วิเคราะห์เพลง Singularity บทเพลงที่ซ่อนความเจ็บปวดไร้เสียง การซ่อนตัวตน และการถูกลืม
วิเคราะห์เพลง Singularity เพลงจากอัลบั้ม LOVE YOURSELF 轉 Tear ต้องบอกเลยว่าอัลบั้มนี้เต็มไปด้วยเพลงที่ซ่อนความเจ็บปวด และความรู้สึกลึกภายในใจหลายเพลง เช่นเพลง FAKE LOVE / Outro : Tear
ซึ่งบอกก่อนเลยว่าจะเป็นการวิเคราะห์แบบความเข้าใจส่วนบุคคลและพร้อมรับทุกความเห็นค่ะเพราะเป็นเพลงที่มุมมองค่อนข้างกว้างและวางอยู่บนหลายพื้นฐานมากๆ และจะเป็นการวิเคราะห์เนื้อเพลงล้วนๆ ซึ่งอาจจะทำให้เห็นบางแง่ของศิลปิน
ซึ่งเราก็คอนเฟิร์มไม่ได้ว่าจริงหรือไม่จริง เป็นการวิเคราะห์เชิงศิลป์เท่านั้นนะคะ แต่ต้องขอแจ้งก่อนว่าเราไม่มีความรู้ภาษาเกาหลีเลย เลยจำเป็นอย่างมากที่ต้องยึดเนื้ออังกฤษที่แชแนล ibighit ได้กรุณาใส่ไว้ให้ จะถือว่าเป็นคำแปลที่เชื่อถือได้มากที่สุดนะคะ ถ้าเกิดการวิเคราะห์อาจผิดเพี้ยนด้วยเหตุทางด้านภาษาจะแก้ใหม่ให้นะคะ
เพลงนี้เหมือนคอกเทลแก้วหนึ่งที่บาเทนเดอร์ได้ชงให้ โดยแทบไม่บอกว่าในแก้วนั้นใส่อะไรลงไปบ้าง ทานดูอร่อยดี แต่ก็เข้าใจยากเกินไป แต่ค่อยๆจิบก็จะค่อยๆรับรสได้ชัดเจนและรู้ในทันทีว่าคอกเทลแก้วนี้ มีส่วนผสม 3 อย่าง
“ความจริง”
“จินตภาพ”
“ความจริงที่หลอมเข้ากับจินตภาพ”
ดูเนื้อเพลงกันก่อนและรับชม MV กันก่อนค่ะ
เสียงของบางอย่างพัง
(ในเนื้อใช้คำว่า breaking ซึ่งแปลได้ว่า พัง หัก ถูกทำลาย)
ฉันตื่นจากการหลับใหล
เสียงของบางอย่างที่ไม่คุ้นเคย
พยายามจะปิดหูเพื่อนอนหลับก็ทำไม่ได้
ความเจ็บแปลบในคอมันแย่ลงมาก
ฉันพยายามที่จะปกปิดมัน
ฉันไม่มีเสียง
วันนี้ ฉันได้ยินเสียงนั่นอีกครั้ง
มันดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าเสียงนั่น
ที่แตกร้าวบนน้ำแข็งของทะเลสาบที่แข็งตัวนี่
ฉันทุ่มตัวเองลงไปบนทะเลสาบนั่น
ฉันฝังกลบเสียงของฉันเพื่อคุณ
ฉันถูกขว้างลงไปบนทะเลสาบในฤดูหนาว
น้ำแข็งหนาเตอะนั้นก่อตัวขึ้นมา
ในความฝัน ตัวฉันนั้นเดินเข้าไปในไม่ช้า
ความเจ็บปวดที่ทรมานที่ตามติดฉันนั้น ยังคงเดิม
ฉันสูญเสียตัวตนของฉันงั้นเหรอ?
หรือจริงๆแล้วฉันได้เธอมางั้นเหรอ?
ฉันวิ่งไปที่ทะเลสาปนั่นทันที
มันมีใบหน้าของฉันอยู่ข้างใน
อย่าพูดอะไรทั้งนั้น
ฉันยื่นมือออกไปเพื่อปิดปากนั่น
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ฤดูใบไม้ผลิจะมาถึงในสักวัน
น้ำแข็งนั่นจะละลายและไหลหายไป
บอกฉันว่าเสียงของฉันนั้นมันไม่จริง
ฉันไม่ควรโยนตัวตนของฉันนั้นทิ้งไป
บอกฉันว่าความเจ็บปวดนี่มันไม่จริง
แล้วฉันควรจะทำอย่างไรในวันนั้นที่ผ่านมา
หลายคนจะเริ่มคิดละว่านี่ขนาดแปลไทยแล้วยังไม่รู้เรื่องเลย ไม่เป็นไร เรามาดูไปด้วยกันทีละวรรคนะ
SECTION ที่ 1 : “ความจริง” ที่ว่าเขานั้นเจ็บปวดมาก
เสียงของบางอย่างพัง
ฉันตื่นจากการหลับใหล
เสียงของบางอย่างที่ไม่คุ้นเคย
พยายามจะปิดหูเพื่อนอนหลับก็ทำไม่ได้
ความเจ็บแปลบในคอมันแย่ลงมาก
ฉันพยายามที่จะปกปิดมัน
ในจุดเริ่มต้นแรกของเพลง ถ้าค่อยๆอ่าน จะทราบได้ว่า นี่มันคือเหตุการณ์ตอนวินาทีแรกที่เราตื่น ก่อนจะค่อยๆลืมตา และใช่บางคนเลือกจะหลับต่อ
ผู้แต่งเพลงนี้กำลังพูดถึงเหตุการณ์นี้อยู่ว่า ณ ตอนที่เขารู้สึกตัวนั้น เขาก็เจ็บในคอมากๆ และเขาต้องการหลับเพื่อจะปกปิดมัน
“เจ็บในคอ” คืออาการแรกที่คุณจะมีในตอนเช้าหากสูญเสียน้ำมากๆในกลางคืน และถ้ามันเป็น “การร้องไห้” ล่ะ นั่นหมายความว่า ”ความจริง” ที่เขากำลังแสดงให้ผู้ฟังรู้เป็นนัยคือ เขานั้นรู้สึกเศร้ามากจนร้องไห้ในคืนก่อนนอน คำถามคืออะไรกันล่ะที่ทำให้เขาเศร้ามากๆ
การที่อ่าน section นี้จบแล้วยังได้คำตอบไม่ถึง 15% ถือว่าคุณทำถูกแล้ว เพราะว่านี้มันแค่ส่วนเล็กๆของเพลงเอง
SECTION ที่ 2 : “จินตภาพ” สัญลักษณ์แห่งความเจ็บปวดของฉัน วิเคราะห์เพลง Singularity
ฉันถูกขว้างลงไปบน”ทะเลสาบ”ในฤดูหนาว
“น้ำแข็ง”หนาเตอะนั้นก่อตัวขึ้นมา
ในความฝัน ตัวฉันนั้นเดินเข้าไปในไม่ช้า
ความเจ็บปวดที่ทรมานที่ตามติดฉันนั้น ยังคงเดิม
ฉันสูญเสียตัวตนของฉันงั้นเหรอ?
หรือจริงๆแล้วฉันได้เธอมางั้นเหรอ?
ฉันวิ่งไปที่ทะเลสาปนั่นทันที
มันมี”ใบหน้าของฉัน”อยู่ข้างใน
เริ่มที่การดึงทีละจินตภาพของมาจากเนื้อเพลง โดยอย่างพึ่งสนใจเนื้อหาโดยรวม เรามาเข้าใจกันทีละจินตภาพ
จินตภาพที่ 1 : เสียง
เสียงในเพลงมีความหมายตรงตัวเลยว่า มันคือเสียงของผู้แต่งเองนั่นแหล่ะ ในอีกนามนัยนั้น เสียงสามารถเป็นได้หลายความหมาย “ความคิดเห็น” “การแสดงออก” “การมีตัวตน” “สิทธิ” ขอให้จำไว้ก่อน
จินตภาพที่ 2 : ทะเลสาบน้ำแข็ง
จินตภาพนี้นี่แหล่ะ คือจุดเริ่มต้นของความงุนงงของทั้งเพลง มันคือสิ่งที่ผู้แต่งเพลงคิดขึ้นเองในหัว จึงขอเรียกมันว่า “จินตภาพส่วนตัว” เจ้าสิ่งนี้มันจะแสดงหลายๆสิ่งออกมาเชิงสัญลักษณ์ ทะเลสาบที่เป็นน้ำแข็งมันจะเป็นน้ำแข็งแค่ผิวหน้าเท่านั้น หรือจริงๆแล้ว มันก็คือคุกน้ำดีๆนี่เอง หรือก็คือ ผู้แต่งสร้างเจ้าทะเลสาบนี่มาเพื่อจะขังอะไรบางอย่างเอาไว้ แล้วคำถามคือ เขาเอาอะไรมาขังเอาไว้ล่ะ?
จินตภาพที่ 3 : ใบหน้าของฉันอีกใบ (หรือก็คือสิ่งที่เพลงบอกว่ามีอะไรอยู่ในทะเลสาปนั่น)
ใบหน้าของเราอีกใบ มันแปลได้หลายความหมาย มันอาจจะเป็น นิสัยลึกๆ ความจริงของตัวเรา หรือ ”ตัวตน” ซึ่งถ้ายึดตามเนื้อเพลงนั้น มีการกล่าวมากมายถึงคำว่า “ตัวตน” หรือก็สรุปสั้นๆได้แล้วว่า ผู้แต่งเอาตัวตนของตัวเองมาซ่อนไว้ในทะเลสาปนี้
SECTION ที่ 3 : “ความจริงที่หลอมเข้ากับจินภาพ” หรือ เรื่องราวทั้งหมดในใจของผู้แต่ง และเนื้อเพลงที่เล่าอ้อมๆ
SECTION นี้จะเป็นการแปลแบบจับแต่ละวรรคมาเรียงเป็นเรื่องราวโดยไม่คำนึงถึงลำดับที่ร้องไว้ในเพลง เพื่อความเข้าใจโดยรวม เรื่องราวมันเริ่มด้วยคำว่ากาลครั้งหนึ่งเสมอ จุดที่เยิ่นเย้อที่สุดของเพลงก็คือกาลครั้งหนึ่งของเรื่องราว นั่นก็คือท่อนนี้
ฉันถูกขว้างลงไปบน”ทะเลสาบ”ในฤดูหนาว
“น้ำแข็ง”หนาเตอะนั้นก่อตัวขึ้นมา
ในความฝัน ตัวฉันนั้นเดินเข้าไปในไม่ช้า
ความเจ็บปวดที่ทรมานที่ตามติดฉันนั้น ยังคงเดิม
ฉันสูญเสียตัวตนของฉันงั้นเหรอ?
หรือจริงๆแล้วฉันได้เธอมางั้นเหรอ?
ฉันวิ่งไปที่ทะเลสาปนั่นทันที
มันมี”ใบหน้าของฉัน”อยู่ข้างใน
ถ้านำจินตภาพทุกอันใน section 2 มาเป็นพื้นฐานแล้ว ก็จะแปลได้ว่า
– ผู้แต่งสูญเสียตัวตนด้วยน้ำมือของตัวเองเพื่อเธอ และถึงแบบนั้นเขาก็เศร้าอยู่ดีที่ทำมันลงไป เริ่มตั้งคำถามว่าเขาสูญเสียตัวตนของตัวเองเพื่ออะไรกันแน่
ฉันไม่มีเสียง
วันนี้ ฉันได้ยินเสียงนั่นอีกครั้ง
มันดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าเสียงนั่น
ที่แตกร้าวบนน้ำแข็งของทะเลสาปที่แข็งตัวนี่
ฉันได้ทุ่มตัวเองลงไปบนทะเลสาปนั่น
ฉันฝังกลบเสียงของฉันเพื่อคุณ
– นี่หมายถึงว่าหลังจากที่เขาตระหนักได้ถึงการโยนตัวตนของตัวเองทิ้ง ขณะเดียวกันนั้นเอง เจ้าตัวตนที่เขาขังไว้ มันก็เรียกร้องจะออกมาข้างนอก ทำลายกรงขังในใจจนเป็นรอยร้าว และเสียงของสิ่งที่ขังไว้เริ่มลอดผ่านรอยร้าวนั่นออกมาจนได้
และจุดต่อไปของเรื่องราวของเพลงนี้ก็คือ ท่อนแรก ท่อนที่ทุกอย่างมันเขามารวมกัน
เสียงของบางอย่างพัง
ฉันตื่นจากการหลับใหล
เสียงของบางอย่างที่ไม่คุ้นเคย
พยายามจะปิดหูเพื่อนอนหลับก็ทำไม่ได้
ความเจ็บแปลบในคอมันแย่ลงมาก
ฉันพยายามที่จะปกปิดมัน
– เจ้าเสียงที่ลอดผ่านรอยร้าวนั่นแหล่ะ มันทำให้เขาร้องไห้ในตอนดึกก่อนจะตื่นขึ้นในตอนเช้าและรู้สึกเจ็บคอมาก เสียงของมันฟังดูไม่คุ้นเคยเพราะเขาโยนมันทิ้งไปแล้ว จะปิดหูนอนก็ทำไม่ได้เพราะมันอยู่ในใจเขา เขาร้องไห้หนักมากจนเจ็บคอ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เลือกที่จะปกปิดมันอีกอยู่ดี
อย่าพูดอะไรทั้งนั้น
ฉันยื่นมือออกไปเพื่อปิดปากนั่น
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ฤดูใบไม้ผลิจะมาถึงในสักวัน
น้ำแข็งนั่นจะละลายและไหลหายไป
บอกฉันว่าเสียงของฉันนั้นมันไม่จริง
ฉันไม่ควรโยนตัวตนของฉันนั้นทิ้งไป
บอกฉันว่าความเจ็บปวดนี่มันไม่จริง
แล้วฉันควรจะทำอย่างไรในวันนั้นที่ผ่านมา
– เขาเลือกที่จะปกปิดมันเอาไว้ ทั้งความเสียใจ ตัวตน น้ำตา ความเจ็บปวดในใจ ท่อนที่ร้องว่า “ฉันยื่นมือออกไปเพื่อปิดปากนั่น” คือเป็นการบอกเชิงสัญลักษณ์ว่า เขาปิดปากใบหน้าอีกใบของตัวเองด้วยมือของเขา ไม่ให้เสียงของใบหน้านั่นพูดอะไรอีก มันจะได้ไม่เล็ดลอดออกจากรอยร้าวนั่นอีก พร้อมกับปลอบใจมันว่า วันที่ฤดูใบไม้ผลิมาถึง น้ำแข็งก็จะละลายไปเอง หมายถึงว่า เขาต้องการให้ตัวตนของเขานั้นรอวันที่น้ำแข็งมันละลาย วันที่เจ้าตัวตนนั่นสามารถออกมาโลดแล่นได้อย่างเก่า จนถึงวันนั้น ช่วยรอก่อนนะ และ 4 วรรคสุดท้าย มันคือตัวเขาเองที่ไม่ได้ถูกขัง โอดครวญอีกเองนั่นแหล่ะว่า ฉันไม่น่าโยนตัวตนทิ้ง แต่ถ้าไม่ทำ ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
SECTION ที่ 4 : “เธอ” ที่ฉันทำให้ได้ทุกอย่างคือใคร
อ่านมาถึงนี่ได้ลึกๆก็คงคิดเล่นๆได้กันแล้วล่ะว่า “เธอ” คนนี้ก็คือพวกเราเนี่ยแหล่ะ เหล่า ARMY ที่พวกเขารักมาก เชื่อว่าหน้าฉากเขารักเราอย่างไร หลังฉากเขาก็รักเราอย่างนั้น และเขาก็รักมากจนบางครั้งอาจจะต้องทำสิ่งที่เขาไม่ชอบ หรือต้องเปลี่ยนตัวเองขนาดหนักเพื่อพวกเรา ยอมที่จะไม่ทำหลายอย่าง และยอมที่จะทำหลายๆอย่าง เพื่อพวกเรา คิดฟินๆมันก็ได้แหล่ะ
แต่ถ้าอยากจะคิดให้ลึกกว่านั้น ต้องขอบอกเลยว่าสิ้นประโยคนี้มันคือการคาดเดาและขอร้องว่าโปรดอย่าดราม่าและคำนึงเสมอว่าบังทันนั้นเขาก็เป็นคนเหมือนๆกับเรา โปรดอย่าทำให้เราต้องแจ้งลบกระทู้เพื่อความสงบสุขเลยเถิด แต่เพื่อการวิเคราะห์ที่สมบูรณ์แบบ เราก็อยากจะเขียนลงมาให้เป็นอีกมุมของศิลปินที่เรารัก ให้เข้าใจเขาขึ้นอีกนิด
เราคิดว่าผู้แต่งอาจจะมีความรักกับผู้หญิงคนนึงที่เราไม่รู้และจะไม่มีทางรู้ว่าเป็นใคร รักมากๆขนาดจะยอมทิ้งตัวตนได้เลยก็ได้ ทิ้งเวที แสง สี เสียง ไปเลยเพื่อจะไปอยู่กับเธอคนนี้ แต่ก็ต้องเก็บเจ้าตัวตนที่อยากนั้นเอาไว้ใต้น้ำแข็ง อย่าร่ำร้อง ปิดปากมันไม่ให้พูดอะไร อย่าแสดงให้ใครรู้เด็ดขาด รอวันที่ฤดูใบ้ไม้ผลิมาถึง นั่นก็คือเวลาที่ฉันจะได้อยู่กับเธอ
บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> เพลง ON กับการปฎิวัติ
เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี