10 เพลงเนื้อหาสะเทือนใจ BTS

10 เพลงเนื้อหาสะเทือนใจ BTS บทเพลงรวมความเจ็บปวด

10 เพลงเนื้อหาสะเทือนใจ BTS บทเพลงรวมความเจ็บปวดของหนุ่มทั้ง 7 

10 เพลงเนื้อหาสะเทือนใจ BTS วันนี้เราจะมาแนะนำเพลงของ BTS อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันอาจจะหนักหน่วงหน่อยค่ะ เพลงเศร้าของบังทันในครั้งนี้ จะเป็นเพลงที่ไม่มีแม้แต่ประโยคปลอบใจค่ะ เพลงเศร้าในบทความนี้ จะมีแต่ประโยคที่ฟังหรืออ่านแล้วท้อแท้ ไม่มีประโยคให้กำลังใจในเนื้อเพลง อาจจะมีแต่ประโยคที่ดูขี้แพ้ ยอมแพ้ให้กับโชคชะตา 

เพลงนี้เหมือนเป็นเพียงเพลงที่เอาไว้ใช้เรียกน้ำตาให้ไหลออกมา ให้คนฟังเพลงได้ระบายได้ปล่อยโฮออกมาให้สุดเสียง ครั้งนี้เราจะมาเศร้าและเหงาไปด้วยกันกับ 10 เพลงของ BTS ที่ฟังแล้ว คนที่กำลังท้อหรือเหงาจะได้มีเพื่อนเศร้า เหงา และมาระบายความเศร้านั้นไปพร้อม ๆ กันค่ะ จะมีเพลงอะไรบ้าง เรามาเริ่มกันเลย

1.Rain

เพลง Rain ของ BTS ถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้ม Dark & Wild ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของวงค่ะ โดยเพลง Rain เราจะได้บรรยากาศฝนตกมาจากในเพลง ฟังแล้วเราจะมองทุกอย่างเป็นสีเทา

เนื้อหาในเพลงกล่าวถึงการหยุดนิ่งการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การไม่มีแรงบันดาลใจในการทำต่อ ความเบื่อหน่าย ความอึดอัดใจที่อัดแน่นอยู่ในเนื้อเพลง ความรู้สึกที่จู่ ๆ ก็มองตัวเองเป็นคนขี้แพ้ขึ้นมาซะแบบนั้น ในบางครั้งบางเวลาหลาย ๆ คนก็อาจเคยคิดอยากจะชัทดาวน์ตัวเองทิ้งไปซะดื้อ ๆ พร้อมกับฝนที่ตกลงมาเรื่อย ๆ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“สีสันที่หนาทึบของวันที่มีฝนตกลงมาในโซล

ผมยังคงนอนไม่หลับในขณะที่ผมค่อย ๆ อยากเลือนหายไป

ฝนที่จะหยุดตกแล้วเกิดภาพสะท้อนผมจากแอ่งน้ำนั้น

ในวันนี้เอง ที่ผมเห็นตัวเองดูช่างน่าสมเพชขึ้นไปอีกครั้ง”

2.Whalien 52 10 เพลงเนื้อหาสะเทือนใจ BTS

Whalien 52 ถ้าพูดถึงเพลงเศร้า ๆ ของ BTS เพลงนี้จะเป็นเพลงที่ติด Top 5 ของใครหลายคนแน่นอนเลยค่ะ เพลง Whalien 52 เป็นเพลงที่เขียนโดยอิงจากวาฬที่มีคลื่นเสียงความถี่อยู่ที่ 52Hz ซึ่งจะไม่สามารถส่งเสียงเรียกหาใครได้เลยค่ะ ถ้าให้เปรียบเทียบกับตัว BTS เองในสมัยตอนนั้นก็มีหลายคนที่ไม่รู้จัก ร้องเพลงอะไรไปคนก็บอกไม่เคยได้ยิน ถ้าในแง่ตัววงมันก็ประมาณนั้นค่ะ

แต่ความหมายแฝงที่อยู่ในเพลงนั้นมันพูดถึงคนที่ไม่อยู่ในจุดที่สามารถพูดในสิ่งที่คิดในสิ่งที่เป็นได้ ความรู้สึกโดดเดี่ยว ความรู้สึกตัวคนเดียว มีประโยคหนึ่งที่เราคิดว่ามันกล่าวแทนความรู้สึกของหลาย ๆ คนที่รู้สึกแบบนี้เหมือนกันคือ “มีแต่วาฬตัวอื่นที่พูดภาษาต่างจากผม มีแต่ผมคนเดียวที่ดูแตกต่างจากพวกเขา ใช้ไม่ได้เลย” เป็นอีกเพลงที่เนื้อหาดูเหงามากเลยค่ะ ไม่มีประโยคให้กำลังใจ แต่มีประโยคที่เป็นความหวังว่า “หวังว่าสักวันเสียงของผมจะส่งไปถึงนะ” นั้นเองค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“เจ้าวาฬผู้แสนโดดเดียว ต้องร้องเพลงอยู่อย่างเดียวดาย

เหมือนกับผมที่อยู่เกาะนี้เพียงคนเดียว พอจะเปล่งประกายได้ไหมนะ

เจ้าวาฬผู้แสนเดียวดาย ลองส่งเสียงออกไปอีกครั้งนะ

หวังว่าเสียงนี้จะส่งไปถึงใครสักคนสักวันหนึ่งนะ”

“ผมอยากให้พวกเขารู้สึกถึงคุณค่าของผมในทุก ๆ วันนี้บ้าง”

3.Save ME

“ผมต้องการความรักของคุณ ก่อนจะร่วงลงไป, ช่วยผมด้วย” สำหรับ Save ME หลายคนอาจมองว่าเป็นเพลงรักอกหักธรรมดาทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเพลง Save ME เป็นเพลงเดียวที่เราว่าทาง BTS สื่อประเด็นเรื่องโรคซึมเศร้าชัดเจนที่สุดเลยค่ะ คำว่า ‘ต้องการความรัก’ ไม่ว่าใครก็พูดออกมาได้ยาก ไม่ว่าจะด้วยอีโก้ ความหยิ่งทะนงหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เพลงนี้กลับกล่าวออกมาอย่างชัดเจนเลยล่ะค่ะ ว่าต้องการมันก่อนที่จะร่วงลงและหายไป

เพิ่มเติมนิดหน่อย คือในเอ็มวี Fake love กับภาพโปรโมตอัลบั้ม Her (ภาพวีกับอาร์เอ็ม) คำว่า I’m Fine จะกลับหัวเป็น Save ME ได้ ซึ่งตรงนี้ก็ชัดเจนเลยค่ะ symbolic ที่ชัดเจนว่าเกี่ยวกับ depress อีกอย่างหนึ่ง

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ผมอยากหายใจ ไม่ชอบค่ำคืนนี้เลย

ผมอยากตื่นขึ้นมา ไม่ชอบความฝันนี้เลย

ผมตกหลุมพรางของตัวเองแล้วก็ตายไป

Don’t wanna be lonely

Just wanna be yours”

“ทำไมที่ที่ไม่มีคุณอยู่ตรงนี้ถึงมืดมนเหลือเกิน

ผมพังไม่เป็นท่า

อันตรายแล้วล่ะ

ช่วยผมด้วย ผมตั้งสติเองไม่ได้แล้ว”

4.Reflection

บรรยากาศที่เหมือนกับกำลังเดินอยู่คนเดียว ในเวลากลางคืนที่ฝนตกเสร็จใหม่ ๆ ที่สวนสาธารณะ กับเนื้อหาเพลงที่บอกว่าชีวิตเราก็เหมือนกับดราม่าเรื่องหนึ่งที่กำลังฉายอยู่ ก็อยากจะชมเรื่องราวนี้นะ อยากจะชอบตัวละครตัวนี้นะ อยากจะบอกว่านี่มันดีมากเลยนะ อยากจะกล่าวคำชมให้ตัวเองเสียจริง แต่จริง ๆ แล้วคำพูดพวกนั้นกลับเป็นคำพูดออกไปไม่ได้เลย

ตอนเราอ่านครั้งแรก เราได้แต่คิดว่าคนที่เกลียดตัวเองจนไม่สามารถแม้แต่จะชมตัวเองสักครั้งไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ยังทำไม่ได้เนี่ย เขาจะเกลียดชีวิตตัวเองมากแค่ไหนนะ แต่เพลงก็ไม่ได้พูดถึงแต่ความทุกข์เพียงอย่างเดียวนะคะ เพลงพูดถึงความสุขด้วยเหมือนกัน ว่าเพราะมีเพื่อน มีเมมเบอร์อยู่ตรงนี้แค่นี้มันก็ดีแล้ว เหมือนชื่อเพลงค่ะ สะท้อนกันไปมา ความย้อนแย้งที่รู้สึกได้จริง แต่แก้ไขมันไม่ได้ สุดท้ายในเพลง อาร์เอ็มได้เขียนไว้ประมาณว่าแม้ฉันในตอนนี้จะไม่ได้ชอบตัวเองในทุก ๆ วัน แต่สักวัน ฉันก็หวังว่าจะมีสักครั้งฉันจะรักตัวเองได้ นั่นเองค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ผมแค่ต้องการอิสระเท่านั้น

อยากจะเป็นคนที่มีเสรีภาพเหมือนคนอื่นเขา

ถึงตอนนี้ผมจะยังยิ้มอยู่ แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้มีความสุขหรอกนะ”

“มองไปที่ตัวเอง

ตรงตุกซอม

ผมหวังว่าผมจะรักตัวเอง

หวังว่าผมจะรักตัวเองได้มากกว่านี้”

5.INTRO : Singularity

เคยรู้สึกเหมือนจมน้ำทั้งที่ร่างกายไม่ได้อยู่กับใกล้น้ำและก็ไม่ได้หัวใจวายมั้ยคะ สำหรับ Singularity เป็นเพลงที่เราฟังแล้วอึดอัดมากเลยค่ะ ด้วยทำนองเพลง เนื้อหาของเพลงที่บีบเค้นมาก ๆ นั้น มันให้รู้สึกอึดอัดมากจริง ๆ แต่อาการที่เหมือนจมน้ำไม่ได้มาจากการฟังเพลงนะคะ

จากในเนื้อเพลง จะมีท่อนจะกล่าวถึงน้ำแข็งเกาะตัวกันอยู่บนทะเลสาบ ที่มันค่อย ๆ กำลังจะร้าวไปทีละนิด ๆ จนทำให้เราจมดิ่งลงไปในความมืดที่หนาวเย็นในทะเลสาบนั้นได้ เคยมีคนบอกไว้นะคะ ว่าเวลาเราเศร้าเนี่ย มันจะเหมือนเราตกลงไปในมหาสมุทรหรือทะเลที่กว้างใหญ่ มองไม่เห็นอะไรนอกจากแสงจากข้างบน ถ้าไม่มีใครดึงเราขึ้นไปก็จะจมไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงก้นของมหาสมุทรหรือทะเล แล้ว shut down ตัวเองไปในที่สุด

แต่ shut down ในที่นี้อาจไม่ได้การตายหรือหายไปไหนนะคะ อาจหมายถึงการสูญเสียตัวตน อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปไม่ว่าจะในแง่ไหนก็ตาม เพลงนี้ในตอนสุดท้ายจะกล่าวว่า สุดท้ายแล้วฤดูใบไม้ผลิจะกลับมาแล้วน้ำแข็งที่ทะเลสาบก็จะละลายหายไป

เพราะงั้นการเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอนค่ะ จะว่าไปเพลงนี้มองให้ลึกลงไปอีก มันก็มีเนื้อหาไปในแง่ของการเติบโต การพบเจกับปัญหา เรื่องที่ผิดหวัง จนนิสัยของเราเปลี่ยนไป (จะเห็น symbolic ในเอ็มวีได้ คือวีดึงหน้ากากมาสวมใส่ พร้อมกับหน้ากากหลาย ๆ อัน รายล้อมเต็มไปหมด) ไม่ว่าจะเรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นหรือเป็นการ fake ก็ตามแต่ นั่นคือสิ่งที่เพลงจะสื่อค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ผมสูญเสียตัวเองไปหรือเปล่า

หรือผมได้รับตัวคุณมา

ทันใดนั้นผมวิ่งไปยังทะเลสาป

ในนั้นมีใบหน้าของผมอยู่”

6.The Last (Agust D)

เพลงนี้คนนอกที่ไม่ใช่แฟนคลับหรือแฟนเพลงสายฟังทุกแทร็ค ทุกเพลง อาจจะไม่รู้จักค่ะ เป็นเพลง side track ใน mixtape ของ Agust D หรือชูก้านั่นเอง เพลงนี้เนื้อหาอาจไม่ได้กล่าวแบบเพลงอื่น ๆ ที่ยกมา ที่กล่าวถึงเรื่องกลาง ๆ จะเป็นใครก็ได้ จะเกิดกับใครก็ได้

แต่เพลงนี้เป็นเพลงที่มีเนื้อหาเป็น telling story ของมินยุนกิหรือชูก้าเพียงคนเดียวค่ะ โดยในเพลงจะเล่าย้อนไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ ความเครียดต่าง ๆ หรือประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เขาได้พบเจอมา ไม่ว่าจะเป็นการไปพบจิตแพทย์เพราะ social phobia หรือการทำงานหนักจนได้รับบาดเจ็บ และอื่น ๆ ที่หนักหน่วงจริง ๆ ส่วนตัวเรามองว่าเพลงนี้เป็นเพลงหนึ่งที่สื่อความรู้สึกได้จริงใจ ตรงไปตรงมาและชัดเจนมากเลยค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ความรู้สึกที่เหมือนแปลกแยกออกจากความเป็นจริง

อุดมคติในใจที่เริ่มขัดแย้งกัน มันทำลายความคิดในหัวไปแล้ว

ช่วงอายุ 18 ที่กลายเป็นโรคกลัวการเข้าสังคม

ใช่แล้ว ช่วงเวลานั้นแหละ ที่จิตใจมันค่อย ๆ แปดเปื้อน

ในบางครั้ง ผมก็รู้สึกกลัวตัวเองเหมือนกัน

เพราะโรคซึมเศร้าทำให้ความเกลียดชังตัวเองมันเกิดครั้งแล้วครั้งเล่า

มินยุนกิน่ะ ตายไปแล้ว (ผมฆ่ามันไปแล้ว)

มันก็นานมาแล้ว ที่สูญเสียสิ่งที่ชอบไป

การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเริ่มเข้ามาแทนที่ในชีวิต”

7.Always (RM)

สำหรับเพลง Always เราคิดว่าเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะมีคนรู้จักน้อยที่สุดในบทความนี้แล้วค่ะ (ฮา) เพลง Always เป็นเพลงที่มีอาร์เอ็มร้องเพียงคนเดียวค่ะ เพลงนี้ปล่อยมาให้ฟังฟรีใน Soundcloud ค่ะ โดยเนื้อหาของเพลงนี้ สำหรับเราแล้ว เราว่าเพลงนี้ค่อนข้าง deep และหน่วงสุดในบรรดาเพลงทุกเพลงในบทความแล้ว เรายกให้ deep กับความรู้สึกที่สุดเท่าที่เคยฟังเพลงของ BTS มาเลย

เพลงนี้จะกล่าวถึงความรู้สึกอยากตายค่ะ ใช่ค่ะ ความรู้สึกอยากตายที่ตรงไปตรงมา ความรู้สึกที่ไม่ว่ายังไงก็อยากจะหายไปจากที่นี่แล้วสักที ใครก็ได้มาฆ่าฉันที เหมือนไร้สิ่งที่ยึดไว้แล้วค่ะ เพลงนี้เป็นเพลงที่ตรงกับบทความนี้ที่สุดแล้ว แต่อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นค่ะ ว่าควรฟังเพื่อระบายความอ่อนแอในบางช่วงเวลาที่รู้สึกท้อหรือแพ้เท่านั้น ไม่ควรเอามาคิดมาก ฟังเพื่อที่จะลุกขึ้นมาใหม่ เพื่อเดินต่อให้ได้อย่างแท้จริงค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“วันหนึ่ง เมื่อตอนที่ผมลืมตาตื่นขึ้นมา

ผมคิดว่า ถ้าผมตายไปแล้วก็คงจะดี

ถ้ามีใครมาฆ่าผมให้ตายไปได้ ก็คงจะดี

ภายในความเงียบที่ส่งเสียงกึกก้องนี้

ผมใช้ชีวิตอยู่เพื่อที่จะเข้าใจโลกใบนี้ได้

แต่โลกกลับไม่เคยเข้าใจผมเลย ทำไมกัน

แม้แต่ครึ่งเดียวก็ไม่มีเลย

มีแต่จะทำร้ายผมเท่านั้น”

8.Voice (RM)

หนึ่งเพลงใน mixtape ของ Rap Monster (หรืออาร์เอ็มนั่นเองค่ะ) เพลงนี้แค่บีทขึ้นมาก็รับรู้ได้ถึงความเศร้าที่แผ่ออกมาจากเพลงได้แล้ว สำหรับเพลง Voice นี้จะกล่าวถึงความฝัน ความเป็นจริง และการไม่มีความสุขกับที่เป็นอยู่ค่ะ โดยเราสังเกตดูจากหลาย ๆ เพลง อาร์เอ็มเป็นคนคิดเยอะมากค่ะ คิดมากกว่าคนอื่นค่อนข้างมากด้วย จนบางครั้งมันสร้างความกดดันให้ตัวเองมากค่ะ

มันมีประโยคหนึ่งที่บอกประมาณว่า “ใบเกรดที่เขียนว่าผมได้ที่ 1 แต่ทำไมผมมองมันแล้ว กลับไม่ได้รู้สึกดีใจ หรือมีความสุขกับมันเลยนะ มันจะผิดมั้ยนะ” หรือไม่ว่าจะเป็น “พวกคุณหลบซ่อนไว้ให้ดีล่ะ ผมจะส่งเสียงออกไปให้มากกว่านี้อีก ให้คุณรับรู้มันมากกว่านี้อีก” ประโยคนี้หลายคนอาจมองว่าจะสื่อถึง hater หรือเปล่า แต่จริง ๆ แล้วเราว่าเนื้อหาเพลงมันจะสื่อถึงความรู้สึกกลัวที่อยู่ในตัวของอาร์เอ็มเองมากกว่าค่ะ เหมือนกำลังต่อสู้กับความขี้แพ้ไม่กล้าของตัวเองในวันนั้นมากกว่านั่นเองค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ผมไม่มีความฝันเลยสักอย่าง

เหมือนเนื้อเพลงของผม ทุกวันก็เป็นแบบนั้น

ทั้งฟังก์ชั่น ทั้งสมการ ก็ไม่สามารถให้คำตอบกับผมได้

สุดท้าย สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นบาดแผลนับไม่ถ้วน

ด้วยแสงนั่น ทำให้ผมสามารถมองเห็นดวงดาวที่ซ่อนอยู่

เป็นแบบนั้น ในขณะที่ทุกๆวันกำลังจะฆ่าผม

แต่ละวันขึ้นอยู่กับตัวเลขเหมือนอันดับเกรดเนื้ออย่างไร้ความหมาย”

9.Life (RM)

เพลงเดี่ยวเพลงสุดท้ายของคุณอาร์เอ็มในบทความนี้แล้วค่ะ หลายคนอาจจะว่าเพลงอาร์เอ็มเยอะไปหรือเปล่าว้า แต่ก็นั่นแหละค่ะ เยอะจริง ความคิดของคน philosophy มันตรงกับเนื้อหามากเวอร์

สำหรับเพลง Life เป็นเพลงที่เล่าเรื่องราวของการมีชีวิตอยู่ และความตายค่ะ โดยเพลงนี้จะกล่าวในแง่ negative มากกว่าค่ะ ไม่ใช่สีสันที่สวยงาม แต่เป็นความรู้สึกโดดเดี่ยวหรือรู้สึกที่ผิดพลาดอยู่ตลอดเวลา การตั้งคำถามว่าถ้าใช้ชีวิตแบบนี้จะผิดหรือถูก ทำไมคนอื่นถึงหัวเราะแยะถ้าทำแบบนั้น อะไรประมาณนี้ค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“พวกเราก็แค่อยากเป็นคนที่ถูกต้องบ้าง

แต่เรากลับเป็นผู้ผิดเสมอ

งั้นที่เราเกิดมานั้นผิดอยู่แล้วหรือเปล่านะ

บางครั้งหรือเราจะต้องการใช้ชีวิตแบบใครเขาหรือเปล่านะ”

10.Like a Star (Double J)

เพลงสุดท้ายของบทความนี้คือเพลง Like a star ค่ะ เพลงนี้เป็นเพลง Cover ที่น่าจะทำมาตั้งแต่ช่วงก่อนเดบิวท์แล้ว อันนี้ไม่แน่ใจเท่าไหร่ค่ะ สำหรับเพลง Like a star นี่จะกล่าวถึงความเป็นคนค่ะ คนสีเทา ๆ ไม่มีขาว ไม่มีดำ ใช้ชีวิตเหมือนรออะไรบางอย่าง อิสรภาพ? ความฝัน? การมีชีวิต? เพลงนี้เรามองอีกแง่เรามองว่ามันจะสื่อในแง่ของ youth ด้วยเหมือนกันนะคะ ช่วงวัยเยาว์ วัยหัวเลี้ยวหัวต่อหลาย ๆ คนก็คงเกิดคำถามในใจเหมือนในเนื้อเพลงนี้ว่าชีวิตนี้จะเอายังไง เราต้องการอิสระมั้ย เรามีความฝันหรือเปล่า ใช้ชีวิตแบบนี้จะโดนหัวเราะแยะหรือเปล่า นั่นเองค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

“ตัวสั่นไปด้วยความกลัว ร้องไห้ไปด้วยความเสียดายครั้งแล้วครั้งเล่า

เหมือนกับละครน้ำเน่าตอนเช้าที่ดำเนินไปเป็นตอน ๆ

ตัวละครที่ขี้ขลาดได้แต่สร้างกำแพงปิดกั้นตัวเองไว้

รู้สึกแปลกแยกจากคนรอบข้าง ไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว

การแบ่งชนชั้นที่ดูคลุมเครือ และการเปลี่ยนแปลกที่แปลกประหลาด

ในคืนที่แสนยาวนาน ผมได้แต่นอนนับแกะตัวแล้วตัวเล่า

ความฝันที่สว่างใสดั่งดวงดาว แต่ก็อยู่ไกลเกินเอื้อมถึงดั่งดาวเช่นกัน

ผมรู้สึกเหมือนนักสืบที่ตามร่องรอยลูกชายของอาชญากร

แม้จะรู้ว่ามีเชือกที่จะพาขึ้นไปบนสวรรค์ได้ แต่ก็ยังไม่กล้าเข้าไปใช้มันอยู่ดี

สุดท้ายแม้ผมจะรู้ตัวคนร้าย แต่ก็ไม่สามารถจับกุมไว้ได้อีกเหมือนเดิม”

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> BTS กับ Grammy

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี