Bring The Soul

Bring The Soul : เบื้องหลังสปอร์ตของ BTS น้ำตา หยาดเหงื่อ และความหวัง

Bring The Soul : เบื้องหลังสปอร์ตของ BTS ความลำบากบนเส้นทางของชายทั้ง 7

Bring The Soul ภายใต้แสงที่สว่างกว่าแสงบนเวที ตอนนี้พวกเขาขอเชิญเราไปชมเรื่องราวเบื้องหลังสปอร์ตของ BTS ในวันสุดท้ายหลังการทัวร์คอนเสิร์ตที่ยุโรปบนดาดฟ้าในเมืองปารีส BTS Document เหล่าศิลปิน BTS บอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาเองจากประสบการณ์ในเมืองใหม่ๆ ที่ได้ไปแสดงต่อหน้าแฟน ๆ ARMY หลายพันคนทั่วโลก และอีกหลายเรื่องราวในโลกของ BTS ที่นอกเหนือจากการแสดงบนเวที รวมถึงการพูดคุยอย่างใกล้ชิดพร้อมกับการแสดงคอนเสิร์ตที่น่าประทับใจจากทัวร์นี้ สรุปเรื่องราวของบีทีเอสในสารคดี การเดินทางของ BTS ยังคงดำเนินต่อไป!

Bring The Soul : Ep.1: Challenge

Bring The Soul

“พวกเราทั้ง 7คน ผู้คนเป็นหมื่นมองดูเราทั้ง 7 คน มีความสุขและบ้าคลั่ง ผมยังจำมันได้อยู่เลยครับ ทุกคอนเสิร์ตที่ผมเคยไปเมื่อผมยังเด็ก โดยเฉพาะการแสดงที่ผมดูเมื่อตอนวัยรุ่น ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากเลยที่สามารถมอบความทรงจำให้กับผู้คนเหล่านั้นได้” – ชูก้า

“แฟนจะได้รับชม ผู้คนมากมายจะได้รับชม นั่นคือที่ที่พวกเราเป็นและพวกเราต้องแสดงมันออกมา ผ่านการกระทำ สรุปเรื่องราวของบีทีเอสในสารคดี ผ่านเสียงเพลง ผ่านการแสดงของพวกเรา มันเป็นอะไรที่พวกเขาได้เห็นและรับรู้ พยายามที่จะแสดงว่าตัวเรานั้นเหมาะกับที่ที่เราอยู่ ณ ตอนนี้” – จองกุก

“แทนที่จะกลัวกับแรงกดดัน ผมต้องอยู่กับความเป็นจริงกับตัวเองครับ ทำงานหนักกับการทำอัลบัมและทำการแสดง เราจะทำอะไรได้อีกล่ะ?” – RM

“ความอ่อนล้าของพวกเราและความตื่นเต้นของพวกเขา BTS Document มันแปรผันตรงครับ ยิ่งพวกเราเหนื่อยมากเท่าไร พวกเขายิ่งสนุกมากเท่านั้น เพราะงั้นเราไม่มีทางเลือกครับ เราต้องไปต่อ” – RM

“พวกเขาบอกว่าความสนุกมันจะเปลี่ยนเป็นความเครียดเมื่อสิ่งนั้นมันคืองาน แต่การไปทัวร์แบบนี้นั้นมันมีค่ามากยิ่งกว่าการทำงานอีกครับ แค่ได้พบเจอกับ ARMY” – แทฮยอง

“สิ่งที่เราทำมันจะส่งผมกระทบหลายอย่างครับ เพราะงั้นไม่ใช่แค่เพลงของเรา แต่ทุกการกระทำของเราเลย พวกเราต้องระมัดระวัง และพวกเรามีหน้าที่ที่ต้องทำการแสดงให้มันยอดเยี่ยมครับ” – จองกุก

“ผมอยากจะมองดูตัวเองอย่างกลางๆ อยากจะบอกว่าผมสบายดี ทุกๆอย่างมันดีแล้ว แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังขาดความอดทนอยู่ครับ” – จองกุก

“เอาจริงๆเลยนะครับ ทั้งโลกต่างก็จับตาดู BTS อยู่ ผมพูดจริงๆเลยนะครับตอนนี้วผมสนุกกับสิ่งที่ผมเป็น ผมสนุกกับช่วงเวลาเหล่านี้ แต่มันก็ยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก สิ่งที่ยากลำบาก ที่ผมเองก็บอกใครไม่ได้” – เจโฮป

“ผมรู้ครับว่ามีARMYมากมายเลยที่รักผมมากๆ ผมรู้ครับ BTS Document ผมคิดว่านั่นเลยเป็นเหตุผลให้ผมพยายามมากขึ้นไปอีก มันทำให้ผมต้องการมันมากขึ้น” – แทฮยอง

“ยิ่งเราทำอะไรแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ก่อนที่พวกเราจะเดบิวต์ ผมอยากเป็นนักร้องเพียงเพราะว่าผมชอบร้องเพลง ชอบเต้น แต่ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป ผมอยู่บนเวทีเพราะว่า ARMY ผมหวังว่าเราจะได้แบ่งปันช่วงเวลาเหล่านี้ไปทุกๆปีอีกหลายๆปีเลยนะครับ” – จองกุก

“มันมีสิ่งที่ผมเปลี่ยนแปลงได้และสิ่งที่ผมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ อะไรที่ผมเปลี่ยนแปลงได้ผมเปลี่ยน สรุปเรื่องราวของบีทีเอสในสารคดี ถ้าผมไม่อยากเปลี่ยน นั่นมันก็ไม่เป็นไร อะไรที่ผมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ผมก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ เพราะงั้นมันไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมทำได้ดีในแบบที่ผมเป็น ดังนั้นก็ก้าวต่อไปมั่นคงครับ” – RM

BTS Document – Ep.2: Passion

Bring The Soul

“เราเริ่มต้นจากอะไรเล็กๆและสร้างทางเดินของพวกเราเอง นี่คือเรื่องราวที่เราต้องการเขียนครับ BTS นั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องและผมก็คิดว่าการแสดงว่าเราเป็นใครต่อผู้คนจำนวนมาก คือสิ่งที่ถูกต้องที่เราควรทำในขณะนี้ นั่นเป็น้หตุผลว่าทำไมเราถึงเติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่องครับ” – จิน

“เห็นมันกับทำมันนั้นแตกต่างกันนะครับ เวลาที่เป็นเพลงเมดเลย์ที่มันไม่มีท่าเต้น มันให้ความรู้สึกว่าไม่สนุก ‘ผมต้องทำให้มากกว่านี้’ ผมคิดแบบนั้น ผมไม่รู้สิครับ ผมรู้สึกกระวนกระวาย ผมเลยต้องทำมันให้หนักขึ้น เมื่อมันจบลงผมหายใจหนักจนเจ็บไหปลาร้าไปหมด แต่ว่ามันก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วครับ” – จีมิน

“ผมถามตัวเองว่า ‘ทำไมไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย?’ มันเคยทำให้ผมเครียดมากๆครับ “มันจะออกมาแล้วล่ะ” ผมเชื่อแบบนั้น” – ชูก้า

“ในหลายๆทาง พวกเรานั้นไม่เคยเต้นดีเลยครับ ผมเองก็มีข้อบกพร่องมากมาย BTS Document ด้านโวคอลเองก็เหมือนกัน ถ้าจะให้พูดกันตรงๆและมันก็มีคำวิจารณ์มากมายเลยล่ะครับ” – เจโฮป

“เรากำลังทำหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตของเรา เราได้อันดับ 1 ในชาร์ต Billboard เราได้แสดงในงานประกาศรางวัล เราได้รับรางวัล … แน่นอนว่าเราไม่ได้แสดงหรือทำดนตรีเพื่อพยายามตอบสนองความคาดหวังเหล่านั้นทั้งหมด แต่เราเองก็ไม่สามารถละทิ้งความคาดหวังเหล่านั้นได้เช่นกัน” – ชูก้า

“ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ พูดตามตรงนะ ผมพนันได้เลยว่าผมไม่ใช่คนเดียวแน่นอน สมาชิกคนอื่น ๆ อาจได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน ผมแน่ใจว่าจะมีอาการปวดเมื่อย และผมแน่ใจว่าพวกเขาเก็บเอาไว้กับตัวเอง มีคนหลายหมื่นคนอยู่ตรงนั้น บางทีผมก็ไม่ต้องการปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้น ผมคิดว่ามันมีเหตุผลมากมายเลยล่ะ” – จีมิน

“BTS กลายเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากเลยครับ ถ้าผมไม่สามารถทำมันได้ สรุปเรื่องราวของบีทีเอสในสารคดี ไม่สามารถเติมเต็มมันได้ นั่นมันทั้งกดดันและน่ากลัวเลยนะ” – จองกุก

“ตั้งแต่ที่ผมเดบิวต์มา สิ่งที่มีความสุขที่สุดคือผมไม่ต้องคอยกังวลกับการถามตัวเองครับว่า ‘ถ้าเกิดไม่มีใครฟังล่ะ?’ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะเป็นช่วงราวๆเพลง RUN ถูกปล่อยออกมา ไม่ว่าจะมีใครฟังหรือไม่ ผมไม่จำเป็นต้องไปกังวลเกี่ยวกับมันแล้วครับ สำหรับผมในตอนนั้น…ไม่ใช่ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดแล้วหรอ? ตอนที่สิ่งที่ผมกังวลที่สุดได้ถูกแก้ปัญหาแล้ว” – RM

“เวลาที่ผู้คนทำอะไรที่แตกต่างกัน เมื่อมันผ่านไปสักพักพวกเขาก็จะลืมว่าทำไมพวกเขาถึงทำมัน BTS Document การทำงานมันส่งผลกระทบในเชิงบวกให้กับสังคม และทีนี้เราก็ใส่แพชชั่นเข้าไป นั่นมันเป็นอะไรที่มากกว่าที่คุณคาดหวังเอาไว้อีก นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมอยากทำมัน ผมโชคดีที่ผมได้เจอคน(เมมเบอร์)ที่มาเติมเต็มข้อบกพร่องของผม นั่นเลยทำให้ผมสามารถทำมันได้ครับ” – RM

“ผมพูดอยู่เสมอครับแต่ว่าผมใช้ชีวิตเพื่อที่จะได้รักตัวเอง ผมอายุ 25 ปี และมันไม่ง่ายเลยเพราะผมยังเด็ก ผมอยากที่จะรักตัวเองครับ เราควรมาหาทางไปด้วยกันไหม?” – RM

Ep.3: Relationship

Bring The Soul

“ความสุขหรอครับ? ผมจะพูดยังไงดีล่ะ ผมอายนะถ้าจะบอกว่าตัวเองมีความสุข แต่จะให้บอกว่าผมไม่มีความสุขมันก็ไม่ใช่เหมือนกัน ยังไงก็ตาม ถ้าจะคิดง่ายๆเลยผมกำลังทำอะไรสักอย่างที่ผมอยากทำ ผมกำลังยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ แค่คิดถึงมันนั่นก็ทำให้ผมคิดว่าผมมีความสุขแล้วล่ะครับ” – เจโฮป

“แต่ผมก็ไม่มั่นใจหรอกนะ ว่าผมมีความสุขจริงๆหรืเปล่า ผมไม่เคยมีความมั่นใจเกี่ยวกับคำถามแบบนี้เลย มันเหมือนคำว่าผมยังไม่เจอคำตอบจริงๆสักที” – เจโฮป

“ผมมาไกลขนาดนี้แล้ว ผมโตขึ้นมาก ผมไม่เคยคิดถึงสิ่งเหล่านั้นเลยครับ หลาย ๆ คนมาที่คอนเสิร์ตของเราแทนที่จะคิดอะไรเหล่านั้น สรุปเรื่องราวของบีทีเอสในสารคดี ผมกลับคิดว่า ‘ผมแค่มีความสุข’ ผมสามารถเพลิดเพลินกับช่วงเวลานี้กับพวกเขาได้ เหมือนเด็กเลยครับ เพลิดเพลินกับช่วงเวลาเหล่านั้น บางทีผมก็คิดว่ามันอาจจะดีสำหรับผมแล้วในช่วงเวลานี้ที่จะไม่คิดอะไรมากเกินไปหรือจริงจังเกินไป เพราะช่วงเวลาที่ผมรู้สึกนั้นมันสามารถกลายเป็นภาระได้” – จิน

“มันเป็นช่วงต้นปีครับ มันเริ่มยากเมื่อผมสงสัยและมีคำถามกับตัวเองว่าทำไมผมถึงใช้ชีวิตแบบนี้ ผมรู้สึกลบกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำมาจนถึงตอนนี้เลยครับ  สิ่งที่มันเปลี่ยนผมก็คือตอนที่ผมเห็นความสำคัญของการมองหาความสุขแต่มันก็ขึ้นอยู่กับความคิดของคุณด้วย มันไม่มีความหวังหรอกครับเมื่อคุณเริ่มคิดว่า ‘ฉันกำลังทำอะไรอยู่นะ?’ แต่ว่าพอคุณคิดว่า ‘นี่มันสนุกจัง’ มันก็จะเป็นแบบนั้นล่ะครับ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด เอาจริงๆพวกเราต่างก็รู้ทฤษฎีนี้กันอยู่แล้วล่ะแต่สิ่งที่มันยากคือการคิดให้ได้แบบนั้นต่างหาก” – จีมิน

“พูดกันตามตรงแล้วมันเป็นเรื่องของปริมาณและคุณภาพครับ นี่คือวิธีที่ผมใส่มันลงไป BTS Document เทศกาลเฉลิมฉลองนั้นสั้น แต่ขยะนั้นมันจะอยู่ไปอีกนาน เทศกาลนั้นสั้นแต่ช่วงเวลาในการเตรียมตัวและการเก็บกวาดหลังจากนั้นมันใช้เวลานาน ถึงแม้จะเป็นอย่างงั้นผู้คนก็เตรียมงานเทศกาลกันทุกปี พวกเขารอคอยมัน พูดจริงๆแล้วมันยากขึ้นกว่าเดิมอีกเพราะจำนวนคนที่มากขึ้น แต่ในทางกลับกันช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นมันเข้มข้นมาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนถึงไม่ลืมช่วงเวลาเหล่านั้น มันมีค่ายังไงล่ะครับ” – RM

“จีมินเคยบอกว่าเขาโชคดีที่ได้เป็นรูมเมทกับผมครับ เขาชอบเหงาเวลาอยู่ที่หอพัก หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นแล้วผมก็คิดว่าผมควรไปอยู่ตรงนั้นเพื่อเขาครับ แต่เวลาที่มาอยู่โรงแรมแบบนี้มันก็ดีนะครับ ให้ความรู้สึกอิสระดี แต่มันก็เหงานะบางทีเพราะว่าเราอยู่คนเดียว” – เจโฮป

“เพราะพวกเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมามากมาย ผมเองก็เหมือนกัน ทุกคนเอาแต่บอกผมว่าไม่ให้คิดมากในเรื่องนี้จนเกินไป สรุปเรื่องราวของบีทีเอสในสารคดี แต่ในความคิดของผม ผมเราเป็นทีมนะ พวกเราต้องอยู่ด้วยกันอีกในอนาคต แล้วจะให้ผมไม่แคร์ได้ยังไง? ผมเอาแต่พูดว่านั่นมันก็ไม่ใช่ทีมแล้ว” – จีมิน

“การใช้เวลาต่างๆมากมายในหลายๆสถานที่ที่ห่างไกลจากบ้านเกิดและต้องอยู่ที่นั่นนานๆ มันไม่ง่ายเลยครับ แต่ว่าใครจะเข้าใจความเหงานี้ล่ะ? ผมคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพผมนะ ผมต้องรับมือกับมันดีๆ เพราะแบบนั้นผมเลยโทรวิดีโอคุยกับครอบครัวบ่อยๆครับ มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าเราอยู่ด้วยกัน” – เจโฮป

“เพราะเราต้องแสดงมากกว่า 20 เพลงบนคอนเสิร์ต เราควรทำให้ได้ตามเกณฑ์พื้นฐานในทุกๆกรณี แต่พวกเราค่อนข้างไม่มั่นคงในเรื่องของความแข็งแกร่งทางร่างกาย มันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ชอบแสดงบนเวทีนะ แต่เราไม่ควรทำการแสดงเพียงแค่เพราะว่าเรารักการแสดง ผมควรจะไล่ตามการแสดงบนเวทีและรู้ซึ้งถึงสาระสำคัญของมัน มันไม่พอหรอกนะครับที่จะแค่ทำการแสดงและรู้สึกมีความสุขกับการแสดงบนเวที มันไม่ใช่จุดจบของเรื่องนี้” – จองกุก

“เมื่อถูกถามว่าอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้กับ BTS ที่จะไปถึงที่ที่เราอยู่ตอนนี้ BTS Document มันมีห้องพักของการปรับปรุงมากมายเลยครับ แต่เราได้รับการตอบรับเชิงบวกเท่านั้น อย่างไรก็ตามผมคิดว่าเราไปช้าแต่ก็ไปถึงที่นั่นอย่างแน่นอน คนเจ็ดคนไปด้วยกันมันไม่ง่ายเลยนะครับ” – RM

“BTS นั้นแตกต่างกันนะ ความรับผิดชอบมันอาจกลายเป็นภาระได้ แต่มันก็ช่วยผมได้เยอะเลยครับ ถ้าผมทำสิ่งนี้ด้วยความสามารถทั้งหมดของผมแล้ว อีกหกคนก็จะทำเช่นเดียวกันครับ” – RM

“ทีมก็คือทีม แค่เพราะใครคนหนึ่งทำได้ดี ไม่ได้หมายความว่ามันจะดูดีทั้งหมด” – จองกุก

Ep.4: Influence

Bring The Soul

“ผมเชื่อว่ามีแฟน ๆ และผู้คนมากมายที่รู้สึกสบายใจหลังจากฟังเพลงของเรา เราต้องเข้าใจพวกเขาและพูดในสิ่งที่พวกเราต้องพูดในเวลานี้ ข้อความที่มันจะสามารถช่วยโลกได้” – จองกุก

“ฉัน นัมจุนและบังพีดีอยู่ที่นั่น ตอนแรกฉันอยากให้มีคำว่า ‘Ho’ อยู่ในชื่อ เราเอาแต่คิดชื่อกันไปมา J-ho,…J-Hope? แล้วกล่องแพนโดร่าก็ถูกพูดถึงว่า ‘ความหวัง’ คือสิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในกล่อง สรุปเรื่องราวของบีทีเอสในสารคดี พอมองย้อนกลับไปก็คิดถูกแล้วนะที่ใช้ชื่อนั้น มันทำให้ฉันเป็นฉันในตอนนี้” – เจโฮปพูดกับจีมิน

“ก่อนหน้านี้ผมคิดครับว่าอิมเมจของผมบนเวทีกับหลังเวที…หมายถึงจองกุกที่เป็นนักร้อง กับจองกุกที่เป็นคนธรรมดา แตกต่างกันมาเลยครับ ผมรู้สึกแบบนั้นน่ะ ตอนนี้ผมกำลังจัดการกับความแตกต่างนั้นอยู่ครับ พยายามทำให้มันเหมือนกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง” – จองกุก

“แน่นอนครับว่ามีเรื่องราวที่ผมสามารถแชร์ได้ในฐานะของคนที่ได้มาถึงจุดนี้แล้ว BTS Document ผมมาไกลขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยและใช่ครับ ผมเข้าสู่โลกแห่งความจริงเร็วกว่าพวกเขา  แต่ผมก็อยากรู้เกี่ยวกับผู้คนในวัยของผมมากขึ้นนะครับว่าพวกเขามีชีวิตกันยังไง พวกเขาคิดอะไร มีเป้าหมายแบบไหนและมีความฝันอะไร  สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือเพลงที่สามารถทำให้พวกเขามีกำลังใจและสามารถปลอบใจพวกเขาได้เมื่อพวกเขาฟังครับ” – จองกุก

“เราไม่ได้ช่วยใครโดยตรง เราไม่ได้สนับสนุนหรือบริจาคให้กับทุกๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนั่นมันคือ ‘อิทธิพล’ ที่ให้โอกาสพวกเขาในการก้าวไปข้างหน้าผ่านพวกเรา” – ชูก้า

“ ผม, จอนจองกุกในฐานะคนคนหนึ่ง เมื่อจองกุกข้างหลังหน้ากากถูกเปิดเผยออกมา มันทั้งกดดันและน่ากลัวมากเลยครับ”  – จองกุก

“พวกเขามักบอกว่า ‘เราควรรักตัวเองก่อนที่จะรักคนอื่น’ ผมรัก ARMY มากจริงๆครับแต่ผมไม่คิดว่าผมรักตัวเองมากมายจนมาถึงตอนนี้ ผมกำลังพยายามรักตัวเองอยู่ครับตอนนี้ สรุปเรื่องราวของบีทีเอสในสารคดี ผมเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าผมมีอะไรและคิดว่า ‘ผมมีความสุขกับสิ่งที่ผมมีและผมเองก็รักมันนะ’ ผมพยายามที่จะรู้สึกอะไรแบบนั้นครับ และผมก็กำลังจัดการกับมันในแบบของผมเอง” – แทฮยอง

“เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่เราออกจากเกาหลี ผมรู้ตัวอีกครั้งแล้วในทัวร์ครั้งนี้ว่า ความสมดุลระหว่างงานและงานอดิเรกเป็นสิ่งสำคัญในอัตราส่วน 5:5 ผมรู้เรื่องนั้นดีอย่างแน่นอนครับ ผมลองเล่นเกมและออกไปช้อปปิ้งและทำสิ่งต่างๆ … แต่เนื่องจากความต้องการทางด้านจิตใจนี้มันไม่สมดุล ผมรู้สึกว่าผมใช้ชีวิตที่สมดุลกว่านี้ในเกาหลีครับ ผมรู้ว่ามันช่วยไม่ได้หรอกกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ว่ามันก็ไม่ง่ายเลยครับ” – RM

Ep.5: Cordiality

Bring The Soul

ผมชอบคิดอะไรแบบนั้นครับ “ทำไมผู้คนถึงชอบเรากันนะ?” บางทีอาจจะเป็นเพราะเรางานหนัก…แต่คนอื่นๆก็ทำงานหนักเหมือนกัน ทำเพลงดีๆเหมือนกัน ทำไมถึงต้องเป็นเราล่ะ?

ในการสัมภาษณ์ต่างๆ เรามักพูดถึงความสนิทสนมของพวกเราอยู่เสมอ พวกเราพยายามติดต่อกับแฟนๆมากแค่ไหน แต่นั่นมันไม่ใช่แค่พวกเราไงครับ คนอื่นๆเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน

ผมไม่คิดว่ามันง่ายหรอกนะครับ กับการเชื่อในใครสักคนและเฝ้าเชียร์พวกเขาน่ะ BTS Document นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงต้องทำให้ดีไงล่ะครับ ทำให้ดีมากขึ้นไปอีก – จีมิน

“มาดูกันว่าพวกเราจะไปได้ไกลแค่ไหน” นั่นเป็นความคิดของพวกเราครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการทัวร์ที่’เมกา – ยุนกิ

มันเป็นความรู้สึกที่ดีนะครับ ที่ได้เปลี่ยนการรับรู้ของใครบางคน มันไม่ใช่อะไรที่ทำได้ง่ายๆเลย – จิน

มันก็เหมือนๆกันในทุกสถานการณ์ คุณบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยเพราะว่าคุณโชคไม่ดี มันไม่ใช่ว่าคุณกระโดดลงมาจากชั้นสองเพราะว่าคุณอยากบาดเจ็บนี่ โอกาสที่จะบาดเจ็บมันมีอยู่ตลอดแหละ คุณก็แค่หวังว่ามันจะฟื้นตัวได้โดยเร็ว – ยุนกิ

มันเป็นไปอย่างธรรมชาติเลยครับ คำพูดที่จริงใจของพวกเรา ที่พวกเราสร้างและนำเสนอมัน การแสดงที่ดีๆ แต่ก็อีกเช่นเคย เอาจริงๆแล้ว ความเป็นธรรมชาติ โดยพื้นฐานแล้วพวกเราเป็นนักร้อง มันเกิดขึ้นกับผมด้วยเหมือนกันที่ว่านี่เป็นช่วงเวลาดีๆที่จะทำสิ่งนี้

เราปล่อยอัลบัม และหนึ่งถึงสองวินาทีมันก็แผ่กระจายไปทั่วโลกแล้ว และข่าวต่างๆก็กระจายออกไป เนื้อเพลงก็ถูกนำไปแปลโดยทันที

ยิ่งพวกเราไปได้สูงเท่าไหร่ แฟนๆอาจจะเริ่มรู้สึกถึงระยะห่าง โชคดีที่ว่ามันมีหลากหลายช่องทางให้เราได้ติดต่อกัน เพราะงั้นพวกเขาหลายคนจึงได้พูดว่าพวกเขารู้สึกได้รับการปลอบประโลม บางคนก็พูดว่า “บางอย่างนั้นมันช่างยากเหลือเกิน แต่ฉันดึงตัวเองกลับมาได้” พวกเขาบอกเราแบบนี้ – จองกุก

ผมเคยเห็นมาจากที่ไหนสักแห่ง มีใครสักคนเคยบอกว่า “การได้เห็น BTS เหมือนการเห็นยูนิคอร์น” เมื่อคุณคิดถึงสิ่งนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหลังเวที ใช่ครับ การมันอาจจะไม่ได้ดีเหมือนการแสดงสุดท้ายก็ได้ แต่ 70% กับ 0% นี่มันต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะ แค่การแสดงใบหน้าของพวกเราให้กับใครบางคนมันเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากเลยล่ะครับ สรุปเรื่องราวของบีทีเอสในสารคดี ขอบคุณมากเลยที่เราได้กลายเป็นคนที่สามารถมอบอะไรแบบนั้นได้ เพราะแบบนั้นเราถึงต้องอยู่ที่นี่ เราถึงต้องขึ้นไปบนเวทีครับ – นัมจุน

ผมอยากจะใช้ชีวิตที่มีความสุขกับเมมเบอร์ BTS ไปอีกนานแสนนานเลยครับ เอาตรงๆเลย พวกเราสามารถไปสูงกว่านี้ได้ พวกเรามีโอกาส แต่แทนที่จะฝันถึงอะไรที่มันยิ่งใหญ่กว่านั้นกันอีกครั้ง ผมก็แค่อยากจะหัวเราะและมีความสุข ถึงแม้ว่ามันจะค่อยๆต่ำลงมาๆ ผมอยากทำเพลงร่วมกับเมมเบอร์ BTS ไปอีกนานแสนนานเลยครับ – แทฮยอง

ความต้องการของมนุษย์มันไม่มีขีดจำกัดหรอกครับ – เจโฮป

แค่ตอนนี้ แค่ช่วงเวลานี้ที่พวกเราเมมเบอร์ต่างก็มีความสุขกับการได้ทำงานด้วยกัน นั่นคือเป้าหมายเดียวของพวกเราครับ มันไม่ง่ายหรอก พวกเราต่างก็มีอะไรที่ต้องแข่งขัน มีเส้นทางเป็นของตัวเอง ผู้ชายทั้งเจ็ดคนกับคิดของแต่ละคนจะกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกันได้ยังไงล่ะ? – เจโฮป

ผมคิดว่าผู้คนชอบเราไม่ได้ชอบเพราะพวกเราเพอร์เฟ็คหรอกครับ แต่ชอบเพราะว่าพวกเราไม่ได้เพอร์เฟ็คต่างหาก พวกเรามีข้อบกพร่องมากมายเลยครับ ผมแค่อยากจะเป็นพัคจีมินคนธรรมดาๆ

ผมไม่ได้บอกว่าผมอยากเป็นคนที่เข้าถึงไม่ได้หรืออะไรทำนองนั้นนะครับ ผมก็อยากจะเป็นคนดังสำหรับพวกเขาแหละ ผมอยากให้พวกเขามีความสุขครับ เห็นพวกเรา ฟังเพลงพวกเรา ดูพวกเราเต้น นั่นมันเพียงพอสำหรับผมแล้วครับ พวกเขาเหมือนเป็นแรงขับเคลื่อนให้เราก้าวไปข้างหน้า เพราะงั้นผมเลยหวังว่าแฟนๆจะมีความสุขเหมือนที่พวกเรามีความสุข… หรือไม่ก็มีความสุขยิ่งกว่าพวกเราไปเลยครับ – จีมิน

คำพูดหนึ่งที่ผมชอบมากในช่วงนี้เลยครับ “Done is better than perfect(ทำให้เสร็จดีกว่าเพอร์เฟ็คนะ)” ผมคิดว่ามันหมายความแบบนั้นครับ การทำอะไรบางอย่างมันดียิ่งกว่าการพยายามที่จะสมบูรณ์แบบ นั่นคือสิ่งที่ผมเห็น ผมชอบนะครับ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก – นัมจุน

สถานที่ที่คุณรู้สึกได้ถึงความรัก ผมจะบอกว่ามันคือบนเวทีครับ ผมรู้สึกได้ถึงการเป็นที่รักเวลาที่อยู่บนเวที นั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องพยายามอย่างหนัก – จิน

มันก็เป็นแค่สถานที่ธรรมดา และพวกเราก็เป็นแค่คนธรรมดาที่พยายามทำให้ทุกอย่างมันดูสมบูรณ์แบบ – เจโฮป

เมมเบอร์แตกต่างกันมากครับ แต่ความจริงใจของเราเวลาที่ได้ทำการแสดงบนเวทีนั้นมันเหมือนกัน… มันก็เป็นอะไรง่ายๆ พวกเราก็เป็นแค่คนแสดงครับ – แทฮยอง

EP.6: Energy

จอนจองกุกที่เป็นคนๆหนึ่ง ที่เป็นนักร้องคนหนึ่ง ผมสงสัยว่าเวลาของผมถูกใช้ไปอย่างดีที่สุดแล้วในอาชีพของผมใช่ไหม? ศิลปินคนอื่นๆเขาใช้เวลากันไปยังไง? พวกเขากำลังเสียสละอะไรในอาชีพของพวกเขา? – จองกุก

แฟนๆไม่อยากเห็นผมเศร้า ผมมั่นใจครับว่าทุกคนเสียใจ พวกเขาไม่สามารถเห็นพวกเราทั้ง 7 คนแสดงด้วยกัน เพราะว่าพวกเราแยกกันบนเวที มีหลายสิ่งหลายอย่างเลยครับเข้ามาในใจผม แน่นอนครับว่าผมรู้ แต่พูดตามตรงแล้วมันยากที่ปล่อยมันไป ผมรู้ว่าผมควร(ทำแบบนั้น) แต่ผมก็ยังคงรู้สึกไม่พอใจและเสียใจอยู่ ดูเหมือนผมจะซ่อนมันไม่ได้ด้วย แต่ความเสียใจมันก็เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตามมันช่วยไม่ได้หรอกที่ผมจะรู้สึกเสียใจน่ะครับ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยากดื่มเบียร์ที่นี่ สุดท้ายแล้วผมก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง – จองกุก

มันไม่ได้เจ็บปวดตลอดเวลาหรอกนะครับ และผ่านการทัวร์นี้ ผมอยากเรียนรู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับตัวผมเอง มันเจ็บปวด และด้านนี้ของผมอาจจะดูไม่น่าดึงดูดเท่าไหร่สำหรับคนอื่นๆ ผมคิดว่าการโอเคกับทุกๆสิ่ง มันดูเท่และดูเป็นผู้ใหญ่ ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกคาดหวังจากการเป็นศิลปิน นั่นคือสิ่งที่ผมคิดนะ แต่ผมจะทำอะไรได้ล่ะ? นั่นมันแค่ไม่ใช่ผม จุดสิ้นสุดของความเจ็บปวดนี้หมายถึงจุดสิ้นสุดของการมีความสุข ทั้งหมดนี้มันสามารถหายไปได้นะครับ ผมไม่อยากเป็นคนที่ทำให้มันหายไป เพราะว่า…ผมมีความเชื่อครับ ผมรู้ว่าผมต้องการที่จะทำมัน – RM

พวกเราเป็นทีมครับ และก็เป็นครอบครัวด้วย เป็นแรงขับเคลื่อนด้วยเหมือนกัน

พวกเขาคอยนำทางผมครับ ผมก้าวไปด้วยตัวของผมเองไม่ได้ แต่พวกเขาทำให้ผมก้าวเดินต่อไปได้เป็นร้อยๆก้าว ถ้าไม่มีพวกเขาก็คงไม่มีผมเหมือนกัน – จิน

มีอะไรให้ต้องพูดอีกล่ะครับ? ผมเรียนรู้โดยการเฝ้ามองพวกเขาและเติบโตขึ้น ผมเรียนรู้เยอะเลย ถ้าไม่มีพวกเขา ผมก็คงไม่ได้เป็นเจโฮป ผมก็แค่เป็นจองโฮซอกครับ – เจโฮป

เราอยู่ด้วยกันเสมอ เรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับกันและกัน สิ่งดีๆ สิ่งแย่ๆ คนเหล่านี้ที่ทำให้ผมมีตัวตน ทำให้ผมเป็นผมในทุกวันนี้ครับ – แทฮยอง

ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อมันล้นออกมาครั้งหนึ่งแล้วมันก็เอากลับคืนมาไม่ได้ คุณก็รู้แหละแต่ว่าคุณหยุดคิดถึงมันไม่ได้หรอก นั่นคือสิ่งที่ Love Myself ต้องการจะสื่อครับ ผมพยายามที่จะอดทนกับตัวเองมากขึ้น ให้อภัยตัวเองมากขึ้นนะ – ชูก้า

ผมมาพิจารณาอย่างใกล้ชิดแล้วว่าพวกเรามีอิทธิพลมากขนาดนี้ได้ยังไง ทำไมพวกเราถึงมีอิทธิพลกับคนมากมายได้ขนาดนี้? มันสะท้อนให้ผมเห็นตัวเองครับ – เจโฮป

ยิ่งอาร์มมี่มารวมกันมากมายเท่าไหร่และพวกเขาเชียร์พวกเราทั้งเจ็ดคน เชื่อไรเรา วิ่งตามเรา และพูดคุยกับเราอยู่เสมอ นั่นมันทำให้สิ่งที่เราพูดมันมีพลัง พวกเขาทำให้เรากลายเป็นคนที่ดีขึ้น – แทฮยอง

ตอนที่พวกเราชนะรางวัลบิลบอร์ด พวกเราร้องให้ พวกเรามีความสุข แต่ความสุขที่พวกเรารู้สึก มันแตกต่างกันกับเวลาที่พวกเราถูกล้อมรอบไปด้วยคนนับหมื่นแบบนี้นะครับ มันต่างกันเพียงเล็กน้อย ไม่มีอันไหนที่มีความสุขมากกว่ากัน – จิน

“ไม่ใช่ว่าอย่างน้อยบางอย่างมันก็พบได้ในหนทางของการเป็นคนไม่ใช่หรอครับ?”

“ไม่ใช่ว่าประตูที่เข้าสู่หัวใจของคนที่รักเรามันถูกเปิดมากขึ้นหรอ?”

“ไม่ใช่ว่าแสงสว่างมันคืบคลานเข้าไปถึงใจของพวกเขามากขึ้นหรอ?”

บางครั้งมันก็ยากครับ ไม่สามารถเต้นได้ในบางที ร้องไห้เยอะด้วย แต่ผมคิดว่าคอนเสิร์ตเป็นการส่องแสงสว่างลงมา เพราะงั้นผมจึงมั่นใจว่ามันเอื้อมไปถึงพวกเขาอย่างมากเลยครับ – RM

Staff: คุณเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าอยากให้สารคดีนี้เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและการดิ้นรนของช่วงชีวิตวัยรุ่นของคุณ มันเป็นแบบนั้นไหมครับ?

RM: ครับ

อ้างอิง : https://weverse.io/

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>>

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี