BTS Healing Song

BTS Healing Song บทเพลงของ BTS ช่วยเยียวยาจิตใจผู้คนได้อย่างไร ?

BTS Healing Song บทเพลงของ BTS ช่วยเยียวยาจิตใจได้อย่างไร ? ข้อความที่ซ่อนอยู่ในอัลบั้ม BE และในเพลง Abyss

BTS Healing Song จิน หนึ่งในสมาชิกของ BTS สารภาพความในใจอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการต่อสู้กับปัญหาทางด้านจิตใจของเขาเมื่อปีที่แล้ว ในเพลงโซโล่ “Abyss” ที่ถูกปล่อยมาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ซึ่งบังเอิญตรงกันกับวันเกิดของเขาพอดี “ทุกคนแสดงความยินดีกับพวกเราหลังจากที่เพลงของเราขึ้นไป อันดับที่หนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ด แต่ผมไม่แน่ใจว่าผมควรค่ากับคํายินดีพวกนั้นรึเปล่า” จินพูดในบังทันบล็อกในตอนที่ปล่อยเพลงออกมา

“มันถูกแล้วหรอที่ผมกลายเป็นจุดศูนย์กลางที่ทุกคนยกย่องชื่นชมผม ทั้งๆที่มีคนอีกมากมายที่รักดนตรีมากกว่าผมและทําได้ดีกว่าผม? ยิ่งผมคิดถึงมันมากเท่าไหร่ผมยิ่งจมลงไป รู้สึกแย่ลงและอยากจะหนีไปจากทุกสิ่งทุกอย่าง” เขาเปิดเผยมันออกมาว่าเขารู้สึก “หมดไฟอย่างจริงจัง” เนื้อเพลงท่อนแรกของ Abyss เป็นการเปรียบเทียบ (อุปมา) กับความคิดของจินในตอนนั้น “ผมกลั้นลมหายใจในขณะที่ผมดําดิ่งลงไปในท้องทะเล ผมพบตัวของผมกําลังร้องไห้อย่างเศร้าสร้อยภายใต้ความมืดนั้น”

ก่อนการสัมภาษณ์ จินบอกว่าการทํางานเป็นศิลปิน “เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมานานแสนนาน ตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่าส่วนหนึ่งของชีวิตหายไป” ซึ่งหมายถึงผลกระทบของการระบาดโควิด-19 และการต่อสู้กับความรู้สึกที่อยู่ภายในอย่างหนักหน่วง ถึงแม้ว่าเขาจะประสบความสําเร็จอย่างท่วมทัน แต่ภายในใจจนยังต้องรับมือกับความวิตกกังวลและความสิ้นหวัง และเขาเลือกที่จะทําดนตรี เพื่อแชร์ความรู้สึกผ่านเสียงเพลงในเพลง Abyss เพื่อให้เห็นว่าโควิดส่งผลอย่างไรต่อเขาบ้าง แม้แต่กับซุปเปอร์สตาร์อย่างบีทีเอส ในด้านจิตใจศิลปินสามารถขับเคลื่อนและจินตนาการ ถึงโลกที่สดใสผ่านการสร้างสรรค์ผลงานและแสดงมันออกมา เพื่อช่วยในการเยียวยา ไม่ใช่แด่เพื่อตัวของพวกเขา แต่รวมถึงผู้ฟังเพื่อจะได้ตกตะกอนความคิดอะไรออกมาได้ด้วย

BTS Healing Song : เมมเบอร์ทุกคนล้วนปรับทุกข์กับผู้คนนับไม่ถ้วนผ่านอัลบั้มของพวกเขา”

Abyss เป็นกุญแจสําคัญและถือเป็นเรื่องใหม่ เหมือนกับอัลบั้มใหม่ BE ที่จินสารภาพใน เพลง Abyss อย่างตรงไปตรงมาว่าเมมเบอร์ทุกคน ล้วนปรับทุกข์กับผู้คนนับไม่ถ้วนผ่านอัลบั้มของพวกเขา ซึ่งวิธีการเยียวยาจิตใจ ถูกแสดงออกมาอย่างสร้างสรรค์ เช่นในเพลง Blue and gray หนึ่งในเพลงจากอัลบั้มที่เมมเบอร์เลือกที่จะใช้ในการเปรียบเทียบอย่างเช่น

“Cause I on blue and grey (เพราะผมเศร้าเหลือเกิน)” “สีของผมถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มสีฟ้าๆเทาๆหม่นๆ นั้น” “เครื่องหมายคําถามสีน้ําเงิน” ” แรดตัวสีเทาที่พุ่งเข้าหาตัวผม” พูดออกมันอย่างตรงไปตรงมาถึงความเศร้าและความวิตกกังวล “หลังจากที่ทําเพลงนี้เสร็จผมรู้สึกว่าผมประสบความสําเร็จแล้วนะ เหมือนกับเป็นการที่ผมได้ปลดปล่อยความรู้สึก blue ghd grey (ศร้าหมอง) ของผมออกไป” V ได้กล่าวเอาไว้ในการสัมภาษณ์ เพื่อทําให้เห็นว่าเขาใช้ในการบ่งบอกอารมณ์ผ่านทางบทเพลงและใช้มันเป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์งานศิลปะของเขา”

ด็อกเตอร์ โอจินชิง จิตแพทย์ประจําคลินิก สุขภาพจิต DF และ เจ้าของ YouTube ช่อง Doctor friends ให้ความเห็นถึงวิธีอันสร้างสรรค์นี้ว่า “ทุกๆคนมีวิธีในการจัดการกับปัญหาหรือความเครียดที่แตกต่างกันไป แต่สําหรับพวกเขา เขาเลือกที่จะเปลี่ยนปัญหาและความยากลําบากที่พวกเขาเจอ ให้กลายเป็นงานศิลปะ”

“ผมรู้สึกว่า BTS สามารถแสดงมันออกมาและควบคุมมันได้ผ่านการเขียนเพลง การทําเพลงเพื่อแบ่งปันความรู้สึกกับผู้คนหลายๆคน สําหรับพวกเขาคงเป็นประสบการณ์ที่ทําให้มีความสุขมาก” อาจารย์โออธิบายให้เห็นถึงวิธีที่ “เราสามารถควบคุมความรู้สึกของเราโดยการรับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน” ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้ระวังหรือรู้ตัวว่าพวกเขากําลังประสบพบเจออยู่ แต่พวกเขาสามารถเรียนรู้กับมันได้ผ่านการแสดงออกมา ซึ่งก็เป็นการยืนยันได้ว่าเหตุผลที่สามารถต่อสู้กับความบิดเบี้ยวในใจ และความวิตกกังวลของเขาผ่านการรับรู้ถึงอารมณ์เศร้าหมองของตัวเขา วิธีที่ BTS ใช้ในการจัดการกับปัญหาส่วนตัวของพวกเขาเป็นตัวอย่างที่ดีสําหรับคนอื่นๆ ในการจัดการกับปัญหาในที่อยู่ภายในจิตใจ

BTS Healing Song

การแพร่ระบาดของโควิด เปรียบเสมือนอาการ “corona blues” แสดงให้เห็นว่าปัญหาสุขภาพจิตก็ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะบุคคลอีกต่อไป อ้างอิงไปถึงแบบสํารวจในปี 2019 เกี่ยวกับสุขภาพจิตหนึ่งในสิบ มีอาการเครียดและความเศร้า ตกอยู่ในภาวะหม่นหมอง แต่ด็อกเตอร์ดิม ฮยุน โช หัวหน้าสถาบันป้องกันการอัตรานิบาตกรรมประจํากรุงโซล และอาจารย์ใหญ่ประจําโรงเรียนสตาร์อัลเทอเนทีฟ กล่าวว่า “พวกเราตั้งใจทําเป็นปิดตาข้างหนึ่งและเชื่อว่าไม่มีใครมีภาวะโรคซึมเศร้า ทําเหมือนกับว่าคนที่มีช่วงเวลาที่ยากลําบากนั้นไม่มีอยู่จริง” เพลง Blue and grey ไม่ได้บ่งซื้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงแต่เป็นการกล่าวเกี่ยวกับอาการซึมเศร้าว่า “มันเกิดขึ้นหลายครั้งโดยไม่มีเหตุผลเลย”

บทเพลงของ BTS : “การพยามปลอบใจตัวเองแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลําบากจากความเจ็บป่วยนี้”

มีรายงานว่าผู้คนมักจะรู้สึกเศร้าและร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผลอยู่บ่อยๆ เหมือนกับอาการรู้สึกหนาวหรือว่าการกระดูกหัก อาการซึมเศร้าก็เป็นอาการที่ต้องการรักษาเหมือนกัน อยากให้เข้าใจว่าจริงๆแล้วอาการปัญหาทางจิตก็ไม่ได้ต่างแตกต่างจากอาการป่วยอื่นๆ ในช่อง YouTube Visit Seoul tv องค์กรการท่องเที่ยวประจํากรุงโซลได้ทดสอบ โดยเลือกหนึ่งในเพลงจากอัลบั้ม BE เพลง “Dis-ease” เมื่อสํารวจมุมมองภายในจิตใจพบว่า “ในสังคมเกาหลีไม่ได้มีการรองรับปัญหาสุขภาพจิตและไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเหล่านี้อย่างเปิดเผย” ส่วนใหญ่เลือกที่จะรับรู้โดยมุมมองทางสังคม “ในอดีตผู้คนคิดว่าอาการซึมเศร้าไม่ใช้อาการป่วยแต่เป็นบางสิ่ง บางอย่างที่คุณต้องก้าวข้ามไปให้ได้”

แต่ปัจจุบันผู้คนสมัยนี้เริ่มที่เข้าใจแล้วว่า คุณอาจจะต้องหาตัวช่วยถ้าคุณต้องการมัน” เขายังกล่าวอีกว่า แค่การก้าวไปในโรงพยาบาลเนี่ยก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากแล้ว มันเป็นเรื่องยากมากสําหรับคนที่มาที่นี่แล้วจะยังกลับมาติดตามอาการต่อ ส่วนใหญ่คนยังมีอคติ อย่างที่เห็นๆบอกกัน ว่า “คุณจะดีขึ้นได้นะถ้าคุณมีวินัยในการจัดการกับตัวเองหรือว่าคุณออกไปเจอเพื่อนหรือหาแรงบันดาลใจสิ”

มีคนมากมายที่ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติได้หลังจากที่เขาได้ผ่านประสบการณ์ เลวร้ายต่างๆเช่นสงคราม ภัยธรรมชาติหรือแม้แต่ภัยพิบัติครั้งใหญ่ แม้แต่กระทั่งกรณีพวกเขาถูก ล่วงละเมิดทางเพศ และถูกทําร้ายไม่ว่าจะทางกายหรือทางด้านจิตใจก็ตาม บางครั้งบุคคลที่มีแผล จากเหตุการณ์ต่างๆ พยายามที่จะกดดันตัวเองให้เอาชนะความเจ็บปวดได้ด้วยตัวเองในเพลง Dis-ease

BTS Healing Song

ซึ่งเพลงนี้ที่เขียนขึ้นโดยเจโฮปหนึ่งในสมาชิกของบีทีเอส ยอมรับในการเข้าใจอย่างผิดๆ ว่า ผลลัพธ์ไม่ได้จําเป็นจะต้องเป็นหนึ่งในสองทาง แต่เราเลือกที่จะเสนออีกทางหนึ่ง ในช่วงที่สมาชิกของวงตระหนักดีว่าการที่เขาต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ทําให้ต้องหยุดทํางาน ในระหว่างการระบาดของโควิด-19 สร้างความไม่สบายใจและความกังวลให้กับสมาชิกของบีทีเอสจริงๆ

การที่ทํางานติดต่อกันเป็นเวลานานตั้งแต่เดบิวต์ เป็นความกังวลที่ไม่ต่างอะไรเลย กับผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตอนนี้ คุณคิมเห็นเนื้อเพลงแล้วได้กล่าวว่า “เนื้อเพลงได้เล่าถึงความสบายใจ และการเติบโตหลังจากที่ได้รับบาดแผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การแสดงความปรารถนาที่จะลุกขึ้นยืนขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการพยามปลอบใจตัวเองแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลําบากจากความเจ็บป่วยนี้”

บทเพลงของ BTS : “เร็วกว่าการเปลี่ยนแปลงใครบางคนคือตัวฉันนั่นแหละที่เปลี่ยนไป”

การเติบโตหลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายที่ทิ้งบาดแผลไว้ไม่เหมือนกับอาการ PTSD (ภาวะความเครียดหลังจากเจอเหตุการณ์เลวร้าย) พวกเขาชี้ให้เห็นว่าบาดแผลต่างๆเหล่านี้ ทําให้เราพัฒนาตัวเองได้ “บีทีเอสกล่าวถึงพวกเขาที่เต็บโตขึ้นจากการเรียนรู้จากเรื่องราวจากบาดแผล แต่ไม่ได้พูดเยอะถึงขนาดที่ว่าทุกคนจะสามารถเป็นได้อย่างพวกเขา” คุณคิมบอกอีกว่าก็ยังมีผู้คนมากมาย ที่สามารถก้าวข้ามสิ่งนี้แล้วก็แข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ยังมีคนอีกจํานวนมากที่รู้สึกแย่เหมือนเดิม มีคนที่จบลงด้วยการเติบโตขึ้นและเรียนรู้จากประสบการณ์ความยากลําบากที่พวกเขาได้เจอมา 

BTS Healing SongE

ในเพลง Dis-ease เมมเบอร์พบว่าพวกเขาจะต้องยกเลิกงานทั้งหมดเพราะการระบาดของ โควิด-19 ต้องตัดขาดออกจากครอบครัวและเพื่อนๆ พวกเขาค้นพบว่าพวกเขานั้นป่วยเป็นโรคที่ทําให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและมันกําลังกัดกินพวกเขาอยู่ เขารู้สึกเหมือนกระหายความสําเร็จ เค้ายอมรับว่าเรื่องราวของพวกเขาอาจทําให้รู้สึกน่ากลัว เหมือนกันกับที่พวกเขาร้องเอาไว้ในเพลงท่อนหนึ่งว่า “เร็วกว่าการเปลี่ยนแปลงใครบางคนคือตัวฉันนั่นแหละที่เปลี่ยนไป” “สมองของฉันก็อยากหยุดพักบ้างและ กลางคืนมันไม่ได้มืดมิดยาวนานตลอดไป” “เราจะแข็งแกร่งขึ้น” พวกเขาใช้วิธีนี้เพื่อเป็นบทเรียนที่พวกเขาได้รู้จักความยากลําบาก และเขาเลือกตัดสินใจที่จะเชื่อมั่นในตัวเองและค่อยๆแก้อย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป

BTS Healing Song

ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องสูญเสียสิ่งที่ตัวเองรักและถูกบังคับให้ต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่าง เพราะการระบาดของโควิด-19 เพลง Dis-ease ก็ไม่ได้มอบความหวังแบบเลื่อนลอย แต่กลับเลือกที่จะบอกกับพวกเราว่า เราจะเติบโตได้ถ้ายอมรับความเจ็บปวด และเรายอมปลอบโยนตัวเอง ละทิ้งความกลัวความเจ็บปวด เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น และแม้ว่าเพลงนี้จะพูดถึงตัวเป็นเมมเบอร์เป็นหลักแต่ก็บอกเป็นนัยๆว่า คําแนะนํานี้สามารถใช้ได้กับทุกๆคน เพราะทุกคนก็ต่างเหมือนกันและพวกเขาก็ไม่ได้พิเศษขนาดนั้น

บีทีเอสไม่ได้บอกว่าหลังจากวิกฤตโควิด-19 ผ่านไปสิ่งต่างๆจะกลับหรือไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม หรือว่าไม่มีทางอื่นแล้วนอกจากการเผชิญหน้า เอาชนะปัญหา แต่ในเนื้อเพลงท่อนที่บอกว่า “เดี๋ยวมันก็เช้าแล้ว ฉันต้องรับมือกับวันนี้แล้วล่ะ” เหมือนกับว่าบีทีเอสไม่ได้ต้องการจะชี้ไปทางใดทางนึง เพราะรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเอาชนะความยากลําบากนี้ได้ง่ายๆ แต่ก็ยังมีคนที่เอาชนะได้อยู่บ้าง “แล้วเราจะยอมให้ตัวเองถูกความไม่สบายใจครอบงํารึเปล่า? ตอนนี้ก็เช้าแล้วฉันต้องผ่านมันไปให้ได้ถึงแม้ว่าฉันจะกลัวก็ตาม และถ้าผ่านมันไปอีกวันได้ ก็แปลว่าฉันแข็งแกร่งขึ้นมาแล้วล่ะ”

บทเพลงของ BTS : “ห้องของฉัน” และ “การเดินทางผ่านอากาศ”

ในเพลง “Fly to my room” พูดถึงวิธีที่ทุกคนพยายามจะหาหนทางในการผ่านแต่ละวันไปให้ได้ในช่วงเวลาที่เกิดการระบาด ผู้คนกลายเป็นไร้พลัง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดเราไม่สามารถควบคุมได้ เมมเบอร์เปิดเผยความรู้สึกถึงขนาดคร่ําครวญว่า “อึดอัดขนาดที่จะทําให้เป็นบ้าอยู่แล้ว และยังทําให้รู้สึกว่าทั้งปีถูกขโมยเอาไปดื้อๆ”

อย่างที่อาจารย์ดิมกล่าวไว้ว่า “ภาวะซึมเศร้าสามารถนําไปสู่อาการบิดเบือนได้ บิดเบือนในที่นี้หมายถึงมันสามารถชี้นําให้มุมมองต่อเหตุการณ์เดียวกันกลายเป็นเรื่องแย่ และถ้าเราปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นต่อไปมันก็จะกลายเป็นนิสัยที่แก้ได้ยาก ซึ่งการแก้ไขและบําบัดพฤติกรรมนี้เราสามารถรักษาควบคู่ไปกับการรักษา หรือด้วยยาเพื่อช่วยให้เขาสามารถมีมุมมองที่แตกต่างออกไปจากเดิมได้” เขาเน้นส่วนสําคัญของเนื้อเพลงที่โชว์ความคิดในแง่บวกในการเปลี่ยนเนื้อเพลงว่า “เอาล่ะเดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้เป็นโลกของฉัน” และ “คุณเปลี่ยนความคิดของคุณได้” ในท่อน “ทิ้งตัวลงบนเตียง” “ที่นี่แหละปลอดภัยที่สุด”

อาจารย์โอได้อธิบายว่าในทางจิตเวช สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดที่กล่าวถึง เป็นแนวคิดสําคัญที่เราเรียกว่าฐานที่มั่นคง ถ้าเกิดเราค้นพบว่าที่ที่ปลอดภัยสําหรับเราคือบ้านเราก็ จะรู้สึกสบายใจ และก็สามารถละทิ้งความคิดลบๆทุกอย่างออกไปได้เมื่อเราอยู่ที่บ้านใน รูปภาพของอัลบั้ม BE เมมเบอร์แต่ละคนตกแต่งห้องของพวกเขาในสไตล์ของพวกเขา

แต่ละห้องมีความหมายต่างกันไปอย่างมีเอกลักษณ์ และภายในห้องถูกเติมเต็มด้วยสิ่งของ ที่ทําให้เจ้าของห้องรู้สึกปลอดภัยสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ ลําโพง อัญมณี หรือรองเท้า นั่นแสดง ถึงหนึ่งในสิ่งที่ทําให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยมั่นคง เมมเบอร์ไม่สามารถออกจากห้องของพวกเขาได้เลยแต่งตัวสบายๆ แต่จากการอธิบายของเมมเบอร์ พวกเขาเล่าว่าห้องของพวกเขา เหมือนกับงานนิทรรศการที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เหมือนกับว่าพวกเรากําลังทร์อยู่ในพิพิธภัณฑ์ได้เลย

ขณะเดียวกันเราก็จะเห็นว่าเมมเบอร์ถ่ายรูปของพวกเรา (คนดู) ผ่านจอที่เราเห็นพวกเขาอยู่ในห้องของพวกเขาในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ fly to my room จึงบอกเป็นนัยๆ ว่าไอเดีย “ห้องของฉัน” และ “การเดินทางผ่านอากาศ” ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้เมื่อเกิดโรคระบาด ในยุคที่การท่องเที่ยวกลับกลายเป็นชีวิตที่อยู่ในห้องของตัวเอง ห้องนั้นกลายเป็นการเดินทางที่มีแด่ตัวเราที่สามารถสนุกไปกับมันได้

การเลือกที่จะเปลี่ยนวิธีคิด เช่น เสียงของที่กลายเป็นความดึกด์กของเมือง ของเล่นที่อยู่ในห้องกลายเป็นผู้คน แล้วการให้ดาวกับบริการส่งอาหาร / กลายเป็นการรับประทานอาหารในร้านอาหารมิชลิน บีทีเอสมีการพัฒนาความรู้สึกในแง่ของการควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเขาสุดท้ายแล้วเพลงนี้ ได้กล่าวถึงว่า “คุณสามารถเปลี่ยนวิธีที่คุณคิดได้” และนั่นเป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนวิธีคิด เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเพื่อที่จะมองมันในแง่ดี แม้ว่ามันจะไม่ง่ายเลย

บทเพลงของ BTS : ความท้าทายสําหรับคนสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ คือการสร้างสรรค์และการปลูกฝังให้กับผู้อื่นรับรู้ไปด้วย

วิธีในการพยายามจะจัดการและเอาชนะกับความว้าวุ่นภายในจิตใจ ไม่ได้ส่งผลในแง่บวกอย่างเดียว แต่ความท้าทายสําหรับคนสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ คือการสร้างสรรค์และการปลูกฝังให้กับผู้อื่นรับรู้ไปด้วย คุณคิมบอกว่ายิ่งให้มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเป็นการทําให้พวกเขารู้สึกแย่ลงได้มากเท่านั้น และถ้าพวกเขาไม่สามารถเติมเต็มตัวเองได้จะเกิดความยากลําบากในจิตใจขึ้น ผู้คนที่สามารถสู้กับอารมณ์ผ่านกระบวนการตรงนี้จะมีบทบาทสําค์ญมาก ในกรณีของบีทีเอสคือแฟนคลับ คุณดิมกล่าวว่า “ศิลปินไม่เพียงแค่ส่งต่อความรู้สึกของพวกเขาไปเท่านั้น แต่ทั้งสองอยู่ในสถานะที่มีการแลกเปลี่ยนกันและกัน” 

BTS (방탄소년단) 'Life Goes On' Official Teaser 1 - YouTube

การเขียนไดอารี่ที่บอกเล่าเรื่องราวความรู้สึกผ่านเนื้อเพลงผ่านดนตรีสามารถช่วยควบคุมอารมณ์ได้ แต่ศิลปินหลายๆคนรวมถึงบีทีเอส ได้ประโยชน์มากขึ้นจากการถ่ายทอดบทเพลงและได้เห็นความสุขที่แฟนๆได้รับจากการฟังเพลง นี่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่บีทีเอสพูดถึงความเครียดที่พวกเขาไม่สามารถออกไปพบแฟนๆ ได้ในช่วงที่เกิดการระบาด

และเป็นเหตุผลที่ทําไมพวกเขาถึงรู้สึกขอบคุณแฟนๆของพวกเขาทุกครั้ง เมื่อเขาประสบความสําเร็จ การไม่มีความสุขและการวิตกกังวลเป็นบ่อเกิดของความเจ็บปวดมากสําหรับแต่ละคน แต่ถ้าเราสามารถสร้างสภาวะแวดล้อม ที่เราพูดสิ่งนี้ออกมาได้อย่างเปิดเผยและทําให้รู้สึกว่า เรามีส่วนร่วมที่จะแชร์ความเจ็บปวดนี้ต่อกันและกัน นี่เป็นหนึ่งในอีกวิธีที่เราใช้รักษาชิงเขาไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาไม่ได้แด่เยียวยา ความเจ็บปวดของคนๆเดียว แต่รวมถึงสังคมทั้งหมดโดยรวมด้วย เห็นได้ชัดว่าทําไมโลกใบนี้ต้องมีดนตรีและศิลปิน

อัลบั้ม BE และเพลง Abyss ที่ถูกปล่อยออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน กล่าวถึงชีวิตในช่วงที่มีการ ระบาดของโควิด-19 แต่มากไปกว่านั้นก็คือ พูดถึงความขัดแย้งที่อยู่ภายในจิตใจที่ผู้คนประสบอยู่ ความเศร้าไม่จําเป็นต้องมีเหตุผลและการพูดมันออกมาทําให้เราสามารถควบคุมได้ดีกว่า การจมไปกับมัน บาดแผลไม่ได้เป็นสิ่งที่เราตั้งตั้งมั่นว่าจะเอาชนะมันให้ได้ แต่จริงๆมันแล้ว เราก็ผ่านไปได้ด้วยการมองโลกในแง่ดี แม้ว่ามันจะไม่ง่ายและต้องการความพยายามอย่างมาก การรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันและการพูดออกมาอย่างซื่อสัตย์และเปิดเผยเกี่ยวกับความทุกข์ ความโศกเศร้าต่อแฟนๆ อาจทําให้ทุกอย่างไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้

อาจารย์โอกล่าวว่า เขาเชื่อว่านั้นเป็นโอกาสที่แฟนๆ จะสามารถสํารวจและทดสอบอารมณ์ของพวกเขาได้เหมือนกัน เราควรจะรู้สึกดีที่ได้รู้ความรู้สึกของเราจริงๆถ้าจากถ้อยคําของศิลปิน บทเพลงของบีทีเอสไม่ได้ดํามืดซะจนกลายเป็นเพลงที่นํามาสู่ความโศกเศร้า แต่เป็นการทําให้เห็นอกเห็นใจกัน พวกเขาไม่เพียงแค่ส่งข้อความธรรมดาแต่พวกเขาพูดถึงมันด้วยคําพูดที่สามารถส่งความรู้สึกไปสู่แฟนคลับได้ ทําให้แฟนคลับได้มีโอกาสสํารวจกันบึงหัวใจของพวกเขาเองในทํานองเดียวกัน

New trending GIF online

 

ก็กล่าวถึงอิทธิพลที่นี่ที่เอสมีต่อสังคม ก็คือเมื่อศิลปะกลายเป็นงานที่ยอดเยี่ยม เราก็จะสนุกไปกับการรับรู้บทสรุปสุดท้าย แต่อย่างไรก็ตามถ้าเราสามารถพูดถึงความเจ็บปวดของศิลปินที่ทําให้เกิดผลงานดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นการมอบความกล มอบกําลังใจให้กับผู้คนที่เผชิญสถานการณ์แบบเดียวกันแต่เป็นอีกวิธีที่ใช้ในการกําจัดอคติต่อผู้ดนที่มีต่อพวกเขา

นับตั้งแต่ที่พวกเขาเดบิวต์ บีทีเอสมีเอกลักษณ์ที่จะมักบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา และเลือกที่จะเปิดเผยความรู้สึกของพวกเขามากกว่าการที่จะเก็บเอา แต่ใน BE พวกเขาก้าวไปไกลกว่านั้น พวกเขาก้าวไปไกลกว่าความรู้สึกส่วนตัวของพวกเขาและสํารวจสิ่งรอบตัวที่เกิดขึ้นเบื้องหลัง (behind the scene) ของพวกเขามาตลอด รวมถึงอดติบางอย่างของพวกเราที่เกิดขึ้นกับต่อเขาแต่พวกเราไม่รู้ตัว

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> MV BS&T (Japanese ver)

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เกมออนไลน์

>>>>> UFABET