BTS Anan Magazine 2019

BTS Anan Magazine 2019 แปลบทสัมภาษณ์หนุ่มบังทันกับชีวิตตัวเอง

BTS Anan Magazine 2019 แปลบทสัมภาษณ์หนุ่มบังทันในหัวข้อชีวิตและการทำงานของตนเอง

BTS Anan Magazine 2019 คำถามสำหรับ BTS – ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงใหม่ของพวกเขา-

แปลบทสัมภาษณ์จากนิตยสารญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง Anan ซึ่งบังทันเคยได้ถ่ายงานกับนิตยสารนี่ไปเมื่อปี 2017 ไปแล้ว และครั้งนี้พวกเขากลับมาในลุคที่หล่อดูดีกว่าครั้งก่อน พร้อมกับการเล่าแรงบันดาลใจของพวกเขาทั้ง 7 คน โดยเราจะเล่าตามลำดับของสมาชิกไป

BTS Anan Magazine 2019 บทสัมภาษณ์ของ RM 

BTS Anan Magazine 2019

Q: รู้สึกยังไงที่ได้ยืนต่อหน้าผู้คน 60,000 กว่าคน

Ans: ถ้าจะให้ต้องพูดเป็นคำพูดออกมา … มันเหมือนกับว่ามีคนมาดึงวิญญาณของผมออกจากร่างของผมไป และผมเองก็ได้สร้างร่างอวตารเอาไว้ข้างๆครับ ได้โปรดลองจินตนาการแบบนั้นดูนะครับ (หัวเราะ) มันรู้สึกดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเลยครับ เป็นหนึ่งในเหตุผล ที่ทำให้ผมยังคงทำงานด้านนี้ต่อไปครับ

Q: เมมเบอร์คนไหนที่คุณคิดว่าเดี๋ยวนี้ ภาษาอังกฤษดีขึ้นมากเลย?

Ans: อืมมม… (คิด) ผมคิดว่าพวกเขาอยู่ระดับพอๆกันนะครับ แต่ถ้าต้องเลือกมาหนึ่งคน ผมคงจะบอกว่าเป็นจองกุกครับ เขาจะโทรหาคุณครูสอนภาษาอังกฤษทันทีที่เขาตื่นนอนเลยล่ะ เขากำลังร่ำเรียนอย่างหนักเลยครับ

Q: ช่วงเวลาที่รู้สึกว่าใจเชื่อมกันกับเมมเบอร์คนอื่นๆ ?

RM: จริงๆมันก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่เมื่อคืนน่ะ จินฮยองพูดว่า “ฉันอยากกินไส้ย่าง” ผมเลยยกมือแล้วบอกว่า “ผมอยากกินเหมือนกัน!” พวกเราก็เลยไม่กินด้วยกันครับ มันดีมากๆเลย ผมแบบจะร้องไห้เลยอะ

BTS Anan Magazine 2019

ได้รับการยกย่องจากสื่อถึงการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและการตอบสนองที่ชาญฉลาดทำให้เขาแตกต่างจากสมาชิกคนอื่นๆมากที่สุด ลีดเดอร์ RM เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ดนตรีของ BTS

“ผมเคยคิดว่า Hip Hop และ R&B เป็นจุดสูงสุดของดนตรีแล้ว แต่ตอนนี้ 10ปีหลังจากที่ผมเริ่มเขียนเพลง ผมเริ่มเชื่อว่าแนวเพลงนั้นไม่มีความหมายอะไรเลย เมื่อไม่นานมานี้ผมค้นพบว่าตัวเองมักจะตรวจสอบชาร์ตของโลกอยู่เสมอเป็นไปอย่างธรรมชาติเหมือนกับการหายใจเลยล่ะครับ ฟังเพลงที่หลากหลายประเภทแล้ว โดยส่วนตัวผมชอบเพลงที่ความหมาย/เนื้อเพลงครับ ดังนั้นผมเลยชอบฟังเพลงอินดี้ของเกาหลีและญี่ปุ่นด้วยเหมือนกัน”

BTS Anan Magazine 2019

หัวข้อที่ว่า Halsey และ Ed Sheehan ได้มีส่วนร่วมในอัลบัมใหม่ของพวกเขา “ผมรู้ว่า Halsey ร้องเพลงเก่ง แต่พอได้มองเธอฝึกเต้นอย่างสุดความสามารถแล้วมันทำให้ผมคิดว่า ‘ผมไม่เคยจินตนาการถึงHalseyคนที่อยู่แถวหน้าของอเมริกาและทั่วโลก จะทำงานอย่างหนักเพื่อผลประโยชน์ของพวกเรา’ ตอนที่ผมบอกเธอว่าผมรู้สึกซึ้งใจมาก เธอก็บอกผมว่า ‘เชื้อชาติมันไม่สำคัญหรอก เรามาทำงานกับคนทุกประเภทโดยปราศจากอคติกันเถอะ’ สิ่งนี้ทำให้ผมประทับใจมากที่สุดเลยครับW

ในที่สุด RM ก็ได้พบกับ Drake ผู้ซึ่เขานั้นชื่นชมมาก ที่ BBMAs ที่ LAs Vegas เมื่อเดือนพฤษภาคม! เขาไม่สามารถซ่อนความสุขของเขาเอาไว้ได้เลย เขาพูดว่า “ช่วงเวลาที่ผมได้พบเจอกับเขา ผมตะโกนออกมาว่า ‘พระเจ้า!’ (หัวเราะ) Drake บอกว่าพวกเรานั้นเป็นคนที่โด่งดังที่สุดในอเมริกาเหนือแล้วครับตอนนี้ ผมมีความสุขมากเลย!”

การได้ติดต่อกับศิลปินทั่วโลก เยี่ยมชมประเทศต่างๆที่พวกเขาไปทัวร์ คุณค่าของ RM ก็เปลี่ยนไปในด้านอื่นๆนอกเหนือจากด้านดนตรี

“ผมเริ่มชอบสิ่งที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น… เช่นต้นไม้และสวนสาธารณะ ศิลปะและนิทรรศการเกี่ยวกับธรรมชาติ อะไรแบบนี้ล่ะครับ จริงๆผมชอบศิลปะของศิลปินชาวญี่ปุ่นอย่าง Senju Hiroshi ด้วยนะครับ”

RM ยังคงพูดต่อไปว่าเขาได้ไปเยี่ยมชมสตูดิโอศิลปะที่โด่งดังใน LA ซึ่งทำให้เขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากอีกด้วย “ผมตระหนักได้เมื่อผมได้เห็นกระบวนการสร้างและได้ยินคำอธิบายถึงเบื้องหลัง ผมก็เริ่มชอบงานนั้นมากขึ้น ผมคิดว่ามันคงจะดีถ้าผมสามารถอธิบายเบื้องหลังงานเพลงของBTS ได้ในอนาคต”

บทสัมภาษณ์ของ JIN

BTS Anan Magazine 2019

Q: เมื่อไม่นานมานี้ค้นหาอะไรบนอินเทอร์เน็ตหรอ?

Ans: ซีรีส์ The walking dead ครับ ผมสับสนว่าตัวละครในตาย เลยไปค้นหารีวิวในอินเทอร์เน็ต ถ้าผมดูครั้งหนึ่งแล้วผมจะหยุดดูไม่ได้เลยครับ เพราะงั้นช่วงนี้เลยไม่ได้เล่นเกมที่ผมชอบเลยครับ

Q: คุณคิดว่าอะไรไม่สมบูรณ์แบบหรือไม่น่าดึงดูดสำหรับคุณ?

Ans: ตอนที่ผมเล่นเกมครับ เวลาที่ผมแพ้ตอนที่โอกาสที่จะชนะมัน 90% อะ ผมทึ้งหัวตัวเองแล้วก็ครวญครางแบบ “ทำไมถึงโชคไม่ดีเอาซะเลย” (หัวเราะ) นอกจากนี้ช่วงวันหยุด ผมไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลยครับ แม้ว่าในวันทำงานผมจะตื่นนอนได้ โดยไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกได้เลยก็ตาม

Q: ช่วงเวลาที่รู้สึกว่าใจเชื่อมกันกับเมมเบอร์คนอื่นๆ ?

Jin: แทฮยองเริ่มเล่นเกมที่ผมแนะนำเขามานานหลายปีแล้วอะครับ เขาจะถามผมอยู่เสมอว่า “แบบนี้ถูกไหม?” เราผูกพันกันผ่านสิ่งนี้ครับ ตอนนี้เขาติดมันเลยล่ะ ผมชวนเขาเล่นเมื่อไหร่เขาก็จะเล่นทันทีเลย (หัวเราะ)

“Worldwide Handsome” จินประกาศออกมาอย่างมั่นใจเลยว่านี่เป็นคำพูดประจำตัวเขา มันยากที่จะเชื่อจากการที่เขาสร้างเวทีอันน่าตื่นเต้นและรายการโทรทัศน์ของอเมริกา แต่จริงๆแล้วเขาเคลมตัวเองว่า “เป็นคนขี้อาย”

“ผมขี้อายมากๆเลยครับกับคนแปลกหน้าน่ะ เพราะงั้นผมเลยผิดหวังมากที่ผมแทบจะไม่ได้พูดอะไรกับHalsey เลย… แต่มันสนุกมากเลยนะครับที่เราได้เต้นด้วยกันเป็นครั้งแรกตอนที่เราถ่าย MV BTS จะมีทำธรรมเนียมที่ว่าในความมืดช่วงก่อนที่เราจะขึ้นเวที พวกเราจะกระซิบกันแบบที่ดังพอแค่ว่าพวกเราจะได้ยิน “คิมนัมจุน, เจโฮป…” ที่ BBMAs เราพูดชื่อ Halsey ด้วยครับ ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนผ่อนคลายขึ้น”

BTS Anan Magazine 2019

ท่องเที่ยวไปหลายๆประเทศจากการทัวร์คอนเสิร์ต จินได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายโดยตรงเลย “ไม่ใช่แค่อาหารและวัฒนธรรมนะครับที่แตกต่าง แต่วิธีการที่คนแต่ละประเทศสนุกกับคอนเสิร์ตนั้นก็แตกต่างด้วยเหมือนกัน บางที่จะร้องเพลงตาม ในขณะที่บางประเทศก็จะฟังแบบเงียบๆ ที่ฝรั่งเศสพวกเขาจะกระทืบเท้าเพื่อส่งแรงเชียร์ให้กับพวกเรา”

เมื่อถามถึงสิ่งที่เขาคิดว่ามีความสำคัญกับการเดินบนเส้นทางนี้ เขาตอบว่า “ดนตรีที่ดีนั้นเป็นส่วนหนึ่งของมันครับ แต่การที่เมมเบอร์ได้พูดุยกันตลอดเวลาและทำงานหนักอย่างสุดความสามารถก็สำคัญเช่นกันครับ ภาษาอังกฤษของนัมจุนก็เป็นอะไรที่สำคัญเช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่แฟนๆสนับสนุนในสิ่งที่เรารัก เพราะแฟนๆมีความสุข เราจึงลืมความรู้สึกเหนื่อยล้าและสามารถทำงานต่อไปเช่นนี้ได้ แต่ผมเองก็ยังไม่ได้คิดถึงอนาคตเลยครับเพราะไม่จำเป็นที่จะต้องคิดถึงอนาคตที่ไกลในเวลาที่ปัจจุบันของเราเต็มไปด้วยความสุขมากมายจากอาร์มี่ทั่วโลก”

แม้ว่า BTS นั้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหน จินก็ยังคงบอกว่าเขานั้นเป็น “คนธรรมดา” “แม้ว่าเราทุกคนจะไม่มีใครเดินอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป ช่วงเวลาที่ใครสักคนก้าวออกจากวังวนของการถูกปฏิบัติในฐานะของ’คนมีชื่อเสียงที่ฉันพบเจอในโทรทัศน์’ ถ้าต้องพูดกันตามตรง ผมคงไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าผมรู้สึกกดดันจากสิ่งเหล่านั้น ผมไม่คิดว่าผมจะสามารถทำทุกอย่างได้โดยลำพัง แต่ผมมีเมมเบอร์ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงสามารถพุ่งเข้าใส่โลกได้ด้วยพลังทั้งหมดที่ผมมี”

ในขณะที่อยู่อเมริกา เขาพักจากการเป็นซุปเปอร์สตาร์อยู่พักหนึ่ง และได้ไปเที่ยวสวนสนุกที่ซึ่งเขาอยากไปอยู่เสมอ รูปถ่ายที่เขาอัพโหลดลงโซเชียลได้แสดงให้เห็นถึงรถไฟเหาะที่เขาได้นั่ง

“คนที่ทำหน้าโง่ๆนั่นไม่ใช่ผมนะ เวลาที่ทุกคนเล่นรถไฟเหาะต่างก็ทำหน้าแบบนั้นกันทั้งนั้นล่ะครับ (หัวเราะ)”

บทสัมภาษณ์ของ SG

Q: ถ้ามีเวลา 48 ชั่วโมงจะทำอะไรหรอ?

Ans: เมื่อไม่นานมานี้ ผมทำบัตรประชาชนหายในหอของพวกเราอะครับเห็นไหม .. (หัวเราะ) ผมคิดว่าผมคงใช้เวลาไปกับการลงทะเบียนทำบัตรอีกอันนะ มันอาจฟังดูเป็นอะไรเล็กน้อย แต่เพราะว่าปกติผมไม่ทำอะไรแบบนี้ เพราะงั้นมันเลยเป็นอะไรที่พิเศษมากนะครับ

Q: ใครคือฮีโร่ของคุณหรือว่าฮีโร่ของคุณคืออะไร?

Ans: ผมเชื่อว่าฮีโร่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอกครับ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ่อหรือแม่ของใครบางคน สำหรับผมคือแฟนๆครับ เพลงจะมีความหมายก็ต่อเมื่อมีคนฟัง ถ้าไม่มีใครฟังมันก็เป็นเพียงแค่เสียงรบกวน

Q: ช่วงเวลาที่รู้สึกว่าใจเชื่อมกันกับเมมเบอร์คนอื่นๆ ?

SG: อาจจะกับเจโฮปครับ ผมไม่ค่อยเก่งเรื่องสบตากับผู้คน แต่จะมีท่าเต้นท่อนหนึ่งในเพลง Boy with Luv ที่ผมจะสบตากันกับเจโฮป ผมบอกไม่ได้หรอกว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่พวกเราจะหัวเราะกันหนักมากทุกครั้งเลยครับ (หัวเราะ)

ชูก้า ผู้รักษาความสมดุลของทีม คนที่นิ่งสงบแม้กระทั่งก่อนการแสดงอันน่าตื่นเต้นสุดร้อนแรงของ BTS เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความคิดของเขาต่อคอนเสิร์ตที่ Rose Bowl เขาก็ได้บอกว่า

“ทั้งบรรยากาศและคอนเสิร์ตดีมากๆทั้งคู่เลยครับ เป็นมุมมองที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อน แต่พวกเราสามารถเห็นผู้ชมได้ทั้งหมดเลยครับตราบใดที่พวกเราอยู่บนเวที ความตื่นเต้นมันเริ่มมาจากตรงนี้”

ด้วยจำนวนเพลงที่ได้ Composed กับศิลปินทั่วโลกมากมาย ชูก้าพบเจอความสนุกอะไรไหม?

“ผมมีความสุขและรู้สึกขอบคุณมากครับที่พวกเขาเห็นพวกเราไม่ใช่ไอดอลหรือศิลปิน แต่เป็นคนธรรมดา ‘คนที่มีใจเดียวกันในการทำเพลง’ Khalid มาชมคอนเสิร์ตเราที่ LA ไม่ต่างจากตอนที่เราได้พูดคุยกันกับเขาเลยครับ แต่พวกเราไม่ได้ไปดื่มหรือทำอะไรอย่างอื่นด้วยกันนะครับ เนื่องจากว่าเราต่างก็ยุ่งกันมากๆ (หัวเราะ) แต่ว่าจากการที่ได้พบเจอกันแบบนั้น ตัวผมนั้นเปลี่ยนไปอย่างมากเลยครับ เนื่องจากพวกเราจะแนวคิดเป็นของตัวเอง ในฐานะคนที่ทำเพลง พวกเราต่างก็มุ่งไปสู่เป้าหมายในการทำเพลงเหมือนกัน นั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างกลายเป้นธรรมชาติเลยล่ะครับ”

BTS Anan Magazine 2019

แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ชูก้าก็ออกไปข้างนอกในช่วงเวลาว่างที่แทบจะใน LA และสนุกสนานกับการชมเบสบอลและการไปดูหนัง เมื่อถูกถามเกี่ยวกับช่วงเวลาต่างๆกับเมมเบอร์ระหว่างที่อยู่ที่อเมริกา เขาก็บอกว่า “ในตอนแรกทุกคน Jet lagged และทุกอย่างก็แย่ไปหมด หลังจากคอนเสิร์ตพวกเราก็กินและดื่มด้วยกัน…(คิด) เพราะพวกเราอยู่ด้วยกันทุกวัน มันเลยยากที่จะคิดถึงอะไรๆที่มันพิเศษครับ (หัวเราะ) แต่ผมสนุกกับช่วงเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกันนะครับ

คำพูดของเขาดูคร่าวๆอาจจะฟังดูห้วน แต่ความรักของชูก้าที่มีต่อเมมเบอร์และทีมของเขานั้นสามารถรูดสึกได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ เมื่อถามถึงอนาคตของ BTS นับจากตอนนี้ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อืมมม” เละเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมา

“ผมเชื่อว่า BTS จะไปได้ไกลเท่าที่เราสามารถทำได้ แต่ว่างานของพวกเราไม่ใช่ประเภทที่ว่าจะสามารถไปต่อได้เพียงแค่เพราะคนๆหนึ่งต้องการไปต่อ ไม่สามารถยอมแพ้ได้เพียงเพราะคนๆหนึ่งต้องการหยุด เวลาเปลี่ยน และพวกเราเองก็โตขึ้น ศิลปินใหม่ๆก็เพิ่มขึ้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสามารถหยุดมันได้ เมื่อเวลาผ่านไปอาจมีช่วงเวลาที่วันหนึ่งสถานการณ์ของเราเองก็เปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าผมจะทำเพลงอยู่เสมอครับ”

บทสัมภาษณ์ของ J-HOPE

Q: เมื่อไม่นานมานี้ทำอะไรให้คุณพ่อคุณแม่หรอ?

Ans: ในวันพ่อวันแม่ ผมได้รับข้อความจากร้านทำผม ที่พวกเราไปใช้บริการกันเป็นประจำครับ คุณพ่อคุณแม่ผมท่านไปตัดผมและส่งบิลล์มาให้ผมครับ ก็นะผมไม่มีปัญหาหรอกครับ ตราบใดที่พวกท่านมีความสุขน่ะ ผมทำสิ่งต่างๆเพื่อพวกเขา โดยไม่หวังอะไรอยู่แล้ว (หัวเราะ)

Q: เมื่อไม่นานมานี้ค้นหาอะไรบนอินเทอร์เน็ตหรอ?

Ans: Rose Bowl Stadium ครับ! ผมสงสัยว่ามีศิลปินแบบไหนบ้าง ที่ได้ไปยืนอยู่ตรงนั้น จนถึงตอนนี้และพวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นคนดังกันทั้งนั้น! ผมไม่อยากเชื่อเลยครับ ว่าเราจะกำลังเติมเต็มสถานที่นั้นด้วยแฟนๆของพวกเราเอง มันเป็นอะไรที่ซึ้งใจมากเลยครับ

Q: ช่วงเวลาที่รู้สึกว่าใจเชื่อมกันกับเมมเบอร์คนอื่นๆ ?

JH: ตอนที่ผมได้ยิน Boy With Luv เป็นครั้งแรก! แม้ว่าสมาชิกทุกคนจะมีสไตล์เพลงที่พวกเขาติดตามเป็นของตัวเอง แต่พวกเราทุกคนต่างก็คิดว่า “เราต้องทำเพลงนี้!” สิ่งนี้เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อยครับ ซึ่งทำให้ผมคิดว่าพวกเราเข้าใจกันจริงๆ

“ขณะนี้เรามีสิ่งที่ใหญ่มากๆอยู่ในมือเราตอนนี้ครับ พูดกันตามตรงแล้ว บางครั้งผมกลัวว่าผมจะปล่อยมันหลุดมือไปถ้าเกิดว่าผมแบมือออกมา หรือไม่ก็มันอาจจะหายไปในช่วงเวลาที่ผมปล่อยมันหลุดมือ แต่ตอนนี้ผมอยากจะพักความกลัวนั้นไว้และมุ่งมั่นอยู่กับปัจจุบันแทนครับ”

นี่คือสิ่งที่เจโฮปพูดถึงสภาพจิตใจของเขาเกี่ยวกับการเป็นศิลปินระดับโลก เมื่อเขาได้ยินหัวข้อหลักของปัญหานี้ เขาก็บอกว่า “การเชื่อมต่อกันนั้นมันยอดเยี่ยมแน่นอนครับ” พร้อมกับรอยยิ้ม “สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขเกียวกับการได้เชื่อมต่อกันกับโลกใบนี้ คือการที่การที่สามารถพบเจอแฟนจากหลายๆประเทศ ได้รับประสบการณ์มากมายที่ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับ การที่สามารถได้เห็นได้สัมผัสสิ่งต่างโดยตรง ผมเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่มาจากชนบทของประเทศเกาหลีใต้ ท่องเที่ยวไปรอบโลกในขณะที่ก็ได้รับความรักมากมายเช่นนี้ ผมมีความสุขและรู้สึกขอบคุณมากครับ”

ในอัลบัมล่าสุดของพวกเขานี้ พวกเขาได้ติดต่อกับศิลปินระดับท็อปอย่าง Ed Sheeran และ Halsey “มันง่ายมากเลยที่จะได้ร่วมงานกันในยุคนี้ สถานการณ์ต่างๆมันทำให้ศิลปินทั่วโลกได้ไปมีประสบการณ์การทำงานกับศิลปินท่านอื่นถ้าเกิดว่าเขารู้สึกสนใจ มันคงจะดีครับถ้ามีโอกาสมากขึ้นอีกในอนาคต”

การมีสเตจร่วมกันกับ Halsey ที่ BBMAs คนที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว “ตอนที่พวกเราฝึกเต้นกันกับ Halsey มันเหมือนพวกเราสื่อสารกันและกลายเป็นหนึ่เดียวกันผ่านการเต้นครับ มันทำให้ผมได้คิดว่าการเต้นก็เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ทำให้เราติดต่อกับผู้คนได้เหมือนกัน”

เมื่อไม่นานมานี้เจโฮปได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแกลอรี่ชื่อดังจากทั่วโลก เขาได้ไปเยี่ยมชมนิทรรศการของ Murakami Takashi ที่ได้จัดขึ้นที่ GagosianGallery ระหว่างที่พวกเขาอยู่ที่ LA ด้วย

“มันมีอะไรบางอย่างที่คล้ายคลึงกันระหว่างมุมองโลกของ Murakami ที่เต็มไปด้วยสีสันและทิศทางของดนตรีที่ผมติดตาม การได้เห็นผลงานของเขานั้นสร้างแรงบันดาลใจให้ผมครับ ผมมีสินค้าของเขาเยอะเลยนะครับ! ถึงจะไม่เยอะเท่านัมจุนก็ตาม ผมอยากร่วมงานกับเขาครับ ผมมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นภาพที่น่าสนใจแน่นอน”

บทสัมภาษณ์ของ JIMIN

Q: คุณคิดว่าอะไรไม่สมบูรณ์แบบหรือไม่น่าดึงดูดสำหรับคุณ?

Ans: ผมไม่มีอารมณ์ขันอะครับ ผมไม่สามารถทำให้ผู้คนหัวเราะได้เท่าไหร่ ผมไม่คิดว่าสิ่งนี้มันจะเป็นอะไรที่สามารถพัฒนาได้ จากการฝึกหนักซะด้วยสิครับ … (ถอนหายใจ) แต่มันไม่สำคัญหรอกครับ ผมก็ไปอยู่ป้วนเปี้ยนกับคนตลกๆแทนไง (หัวเราะ)

Q: เมื่อไม่นานมานี้ค้นหาอะไรบนอินเทอร์เน็ตหรอ?

Ans: อืมม… ตารางทัวร์ของ BTS มั้งครับ? (หัวเราะ) ผมไม่ค่อยใช้อินเทอร์เน็ตเท่าไหร่ นั่นเเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงล้าหลัง ผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆที่ทุกคนรู้กัน ดังนั้นผู้คนเลยเรียกผมว่าจุดสิ้นสุดของบรรทัดข่าวครับ (หัวเราะ)

Q: ช่วงเวลาที่รู้สึกว่าใจเชื่อมกันกับเมมเบอร์คนอื่นๆ ?

JM: ตอนที่ผมรู้ว่าเมมเบอร์ต่างก็กังวลในเรื่องเดียวกันกับทัวร์ครั้งนี้ และตอนที่พวกเราทุกคนต่างก็ให้กำลังใจกันและกัน แล้วก็ตอนที่ผมถามจองกุกว่า “ไปดู Avengers Endgame ด้วยกันไหม?” แล้วเขาตอบว่า “ไปสิครับ!”

คอนเสิร์ตที่ RoseBowl ในเดือนพฤษภาคม หัวใจกว่า 60,000 ดวงของผู้คนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจีมิน มันเหมือนกับว่าเขาตื่นเต้นมากในวันนั้น เขาไม่สามารถนอนหลับได้เลย

“ผู้ชมทั้งหมดเปิดแฟลชโทรศัพท์ โบกมือไปมาเหมือนโบกแท่งไป ตอนที่ผมได้ชมภาพเหล่านั้น ผมควรพูดยังไงดีนะ… มันเหมือนกับว่าวิญญาณของผมหลุดออกจากร่างไปเลย! เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยครับที่รู้สึกว่าทุกอย่างหลุดลอยออกไปหมด”

เชื่อต่อกับโลกใบนี้ผ่านเสียงเพลง ในฐานะคนที่โตมากลายเป็นศิลปินระดับโลก จีมินคิดว่า “โลกนี้มันช่างยิ่งใหญ่กว่าโลกของผมนัก มีผู้คนมากมายบนโลกใบนี้ แต่ละคนก็มีวัฒนธรรมมีความเป็นเป็นของตัวเอง มีปัญหามากมายบนโลกนี้ บางปัญหาอาจจะใหญ่กว่าปัญหาที่ผมมี แต่ในที่สุดแล้วพวกเราต่างก็เป็นมนุษย์ ครั้งหนึ่งผมเคยตระหนักได้ว่าใจของผมนั้นสว่างสดใสขึ้นและรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นครับ”

ในเพลง Boy with Luv เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น มีเนื้อเพลงที่บอกว่า “ชายคนนั้นได้กลายเป็นฮีโร่” สำหรับ BTS คนที่มอบความแข็งแกร่งให้กับผู้คนผ่านเสียงเพลงของพวกเขา พวกเขาคือฮีโร่

“อืมม..ฮีโร่…เอาจริงๆนะครับ ผมเองก็ไม่มั่นใจ แต่ถ้าเกิดว่าเพลงของพวกรา คอนเสิร์ตหรือกระทั่งการมีชีวิตอยู่ของพวกเราสามารถกลายเป็นเหตุผลให้ใครสักคนก้าวต่อไปข้างหน้า ผมก็อยากจะเดินหน้าต่อไปครับ ผมสามารถก้าวเดินต่อไปได้ เมื่อปีที่แล้วที่เราได้เข้าร่วมโปรเจ็คของ UNICEF นัมจุนฮยองได้พูดอะไรประมาณว่า ผมเองก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะมอบพลังให้กับผู้คนได้มากมายแค่ไหนผ่านโปรเจ็กนี้ แต่ถ้าพวกเราช่วยได้แม้กระทั่งแค่คนหนึ่งคน นั่นก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่เราจะทำสิ่งนี้’ ผมได้รับผลกระทบจากความคิดเหล่านั้นของลีดเดอร์ของเราจริงๆครับ”

งั้นอะไรคือฮีโร่สำหรับจีมินล่ะ? “ในเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตของผมแล้ว เมมเบอร์และอาร์มี่คือฮีโร่ของผมครับ แม้ว่าจริงๆผมควรจะกลายเป็นฮีโร่ของทุกๆคนก็ตาม มันมีช่วงเวลามากมายเลยครับที่ผมรู้สึกเจ็บปวด ท้อแท้ และซึมเศร้า แต่ทั้งเมมเบอร์และอาร์มี่ต่างก็อยู่ข้างๆผมเสมอในช่วงเวลาเหล่านั้น พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นฮีโร่ของผมครับ ผมไม่ได้โกหกนะครับ นี่คือความจริงเลย ผมรู้สึกขอบคุณทุกคนมากจริงๆครับ”

บทสัมภาษณ์ของ V

Q: ใครเป็นฮีโร่ของคุณหรือว่าอะไรเป็นฮีโร่สำหรับคุณ?

Ans: คุณพ่อของผมครับ ตอนที่ผมยังเด็กท่านเคยให้เงินสำรอง ที่อยู่ที่นั่งข้างคนขับในรถของท่านกับผมครับ ในตอนนั้นท่านเป็นฮีโร่ของผมจริงๆครับ เวลาที่ผมซื้อต๊อกบกกีหรือว่าขนมหวานด้วยเงิน ผมรู้สึกเหมือนผมรวยเลยครับ(หัวเราะ)

Q: อะไรคือสิ่งที่น่าจดจำเกี่ยวกับการได้พบศิลปินมากมาย?

Ans: ผมมีความสุขมากครับ ที่ได้รับของขวัญจาก Halsey ผมสวมมันที่งาน BBMAs ด้วยเมมเบอร์กับผมก็ถกกันว่า จะให้อะไรตอบแทนเธอดี โดยส่วนตัวผมคิดว่าหูฟัง (in-ear) หรือไม่ก็ไมค์น่าจะดีสำหรับนักร้องครับ

Q: ช่วงเวลาที่รู้สึกว่าใจเชื่อมกันกับเมมเบอร์คนอื่นๆ ?

V: ตอนที่ทุกคนส่องไฟจากโทรศัพท์ขึ้นมาที่ Rose Bowl น่ะครับ มันรู้สึกเหมือนผมกำลังมองดูดวงดาวในกาแล็กซี่อยู่เลย เมมเบอร์เองก็มองภาพเดียวกันด้วยความรู้สึกเหมือนกัน ซึ่งผมสามารถบอกได้เลยครับในตอนที่ผมมองตาพวกเขาน่ะ มันทำให้ผมซึ้งยิ่งกว่าเดิมอีก

การทัวร์สเตเดี้ยมได้รับการขัดเกลาในทุกๆคอนเสิร์ต และความลับเบื้องหลังทั้งหมดกับการถกเถียงกันระหว่างเมมเบอร์, เปิดเผยโดยวี

“ครึ่งชั่วโมงก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม พวกเราทุกคนต่างก็ตรวจเช็คความเรียบร้อยในเซ็ตลิสท์ ทุกๆคนต่างก็เสนอความคิดของตัวเอง เพลงโซโล่จะใช้เวลาไม่นานเหมือนเพลงที่เราต้องแสดงด้วยกัน แต่จีมินก็ชมโซโล่ของผมระหว่างการซ้อมคอนเสิร์ตที่ Rose Bowl และบอกว่ามันเท่มากเลย ผมรู้สึกดีมากๆเลยครับ”

การใช้ชีวิตในฐานะเมมเบอร์ของ BTS ที่ผู้คนต่างคลั่งไคล้ วีได้พูดอย่างจริงจังเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาว่า

“ผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฐานะวี BTS ในขณะที่ผมมีความสุขกับการมีชีวิตอยู่ของผมในฐานะวีโตขึ้นกว่าที่ผมฝันเอาไว้มาก บางครั้งผมก็ต้องการอยู่ในฐานะคิมแทฮยองด้วยเหมือนกัน ผมอยากที่จะทานอาหารเกาหลีดีๆกับครอบครัว แต่เสียงเชียร์ที่อาร์มี่ส่งมาให้ผมคือความสุขของผมในตอนนี้ การสร้างความทรงจำกับทุกๆคนที่ผมคิดว่าเป็นครอบครัวของผมที่คอนเสิร์ตทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากๆ ช่วงเวลา ณ ตอนนี้ คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัยนี้แล้วครับ! ถ้าเกิดว่า—-เสียงเชียร์ที่เคยดังเบาลงกว่าเดิม ตราบใดที่เสียงของอาร์มี่ยังคงอยู่ ความสุขของเราก็จะยังคงอยู่ต่อไปครับ”

BTS Anan Magazine 2019

Rose Bowl ได้กลายเป็นความทรงจำที่สำคัญสำหรับ V “มันอาจจะยากที่จะเข้าใจความรู้สึกนี้โดยที่ไม่ได้ยืนอยู่บนเวทีจริงๆ แต่ว่าคอนเสิร์ตครั้งนั้นได้ปัดเป่าความกังวลและความเครียดของผมหลุดลอยออกไปครับ ความหลงใหลและความกระตือรือร้นที่เกินความคาดหมายของผม ความรู้สึกของอาร์มี่… ผมรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างด้วยร่างกายของผมเลยครับและเมื่อกลับมาทีโรงแรมในคืนนั้น ร้องไห้คนเดียวบนเตียง มันเป็นครั้งแรกของผมเลยครับที่การร้องไห้แบบนั้นมันมาจากความสุข ผมหลับไปทั้งอย่างนั้นและดวงตาของผมก็บวมอย่างมากเลยล่ะเมื่อผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้า (หัวเราะ)”

วีเต็มไปด้วยความมั่นใจเมื่อเขาอยู่บนเวที แต่มีส่วนไหนของเขากันนะที่เขารู้สึกว่าไม่ค่อยน่าดึงดูดเท่าไหร่? “(ในขณะที่ยักใหล่) … ผมไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะงั้นตอนนี้ผมจึงสามารถตอบคำถามที่จำไว้ล่วงหน้าได้เท่านั้น… มันทำให้ผมรู้สึกอายนะจนอยากจะซ่อนใบหน้าไว้เลยล่ะครับ แต่ผมสัมผัสได้ว่าอาร์มี่ทั่วโลกรักเราถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคทางด้านภาษาและความแตกต่างในด้านสัญชาติ ผมจึงรู้สึกขอบคุณพวกเขามากๆครับ”

บทสัมภาษณ์ของ JK

BTS Anan Magazine 2019

Q: ถ้ามีเวลา48 ชั่วโมงจะทำอะไรหรอ?

Ans: ปกติแล้วผมไม่ทำอะไรนอกจากร้องเพลงและเรียนภาษาอังกฤษครับ ถึงแม้ว่าผมจะมีเวลาก็ตาม แต่เหมือนกับที่ผมได้ไปคอนเสิร์ต Ariana Grande และได้รับอะไรบางอย่างจากที่นั่น ผมเลยอยากทำอะไรต่างๆ เพื่อตัวเองมากขึ้น! ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรก็เถอะ (หัวเราะ)

Q: ใครคือฮีโร่ของคุณหรือว่าฮีโร่ของคุณคืออะไร?

Ans: สิ่งเแรกที่ผมคิดตอนที่นึกถึงฮีโร่ คือใครบางคนที่สามารถส่งคำให้กำลังใจผ่านเสียงเพลง ให้กับผู้คนที่กำลังเจ็บปวด/ทรมาน นั่นคือคำจัดกัดความของคำว่าฮีโร่สำหรับผม และเป็นสิ่งที่เป็นเป้าหมายของผมด้วยครับ

Q: ช่วงเวลาที่รู้สึกว่าใจเชื่อมกันกับเมมเบอร์คนอื่นๆ ?

JK: ช่วงท้ายของคอนเสิร์ต ตอนที่ผมสบตาจีมินฮยองและพวกเราก็ไฮไฟฟ์กันครับ ผมรู้สึกเหมือนมันมีบางอย่างที่พวกเราเข้าใจกันและกัน ตอนพวกเราอยู่บนเวที แล้วก็เวลาที่พวกเรากินหมูสามชั้น และพูดคุยเกี่ยวกับเกมที่พวกเราเล่นด้วยกันเช่นกันครับ (หัวเราะ)

BTS Anan Magazine 2019

ได้รับรางวัลที่งาน BBMAs ร่วมงานกันกับ CharliePuth ไปดูคอนเสิร์ต Ariana Grande จากเวทีและประสบการณ์ที่หลากหลายนี้ ความทะเยอะทยานของจองกุกพุ่งไปไกลเลย

“เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมได้ดูการแสดงของศิลปินท่านอื่น จำนวนของสิ่งที่ผมอยากทำบนเวทีก็เพิ่มขึ้นไปอีกครับ มันเป็นเกียรติมากเลยครับที่ได้รับแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจผ่านคนอื่นๆ ก่อนคอนเสิร์ต Ariana จะเริ่ม ผมบอกเธอว่า ‘ผมอยากดูเวทีของคุณและเรียนรู้สิ่งต่างๆ’ โอ้ใช่เลย ระหว่างคอนเสิร์ตของพวกเรา ก่อนที่จะเริ่มการแสดงเราจะมารวมกันและเชียร์อัพ เธอเองก็ทำแบบนี้เหมือนกันครับ ‘มาทำด้วยกันเถอะ’

BTS Anan Magazine 2019

เธอพูดกับผมแบบนี้ เพราะงั้นผมเลยเข้าไปร่วมในวงกลมนั่นด้วย หลังจากจบการแสดง ผมมีหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ในใจ ผมค้นหาสิ่งต่างๆบนอินเทอร์เน็ตเช่นว่า นักร้องต่างประเทศและการฝึกร้องเพลง ในโรงแรมขณะที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ จนตอนนี้ผมยังเจ็บคออยู่เลยครับนิดหน่อย (หัวเราะ)”

เมื่อพูดถึงหัวข้อเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษของเขา…” ผมยังไม่ถึงขั้นมัธยมต้นเลยด้วยซ้ำครับ” จองกุกพูดด้วยรอยยิ้มอายๆและรอยย่นที่ตา เมื่อพูดแบบนั้นแล้วเขารู้สึกว่า “ภาษา” นั้นสำคัญมากจริงๆกับการทำงานทั่วโลกเช่นนี้

“แม้กระทั่งคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศ แฟนๆก็ร้องเพลงภาษาเกาหลีไปพร้อมกับพวกเรา พอผมเห็นแบบนั้นแล้วผมก็รู้สึกขอบคุณมากๆเลยครับ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมพยายามอย่างสุดความสามารถในการร่ำเรียนภาษาอังกฤษด้วยเหมือนกัน ผมอยากที่จะสามารถสื่อ/ถ่ายทอดความรู้สึกของผมด้วยคำพูดของผมเอง”

ถ้าอย่างนั้นแล้วเขาได้เรียนรู้อะไรจากการพบเจอศิลปินต่างๆมากมายกันนะ?

BTS Anan Magazine 2019

“ตอนที่พวกเราเจอกันกับพวกเขาจริงๆ แทนที่จะพูดกันถึงเรื่องเพลงแบบจริงจัง มันกลับให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายมากขึ้นเหมือนคุยกันกับเพื่อนครับ หลังจากที่ได้รู้จักตัวตนของพวกเขาแล้วกลับไปฟังเพลงของพวกเขาอีกครั้ง มันเหมือนกับว่าผมสามารถเข้าใจมุมมองของพวกเขาต่อโลกได้ดีมากขึ้นครับ คำพูดเองก็สำคัญเหมือนกันครับแต่ว่าเพลง/ดนตรีมันให้ความรู้สึกเหมือนมันเป็นอะไรหลายๆอย่างที่เรา ‘เรียนรู้จากความรู้สึก’ น่ะครับ”

สำหรับจองกุก การเชื่อมโยงโลกและความสุขของเขาในฐานะ BTS คือ… “ถ้าผมต้องเลือกอะไรบางอย่าง… ก็ต้องเป็นการเดินต่อไปในฐานะ BTS และสนุกกับคอนเสิร์ตของพวกเรา นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของความสุขของผมเลยครับ มันคงจะดีนะครับถ้าแฟนๆเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> 10 เรื่องลึกลับของ BTS

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เกมออนไลน์

>>>>> UFABET