนที่ร่าเริงตลอดเวลาที่ไหนเลย – ผมเองก็ประสบกับความยากลําบากเช่นกัน

ดังนั้นผมคิดว่าผมสามารถ ใกล้ชิด/เข้าใจผู้ฟังได้มากขึ้นด้วยการแบ่งปันส่วนเล็ก ๆ ของผมที่ซ่อนเอาไว้ได้ และการที่ได้แสดงให้คนอื่นเห็นถึงด้านของผมที่แตกต่างจากความคิดของพวกเขาที่มีต่อเจโฮป มันเป็นอะไรที่น่าสนใจดีครับ ที่สําคัญที่สุดผมไม่รู้สึกถึงการต่อต้านใด ๆ เกี่ยวกับตัวตนของตัวเองในตอนนี้เลย ในฐานะคนที่ทําเพลงและปล่อยเพลงเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขา ผมคิดว่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทั้งหมดครับ

  • มีท่อนนึงในเพลง ‘Blue Side ที่คุณร้องว่า “ในตอนนี้ ฉันแค่อยากมอดไหม้อย่างสว่างสไวและมลายลงไป” ดูเหมือนว่าท่อนนี้ ก็มีบางอย่างภายใต้เงาของคุณที่ถูกเปิดเผยออกมาเช่นกัน

J-hope: ถ้าหากคุณมอดไหม้และมลายลงไปมันคงจะร้อนมาก แต่ส่วนที่ผมเรียกว่า “blue” นั้นเป็นสถานที่ที่ ผมตั้งใจหลบหนีไปเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ ครับ มันเป็นที่ที่ผมหลบหนีไปเพื่อจะได้อยู่อย่างปลอดภัยและถูกกลืนกิน แต่ผมไม่ต้องการทําอย่างนั้น ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมได้พยายามแสดงให้เห็นว่าผมต้องการปลุกเร้าแพชชั้นใน สิ่งที่ผมต้องการจะทํา แม้ว่าผมจะมอดไหม้และมลายลงไปก็ตามครับ

จริง ๆ แล้ว ผมไม่รู้ว่าผมคิดเนื้อเพลงออกมาได้ยังไง แต่ผมเขียนเนื้อเพลงเหล่านั้นเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่เราได้ไปทัวร์ที่ต่างประเทศกัน ผมไม่ใช่นัก ดื่มตัวยง แต่นั่นเป็นเนื้อเพลงแรกที่ผมปล่อยออกมา ซึ่งผมได้เขียนมันในขณะที่ดื่มครับ (หัวเราะ) เวลาผมเขียน เนื้อเพลงระหว่างดื่ม ผมมักจะรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นมันในตอนเช้า แต่เมื่อผมได้กลับไปอ่านมันอีกครั้ง หลังจากที่ เวลาผ่านไป ผมบอกได้เลยว่ามันเป็นเนื้อเพลงที่ผมจะสามารถเขียนด้วยความรู้สึกที่ผมมีในขณะนั้นได้เท่านั้น เมื่อผมปล่อยเพลงแบบนั้นออกไป ผมก็รู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่าง และเมื่อผมให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับดนตรีของ ตัวเองในเวอร์ชั่นที่แตกต่างจากที่เคยเป็นก่อนหน้านี้ก็ได้ปรากฏขึ้นครับ

  • มีอะไรอีกบ้างที่คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองเมื่อเร็ว ๆ นี้?

J-hope: อืม… ผม ผมควรพูดอะไรดีล่ะครับ ผมไม่ใช่คนประเภทที่จะพึงพอใจกับการใช้ชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ครับ ผมสามารถที่จะใช้ชีวิตอย่างที่ผมเป็นและทําทุกอย่างที่ผมต้องการด้วยชีวิตของตัวเองได้ แต่ไม่รู้สิครับ มีสิ่งที่น่าทึ่งมากมายที่เกิดขึ้นกับผม แต่ผมยังต้องการที่จะก้าวไปอีกขั้น ทั้งในฐานะปัจเจกบุคคลและในฐานะเมมเบอร์ของ BTS ครับ

จู่ๆ วันนึงก็มีความคิดถึงขึ้นมาว่า ช่วงนี้ผมได้ท้าทายตัวเองบ้างไหมนะ? นอกจากเรื่องทําเพลงหรือการเต้นหน่ะ แต่คําตอบคือไม่เลยครับ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจว่าจะท้าทายตัวเองและลองทําสิ่งต่าง ๆ ดู ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเรียนภาษาอังกฤษครับ มันยังยากอยู่และผมเองยังมีหนทาง [การเรียนรู้] อีกยาวไกล แต่ผมก็พยายามทําให้ดีที่สุด ตามตารางเวลาปัจจุบันของเราที่มีครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.7 :

รูปภาพ

  • คุณคิดว่าตัวเองได้อะไรจากการเรียนภาษาอังกฤษบ้าง?

J-hope: ถ้าผมสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ผมก็จะสามารถถามและบอกทิศทาง/คําสั่งกับศิลปินที่พูดภาษาอังกฤษได้ด้วยตัวเอง เมื่อทํางานด้านดนตรีครับ ความคิดของผมคือ นี่คือช่องทางการสื่อสารช่องทางเดียวที่ผมจะสามารถเปิดประตูสู่โอกาสในชีวิตที่มากขึ้นได้ครับ แต่มันอาจจะยากที่จะเรียนด้วยตารางงานปัจจุบันของพวกเราครับ (หัวเราะ)

ดังนั้นแม้ว่าผมจะบอกว่าผมจะทํามัน แต่ผมก็อาจจะไม่สามารถทําได้ครับ ความคิดของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกนาที และคุณสามารถตัดสินใจกับสิ่งต่างๆ ได้ทุกเมื่อ ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการใช้ชีวิตอย่างไรอ่ะครับ ตอนนี้ผมกําลังพยายามทําเพลงเพื่อดนตรี ท้าทายตัวเองด้วยการแสดงเพื่อการแสดง และพยายามอย่างหนักเป็นการส่วนตัวเพื่อ BTS และผมกําลังทํางานอย่างหนัก เพื่อค้นหาว่าตัวผมต้องทําอะไรในขั้นตอนต่อไปครับ

  • คุณคิดว่าขั้นตอนต่อไปของคุณจะเป็นอย่างไร?

J-hope: ผมคิดว่าขั้นตอนต่อไปของผมคือทําให้ดนตรีของพวกเราเติบโตไปทั่วโลกครับ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมได้ไตร่ตรองตัวเองอยู่บ้าง และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมอยากจะทําครับ ผมมีความฝันมากมายด้วยเช่นกัน การได้มาไกลขนาดนี้กับกลุ่มนี้ การได้เห็นศิลปินเพลงป๊อปท่านอื่นๆ ที่พวกเรากําลังแข่งขันกันบนชาร์ตบิลบอร์ดนั้น ทําให้ผมประทับใจมากเลยครับ และตอนนี้ผมก็จริงจังกับการอยากที่จะแสดงออกบางอย่างออกไปมากขึ้นครับ ตัวอย่างเช่น ผมใฝ่ฝันที่จะทําให้ดนตรีของพวกเราเติบโตไปทั่วโลก เนื่องจากว่าสภาพแวดล้อมที่ทําให้สามารถมี การทํางานร่วมกันที่ดีกับศิลปินต่างชาตินั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้วอ่ะครับ

  • ตัวคุณและ BTS เองก็ได้ก้าวไต่ขึ้นไปทีละขั้นเป็นขั้นเป็นตอน และตอนนี้ คุณก็สามารถฝันถึงก้าวเดินก้าวใหม่ ๆ ได้แล้ว ในคลิป ‘ARMY Corner Store จาก Festa 2021’ คุณบอกว่าในทุกวันนี้ ที่มันเป็นไปได้ก็เพียงเพราะ BTS ได้เดินตามเส้นทางที่เคยเดินกันมาตั้งแต่เพลงเดบิวต์ คุณจึงไม่อยากแก้ไขอดีตของคุณเลย (หัวเราะ) ถึงกระนั้น มีอะไรที่อยากบอกตัวเองในอดีตบ้างไหม ถ้าพูดได้เพียงเรื่องเดียวจะพูดอะไร?

J-hope: พูดแบบเล่น ๆ ผมจะพูดว่า เฮ้ ฟังทํานองนี้ดูสิ Smooth like butter” – เขียนลงไปสิ หากนายเขียนไปเช่นนั้น นายจะเป็นที่ 1 บน Billboard เลยนะ ผมพูดแบบนั้นได้ไหมครับ? (หัวเราะ) แต่สําหรับผม แม้แต่ช่วงชีวิตที่ไม่ดีก็กลายเป็นโอกาสสําหรับการเติบโต ดังนั้น แทนที่จะบอกตัวเองในอดีตให้แก้ไขบางอย่าง ผมก็จะแค่บอกให้เขาเชื่อมั่นในตัวเอง และดําเนินชีวิตต่อไปอย่างที่เขาอยาก และทํางานหนักต่อไป โดยรักษาสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นแบบที่เป็นอยู่เอาไว้ นอกจากนั้น ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดกับเขาแล้วครับ

  • คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับอาร์มี่ในตอนนี้ กับการที่พวกเขาได้ก้าวผ่านอะไร ๆ ทั้งหมดมาพร้อมกับ BTS?

J-hope: อาร์มี่นั้น ผมรู้สึกเหมือนพวกเขากลายเป็นไอคอนในตัวไปแล้วครับ ผมภูมิใจในตัวพวกเขามาก พวกเขาน่าทึ้งครับ อาร์มี่ก็เหมือนเป็นศิลปินในตัวอยู่แล้วด้วย ราวกับเป็นสัญลักษณ์สําคัญแห่งยุคนี้เลย? อาร์มี่โด่งดังพอ ๆ กับ BTS เลยครับตอนนี้ ผมคิดว่าพวกเรามอบพลังที่ดีให้กันและช่วยกันสร้างสิ่งดี ๆ ขึ้นมาครับ เมื่อมันถูกพูดออกมาโดย BTS มันอาจฟังดูเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว แต่ถ้าผมเป็นอาร์มี่ ผมจะไม่อายที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นแฟนคลับของ BTS เลยครับ อย่างไรก็ตาม ผมต้องการให้พวกเขารับรู้อยู่เสมอครับว่า ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขาจริง ๆ ครับ

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> จีมิน นางฟ้าแห่ง BTS

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เกมออนไลน์

>>>>> แทงบอลออนไลน์