สิ่งที่ซ่อนใน MV BTS Pt.2 : MV Spring Day หวนคิดถึงเพื่อนรักที่จากไป
สิ่งที่ซ่อนใน MV BTS Pt.2 ในครั้งก่อน เราได้คุยไปในเรื่องของ MV เพลง Blood Sweat and Tears ที่แฝงไปด้วยศิลปะ ศาสนา และการพูดถึงบุญบาปในฉบับโรมัน ซึ่งเราก็ได้รวบรวมข้อมูลมาอย่างแน่นหนา
ในรอบนี้ เราจะมาพูดถึงเพลง Spring day หรือ บมนัล ‘봄날’ โดยรวมแล้วเพลงนี้ให้ความรู้สึกถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิใช่มั้ยคะ แต่เพื่อนๆบางคนอาจจะสงสัยว่ามันเกี่ยวกันอย่างกับชื่อเพลงล่ะ? เพลงนี้นะคะถูกปล่อยออกมาในช่วงใกล้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิของเกาหลีหรือช่วงท้ายของฤดูหนาวนั่นเอง ซึ่งมันเกี่ยวกับเนื้อเพลงที่จะกล่าวในส่วนต่อไปด้วยค่ะ
เพลงนี้เป็นเพลงที่เราชอบมากๆทั้งในความหมายของเพลง ด้านตัวเอ็มวีที่มีความเป็นศิลปะอาร์ตๆ รวมไปถึงเรื่องราวในเอ็มวีที่สื่อไปถึงเหตุการณ์ต่างๆให้แฟนคลับได้วิเคราะห์ได้อย่างลงตัว ยังไงลองไปดูข้อมูลที่เรารวบรวมมาให้กันนะ
“เนื้อเพลงชวนคิดถึงเพื่อนรัก”
เพลง Spring day โดยรวมสรุปแล้วมีความหมายถึง
การอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวท่ามกลางความหนาวเหน็บโดยไม่มีเธอเพื่อนรัก
และบอกให้รอก่อนนะหมดหนาวนี้และใบ้ไม้ผลิกลับมาอีกครั้ง
อยู่ตรงนั้นให้นานกว่านี้ให้ดอกไม้เบ่งบาน
แล้วเราคงจะได้พบกัน
เราชอบตรงที่เพลงนี้เป็นการเขียนถึงเพื่อนได้ละมุนมากจริงๆ และเปรียบเทียบความเหงาเป็นฤดูหนาวได้ลงตัวมากๆค่ะ ยิ่งการเปรียบเปรยมากมายทั้งฤดูกาล หิมะ ดอกไม้ ทุกอย่างมันดูเหงาและสวยงามมีความหวังอย่างบอกไม่ถูก
ซึ่งบังทันได้ปล่อยเพลงนี้ในช่วงที่คนเกาหลีเขาเปรียบเปรยเอาไว้ว่าเป็นช่วงที่ฤดูหนาวนั้นใกล้จะหมดลงไปแล้ว ช่วงที่ความหนาวเริ่มหายไปจนดอกไม้ผลิบาน แต่ความหนาวนั้นได้พีคขึ้นส่งท้ายก่อนจะหมดฤดู เปรียบเปรยก็คือความหนาวที่อิจฉาดอกไม้ที่กำลังจะผลิบาน ทำให้ตรงกับในเนื้อเพลงที่มีหลายท่อนสื่อความหมายถึงว่า
“เธอกำลังจะเปลี่ยนไป(สื่อถึงเพื่อนหรือดอกไม้) ฉันเกลียดที่เธอเปลี่ยนไป ฉันอยากจะเกลียดแต่ฉันทำไม่ได้(แกล้งให้หนาวอีกครั้งแต่แค่ระยะสั้นๆ) ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน (ปล่อยให้ดอกไม้ผลิบาน)”
และในเนื้อเพลงยังมีคนวิเคราะห์กันว่าบังทันอยากจะสื่อถึงเหตุการณ์เรือเซวอล (จะอ้างอิงในส่วนต่อไปค่ะ) ว่าคิดถึงเพื่อนที่จากไปแล้ว และเฝ้ารอคอยอย่างมีความหวังว่าจะกลับมาได้พบกันอีกครั้ง (พบเจอร่างที่สาปสูญ) ซึ่งในเหตุการณ์เรือเซวอลนี้มีหลายอย่างในตัวบทเพลงเลยค่ะว่าสื่อถึงได้ใกล้เคียงเลยทีเดียว
ทฤษฏี เรือเซวอล โศกนาฏกรรมที่ไม่อาจลืมเลือน สิ่งที่ซ่อนใน MV BTS Pt.2
จากกรณีเรือเซวอล เรือเฟอร์รี่ที่ขนผู้โดยสารประมาณ 400 กว่าราย ล่มลงกลางทะเลห่างจากชายฝั่งเกาะบยุงพูงของเกาหลีใต้ประมาณ 20 ไมล์ เมื่อช่วงสาย เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นนักเรียนมัธยมปลาย ที่กำลังเดินทางไปทัศนศึกษาที่เกาะเจจูนั้น
สำนักงานยอนฮัพ ของเกาหลีใต้ รายงานอ้างข้อมูลติดตามตำแหน่งของเรือโดยสารลำนี้เผยว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าสาเหตุที่เรือล่มอาจเกิดจากการหักเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน ซึ่งทำให้รถยนต์ราว 180 คัน และตู้สินค้าหนักกว่า 1,100 ตัน บนเรือเลื่อนหลุดจากตำแหน่งเดิม เป็นเหตุให้เรือเสียสมดุล จากนั้นก็เอียงไปข้างหนึ่งและอับปางลง แต่สาเหตุที่กัปตันตัดสินใจหักเลี้ยวกะทันหันยังไม่ทราบแน่ชัด
ล่าสุด (18 เม.ย.) เวลา 10.45 น. สื่อเกาหลีใต้ปรับยอดเหยื่อเรือเซวอล เสียชีวิต 28 (นักเรียน 14) สูญหาย 268 (นักเรียน 236) รอด 179 (นักเรียน 75) และเรือได้จมลงไปใต้น้ำหมดแล้วทั้งลำ
เมื่อปี 2014 บิ๊กฮิตที่พึ่งตั้งค่ายเพียง 2 ปีและบังทันที่พึ่งเดบิ้วในระยะเวลาสั้นๆตัดสินใจบริจาคเงินเข้าช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือเซวอล ซึ่งอาจจะสร้างปัญหาให้ภายหลังจากเรื่องการเมือง แต่พวกเขากลับมั่นใจที่จะช่วยเหลือจนเรื่องนี้ถูกเปิดเผยอีกในปี 2020







“Omelas”
เรื่องราวใน The Ones Who Walk Away from Omelas เขียนโดย Ursula K. Le Guin ก็เกี่ยวกับเมืองโอเมล่าส์นี่แหละ เมืองโอเมล่าส์เป็นเมืองแห่งความสุข สนุกสนาน เมืองประกอบไปด้วยบ้านเรือนสีสันสดใส ผู้คนมีความสุข ไม่มีกษัตริย์ ไม่มีทาส ไม่มีทหาร ไม่มีชนชั้น มีงานเทศกาลอันสนุกสนานพร้อมการแข่งม้าที่เด็กๆ จะเข้าร่วมแข่งกัน ทุกอย่างในโอเมล่าส์เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ทุกคนจะฝันถึงได้
แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นดั่งฝันกลับต้องแลกมาด้วยสิ่งหนึ่ง ในชั้นใต้ดินที่สกปรกมืดทึบห้องหนึ่ง จะมีเด็กหญิงหรือเด็กชายสักคนหนึ่งอาศัยอยู่กับความมืด เขาหรือเธออยู่ในห้องนั้นเพียงลำพัง มีอาหารครึ่งชามเป็นเครื่องประทังชีวิตในหนึ่งวัน ชาวเมืองทุกคนเมื่ออยู่ในวัยที่รับรู้เรื่องราวได้จะมีโอกาสมาเห็นเด็กคนนี้ในห้องมืดทึบอัดแน่นไปด้วยความเศร้าโศกสิ้นหวัง เพื่อรับรู้ว่าความสุขในเมืองที่มีอยู่ทุกวันนี้เกิดขึ้นได้เพราะความเศร้าของเด็กคนนี้ ชาวเมืองบางคนมองดูเด็กคนนี้ด้วยความเศร้า บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็โกรธแค้น ชางเมืองบางคนมาดูเด็กคนนี้เพียงครั้งเดียวในชีวิต บางคนมามองดูหลายครั้ง
แม้ว่าชาวเมืองอยากช่วยให้เด็กคนนี้ได้ออกไปสัมผัสแสงแดดและอิสรภาพ แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าหากเด็กคนนี้ได้ออกไป เมืองที่มีความสุขก็จะจบลง และแม้ว่าเด็กคนนี้จะได้ออกไปโลกภายนอก เขาหรือเธอก็ไม่สามารถดื่มด่ำกับความสุขได้อย่างเต็มที่เหมือนกับคนอื่นแน่นอน เนื่องด้วยชีวิตวัยเด็กถูกกักขังไว้กับความมืด ความกลัว และความสิ้นหวังมาตลอด ทุกคนจึงไม่สามารถช่วยเหลือเด็กคนนี้ได้
ถึงจะไม่มีใครช่วยเหลือเด็กคนนั้นได้ แต่ก็มีชาวเมืองบางคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ตัดสินใจหันหลังให้กับเมืองโอเมล่าส์ มุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งอื่นที่ไม่ได้อบอวลไปด้วยความสุขเท่าโอเมล่าส์แทน กลายเป็นชื่อเรื่องสั้น The Ones Who Walk Away from Omelas : เหล่าผู้ซึ่งลาจากเมืองโอเมล่าส์
“กองเสื้อผ้า”
ความหมายของกองผ้าที่บังทันนั่ง เป็นศิลปะผลงานของ Christian Boltanski ที่เปรียบให้กองเสื้อผ้านั้นเหมือนเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวในชีวิตของมนุษย์ เสื้อผ้าหมายถึงผู้คนที่ยังมีชีวิต ขนาดของกองผ้านั่นหมายถึงความยากลำบาก ยิ่งกองใหญ่มากเท่าใดยิ่งลำบากมากเท่านั้น
และอีกความหมายหนึ่งของกองเสื้อผ้า Personnes มันหมายถึงการรำลึกถึงคนที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว อาจโยงถึงเหตุการณ์เรือเซวอลที่ล่มไป โดยเสื้อผ้าที่กองทับกันอยู่ อาจจะหมายถึงวันรุ่นที่เป็นผู้เสียชีวิต ยิ่งกองใหญ่มากเท่าไหร่ ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ก็มากเท่านั้น และยังโยงไปถึงเครื่องซักผ้าที่หมุนวนที่เปรียบเหมือนวัยรุ่นที่เป็นเสื้อผ้านั้น ได้ถูกกระแสน้ำทะเลพัดพาไปนั่นเอง
“เป่าเทียน”
สำหรับชาวเยอรมันในอดีตเชื่อว่าเทียนที่ปักอยู่บนเค้กวันเกิดถือเป็นสื่อสัญลักษณ์แทน “แสงแห่งชีวิต” โดยพวกเขาจะปักเทียนขนาดใหญ่เอาไว้ตรงกลางเค้กให้สุกสว่างโชติช่วงเปรียบเสมือน เป็นแสงเทียนแห่งชีวิต
สำหรับผู้เชี่ยวชาญบางสำนักระบุว่า ธรรมเนียมการปักเทียนบนเค้กวันเกิดอาจจะเกิดขึ้นเพราะความเชื่อของชาวคริสต์ที่ว่าพระเจ้าอาศัยอยู่บนท้องฟ้า และเพื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ก็ต้อง อาศัยแสงและควันจากเปลวเทียนด้วยเหตุนี้ จึงมีการปักเทียนบนเค้กวันเกิดเพื่อให้พระเจ้าทรงรับรู้ในคำสวด และคำอธิฐานของเจ้าของวันเกิด
“วีนอนบนรางรถไฟ”
ในฉากนี้วีรู้สึกผิดเพราะเพื่อนๆของเขาต้องเสียชีวิตมีเพียงตัวเขาที่รอด ในบทสัมภาษณ์ของผู้ที่รอดชีวิต พวกเขามักจะมีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกผิดและมีหลายครั้งที่คิดว่าตัวเองนั้นไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เขามีความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตายเพื่อที่จะได้ไปเจอกับเพื่อนๆหรือคนที่เขารัก
หรืออีกนัย สื่อแทนสัญลักษณ์การรอคอยคนที่กำลังมาหาเรา คนสมัยก่อนจะเอาหูแนบรางเพื่อฟังเสียงของรถไฟว่าใกล้จะถึงหรือยัง โดยฟังจากแรงสะเทือนของรางรถไฟที่แนบลงไป
“ฉากบนรถไฟของจองกุกและนัมจุน”
ถ้าลองสังเกตดีๆ จะเห็นว่าบนรถไฟจะมีกระเป๋าเดินทางและเสื้อผ้าอยู่มากมายในขบวน แต่ใครเป็นเจ้าของสิ่งของเหล่านี้? กระเป๋าเดินทางและเสื้อผ้าเหล่านี้สื่อถึงสิ่งของต่างๆที่นักเรียนและเหยื่อผู้เสียชีวิตผู้ที่กำลังเดินทางไปทัศนศึกษานำไปด้วยแต่สุดท้ายก็ไม่ได้กลับมาเอาไป
เป็นที่รู้กันว่ามีการพูดถึงและวิพากวิจารณ์อย่างหนักถึงการทำงานของรัฐบาลเกาหลีในยุคนั้นถึงการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสื่อเองก็ปกปิดความจริง ครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิตตกอยู่ในความมืดมิด ไม่อาจรับรู้ความจริงและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกๆของพวกเขาได้
และที่น่าสะเทือนใจที่สุด ในตอนนั้นเองกัปตันเรือได้ขอให้นักเรียนอยู่ในเรือแทนที่จะรีบอพยพออกจากเรือ เด็กนักเรียนเกือบทั้งหมดจมน้ำเสียชีวิต ส่วนกัปตันและลูกเรือคนอื่นๆอพยพออกมาจากเรือทัน
“ฉากนัมจุนเดินเข้ามาในห้องและโดนปาเค้กใส่”
ฉากนี้มองเผินๆเหมือนทุกคนกำลังสนุกอยู่ แต่จริงๆแล้วฉากนี้เหมือนกับในหนังเรื่อง Snowpiercer ที่ตัวเอกกำลังเดินไปข้างหน้าขบวนแต่กลับถูกขัดขวางในระหว่างขบวนเพื่อไม่ให้ไปถึงต้นขบวน สังเกตจากสีหน้านัมจุนที่ผิดหวังและเจ็บปวด
“ฉากม้าหมุนและริบบิ้นสีเหลือง”
ริบบิ้นสีเหลืองนั้นถูกใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงความไว้อาลัยให้กับผู้เสียชึวิตในเหตุการณ์เรือเซวอน แสดงถึงการไว้อาลัย รำลึกถึงผู้จากไปไม่มีหวนคืน
บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> สิ่งที่ซ่อนใน MV BTS Pt.3
เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี