BTS Proof J-Hope

BTS Proof J-Hope แปลบทสัมภาษณ์ BTS จาก Weverse magazine ปี 2022

BTS Proof J-Hope แปลบทสัมภาษณ์ BTS จาก Weverse magazine ปี 2022

BTS Proof J-Hope แปลบทสัมภาษณ์ของเจโฮปในนิตยสาร Weverse magazine เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2022 ที่จะมาเจาะลึกในการคัมแบคครบรอบ 9 ปีของวง BTS การทำเพลง / อัลบั้ม และเรื่องราวการเติบโตของเมมเบอร์ และบทบาทและมุมมองของแรปเปอร์วง BTSและเมนแดนซ์อีกด้วย

BTS Proof J-Hope : ” เวลาของพวกเรากับของอาร์มี่คือช่วงเดียวกัน”

BTS Proof J-Hope

Q: การแสดงที่งาน Grammy Awards คงเป็นประสบการณ์และสิ่งใหม่สำหรับคุณเช่นกัน

J-hope: มันเป็นอะไรที่บ้า(ทรงพลัง)มากครับ หลังจากทราบว่าติด COVID-19 เรามีเวลาซ้อมการแสดงหนึ่งวันก่อนวันจริงเท่านั้น ผมว่าการแสดงบนเวทีแกรมมี่อวอร์ดภายใต้สถานการณ์เหล่านั้นคือสิ่งที่ทำให้ผมมีความคิดนี้ต่อการแสดง เมมเบอร์คนอื่นๆ กังวลมากในตอนนั้น พูดตามตรง จินได้รับบาดเจ็บที่มือและการฝึกซ้อมเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ผมไม่สามารถไม่ไปที่นั้นได้ ดังนั้นระหว่างฝึกซ้อม ผมย้ำกับตัวเองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามผมต้องแสดงให้ได้ ผมขึ้นเครื่องบิน ซ้อมบนเวที และทำให้ทุกอย่างพร้อม

Q: คุณเพิ่งเปิดตัว Proof ซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นเพลงต่าง ๆ ที่ รวบรวมเหตุการ์ณสําคัญของ BTS รู้สึกยังไงบ้าง?

j-hope: บางอย่างมันต้องได้รับการจัดระเบียบในจุดนึ่งใช่ไหมละครับ? เมื่อมองย้อนกลับไปที่เรื่องราวของเรา เลยคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะโชว์คนที่เพิ่งเป็นอาร์มี่ว่าเรามาถึง ณ จุดนี้ได้อย่างไร และเรื่องต่างๆ ที่เราก้าวผ่านมาไว้ในที่เดียว และพวกเราคิดว่ามันจะเป็นอัลบั้มที่สื่อสารทางอารมณ์อาร์มี่ที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เริ่ม เวลาของพวกเรากับของอาร์มี่คือช่วงเดียวกัน เราทําอัลบั้มนี้ให้อาร์มี่ที่ร่วมเดินทางกับเราคิดว่าเขาจะชอบ ดังนั้นเราจึงสนุกกับการนึกถึงความทรงจําเก่าๆ ตอนทําอัลบั้ม

Q: เพลง “Run BTS” เป็นการมองย้อนกลับไปที่เส้นทางที่ BTS ก้าวผ่านมา คุณกล่าวถึงเมมเบอร์คนอื่นๆ ว่าพวกเขาผ่านอะไรมามากมาย (หัวเราะ)

j-hope : พวกเขาผ่านอะไรมามากมายจริงๆ ครับ (หัวเราะ) พวกเราผ่านอะไรมามากมายและทํางานอย่างหนัก ดังนั้นผมเลยรวมสิ่งเหล่านั้นเป็นคําเดียว-โกแซง -เพื่อที่จะเล่าถึงมัน และผมเติม “s” ต่อท้ายเพื่อทําโกแซง เราได้ถ่ายทอดข้อความต่างๆ มากมายในแต่ละอัลบั้มของเรา ตั้งแต่ “what’s your dream” ใน “school trilogy” จนถึงปัจจุบัน แต่ผมนึกสงสัยว่าเคยสื่อสารข้อความถึงเมมเบอร์คนอื่นๆ ไหม? ตอนที่เราทําอัลบั้มนี้ ผมบอกพวกเขาว่าอยากใส่อะไรที่สามารถบอกความคิดของผมกับเมมเบอร์ และผลลัพธ์คือ “Run BTS” และผมอยากจะบอกเล่าถึงมันไปกับเมมเบอร์

Q: คุณควรได้รับการกล่าวถึงด้วยไหม? บอกว่าคุณก็ผ่านอะไรมาเยอะด้วย? (หัวเราะ)

j-hope: ผมผ่านอะไรมามากมาย แต่ผมว่าผมคงเป็นคนที่สนุกกับสิ่งที่ BTS ทํามากที่สุด เพราะการเป็น BTS ผมได้ประสบอะไรๆ ที่ผมคงสงสัยว่าจะทําสําเร็จคนเดียวได้หรือไม่ เราได้แสดงหลายโชว์ที่แตกต่างกันบนหลายเวที และได้ทดลองและประสบหลายๆ อย่างด้วยเช่นกัน ดังนั้นผมเลยมองย้อนทุกอย่างในอดีตอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่การเรียนรู้ไปจนถึงการชํานาญในสิ่งที่เรียน ไปจนถึงการได้สัมผัสกับวัฒนธรรมต่างๆ ในต่างประเทศ ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องสนุก

J-Hope : “ผมอยากใช้ Instagram เพื่อแสดงว่าผมเป็นใครในฐานะศิลปิน และใช้ Weverse เพื่อพูดในสิ่งที่จริงใจและเปิดใจมากขึ้นกับอาร์มี่”

BTS Proof J-Hope

Q: ในทางใดทางหนึ่ง คุณเปลี่ยนจากโยนหมวกตอนแสดงครั้งแรกใน “No More Dream” เป็นส่งการ์ดงาน Grammy Awards

J-hope: ใช่ครับ หัวใจของผมเต้นแรงมาก ผมรู้สึกผิดหวังต่อตัวเองกับการแสดงที่แกรมมี่ พูดตามตรงผมอยากแสดงดีจนทนการพลาดเล็กๆไม่ได้ หลังจากนั้นผมก็คิดว่า โอ้ ผมน่าจะทําได้ดีกว่านี้ ผมน่าจะทําให้มันดูเจ๋งขึ้นได้ การแสดงมันพลาดไปอะครับ

Q: มันเป็นการแสดงทางเทคนิดที่ยากมากด้วยใช่ไหม ตอนคุณจะถอดแจ็คเก็ตและมัดเข้าด้วยกัน คุณมีโอกาสเพียงครั้งเดียว

j-hope: มันกดดันมากในทางจิตวิทยา ในขณะที่เราอยู่ที่แกรมมี่และแสดงอะไรที่คล้ายกับตอนเดบิวต์ไม่นาน แนวคิดเบื้องหลังการแสดงคือ มาทําสิ่งนี้อีกครั้งเถอะ เราสามารถทําการแสดงแบบนั้นแกรมมี่ได้-พวกเราคือ BTS!

Q: แต่เมมเบอร์อื่นๆ พูดถึงความเคารพต่อคุณมากในการนําซ้อมของคุณ ชื่อเล่นหัวหน้าทีมจอง เป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณมีความสําคัญเพียงใดในวง

J-hope: เมมเบอร์เรียกผมแบบนั้น (หัวเราะ) พวกเราสามารถแสดงออกที่ดีมาได้เพราะว่าทุกคนทําได้ดีมาก ส่วนนี้สําคัญมาก ผมเรียนรู้มากมายจากการเป็นส่วนหนึ่งของวง ผมจะไม่ยอมทําอะไรเลยเมื่อผมเริ่มทําเพลงให้กับวง ตอนทํางานผมมักจะหาวิธีใหม่ในการแสดงตัวตน และคิดว่ามันคงสนุกถ้าผมพยายามทําทุก อย่างด้วยตัวเองสักวันหนึ่ง มันคือวิธีที่ผมพัฒนาตัวเอง

Q: เมื่อพูดถึงการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงของคุณช่วง Proof นั้นน่าประทับใจ สไตล์การแร็พของคุณเปลี่ยนไปมาก และคุณมักจะไม่ใช้ออโต้จูนแต่คุณใช้ใน “Yet To Come”

J-hope: ผมมักจะได้เทคนิคใหม่ๆ และทุกครั้งที่ผมได้เพลงของ BTS มา ผมจะมีเซ้นว่าควรร้องออกมายังไง ไม่มีเหตุผลเจาะจงต่อการเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่าทุกสิ่งที่ได้เรียนรู้และพลังงานทั้งหมดที่ได้รับออกมาทําให้สิ่งแบบนี้ออกมาโดยสัญชาตญาณ

Q: เป็นเรื่องใหม่เช่นกันที่ได้ยินว่าคุณได้ท่อนยาวใน “For Youth” คุณใช้สไตล์ใหม่ในแต่ละเพลงได้อย่างง่ายดาย

j-hope: “For Youth” เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ผมจะได้ลองอะไรดั้งเดิม ผมคิดว่าจะเขียนแร็พที่ไพเราะ และกังวลเรื่องทํานองของตัวเองมากเกินไปและอยากแสดงด้านที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ของผม ผมเปลี่ยนตลอดเวลา ผมมีวุฒิภาวะทางดนตรี และสิ่งที่ผมสามารถแสดงออกมาได้เพิ่มขึ้น ผมว่าสิ่งเหล่านั้นคือวิธีที่ผมแสดงตัวตนออกมาก โดยใช้สิ่งที่ฉันเรียนรู้มาตลอดชีวิตและในช่วงเวลากับ BTS ตอนทําอัลบั้ม Proof ผมมีเซ้นสัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้ เช่น สิ่งนี้อาจไม่น่าสนใจในแบบที่กําลังทํา เพราะว่าผมอยู่กับวงนาน ผมถึงรู้ว่าต้องทําเพลงและการแสดงอย่างไร ผมจึงใช้ออโต้จูนเมื่อจําเป็นหรือใช้เทคนิคอื่น

Q: การเป็นสมาชิกของวงมีผลกระทบต่อชีวิตประจําวันของ คุณหรือไม่? คุณโพสต์ภาพที่ยอดเยี่ยมบน Instagram คุณเก็บสะสมภาพฟิลม์สําเร็จรูปและลงทั้งหมดรวมกัน เสมือนเป็นนิทรรศการ

J-hope: ผมว่าเป็นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นและได้เรียนรู้จากมัน มันกลายมาเป็นนิสัยอยากลองและโชว์สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผมจึงลองหลายวิธีเพื่อดูว่าสิ่งไหนน่าสนใจ หวังว่าคนจะคิดว่ามันน่าสนใจ (หัวเราะ)

Q: ถ้าคนดูไอจีคุณ พวกเขาสามารถเห็นภาพโพราลอยทั้งหมดที่คุณถ่ายในครั้งเดียว และหากพวกเขาดูแต่ละภาพแยกกัน พวกเขาก็สามารถเห็นรูปภาพที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น คุณโพสต์ภาพเสื้อผ้าของคุณ ตามด้วยคุณใส่มันและใช้ชีวิตตามปกติในทุกๆวัน สําหรับผมดูเหมือนว่าคุณกําลังพยายามแสดงออกตัว ตนผ่านภาพ

J-hope: คุณพูดถูก ภาพโพลารอยป็นหนึ่งในวิธีการไม่กี่วิธีที่มีแต่ผมที่มีรูปต้นฉบับใบนั้น แม้ผมจะแบ่งปันชีวิตประจําวันผ่าน Instagram แต่ก็คิดว่ามันคงจะดีถ้ามีฟิลม์ที่เป็นของผมคนเดียว ผมเลยเลือกโพลารอย ผมก็เลยโพสต์ภาพเหล่านั้น แต่ก็คิดว่ามันมีข้อจํากัดในการสื่อสารผ่านรูปแบบนี้อย่างเดียว ดังนั้นตอนนี้ผมกําลังคุมโทน Instagram ด้วยภาพถ่ายที่เหมาะกับปัจจุบันมากกว่า ผมอยากโพสต์ภาพถ่ายธรรมดาๆ ที่เคยถ่ายด้วยตัวเองในโอกาสต่างๆ แต่ตอนนี้ผมอยากโชว์ให้เห็นตัวตนฐานะศิลปินด้วย ฉันอยากใช้ Instagram เพื่อแสดงว่าผมเป็นใครในฐานะศิลปิน และใช้ Weverse เพื่อพูดในสิ่งที่จริงใจและเปิดใจมากขึ้นกับอาร์มี่ นั่นคงเป็นสาเหคุว่าทําไมภาพใน Instagram จึงดูแตกต่างไปจากแต่ก่อน

J-Hope : “ตอนผมดูวิดีโอในอดีต เหมือนผมว่ากลับมาจําความทรงจําและความรู้สึกเก่าๆ เหล่านั้น และผมรักสิ่งนั้นจริงๆ

Q: ความสนใจนั้นรวมถึงวิดีโอด้วยไหม? เพราะคุณมักถ่ายทําและตัดต่ออยู่เสมอ

j-hope: สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ ทุกครั้งที่ทีมงานถ่ายทําสารคดีของวงเราคือ เราสามารถพูดว่าเรากําลังใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิต และผมรู้สึกขอบคุณมากที่ทีมงานได้บันทึกเอาไว้ ทีมงานบันทึกชีวิตผม ชีวิตประจําวันและอารมณ์ของผมตอนแสดงบนเวที นั่นเป็นเหตุผลที่ผมให้ความสําคัญมากในการเก็บบันทึกถ่ายทํา ดังนั้นผมนจึงถ่ายรูปและวิดีโอเป็นจํานวนมากด้วยโทรศัพท์ผม แต่อัลบั้มรูปในโทรศัพท์ก็จะยุ่งเหยิงมาก ผมเลยแก้ไขเพื่อลดความยุ่งเหยิงผม มักจะถ่ายวิดีโอละสองหรือสามนาที

Q: คุณดูวิดีโอที่คุณถ่ายซ้ำบ้างไหม?

J-hope: ครับ ผมดูวนหลายรอบมาก (หัวเราะ) มันสนุกมาก วิดีโอเหล่านั้นเตือนความรู้สึก ณ ตอนนั้นตอนถ่ายมัน ผมจําได้ถึงความรู้สึกขณะถ่ายวิดีโอหรือภาพทิวทัศน์หรือคน-ทุกๆรูป ราวกับว่าผมกําลังอยู่ในห้วงความรู้สึกเหล่านั้น ตอนดูว่าผมกําลังคิดอะไรในปี 2560 ทุกครั้งที่ผมย้อนดู ผมว่ามันมีขีดจํากัดว่าคนเราสามารถบันทึกและเก็บความทรงจําได้มากน้อยเพียงใด ผมหมายถึงคนเราจําทุกอย่างไม่ได้และเราลืมบางอย่างเช่นกัน แต่ตอนผมดูวิดีโอในอดีต เหมือนผมว่ากลับมาจําความทรงจําและความรู้สึกเก่าๆ เหล่านั้น และผมรักสิ่งนั้นจริงๆ

Q: ความทรงจําที่หวนคืนเหล่านั้นเป็นอย่างไร?

J-hope: มันงดงามครับ (หัวเราะ) ผมเด็กและกระฉับกระเฉงกว่าตอนนี้ ไม่ใช่ว่าตอนนี้ผมไม่ได้ไม่เป็นแบบนั้น ผมแค่คิดว่ามันมีแค่บางสิ่งที่รู้สึกได้แค่ ณ ตอนนั้น อย่างหนึ่งเกี่ยวกับ Proof คือมันแสดงถึงการทํางานของผมในตอนนั้น ประเภทของดนตรีและการแสดงของผม และความสําเร็จต่างๆ สิ่งที่ทําให้ผมพูดว่าผมจําวัน เหล่านั้นที่มีความหมายมากกับผมได้

Q: มี “DNA เวอร์ชันเดโม่ใน Proof ซึ่งแสดงถึงการที่เพลงถูกทําขึ้นมาใช่ไหม?

J-hope: เดิมที่เราจะใส่เวอร์ชั่นคร่าวๆ ของ “Boy Meets Evil” แต่พอฟังแล้ว ผมคิดว่าจะดีกว่าไหมถ้าได้ฟังเวอร์ชั่นที่อัดรอบสุดท้าย เวอร์ชันคร่าวๆ ไม่ได้มีเสน่ห์ใดๆเลยที่คุณมักจะเชื่อมโยงกับคําว่า “คร่าวๆ” ผมเลยหาบางอย่างที่จะทําให้อาร์มี่คิดว่า นายเป็นคนทําเหรอ? และได้เจอ “DNA” เวอร์ชันนั้นผมฟังแล้วแบบ นี่มันอะไรกัน? แล้วก็ว้าว! (หัวเราะ) ผมนึกถึงกระบวนการทํางานเพลงของผมเลย

Q: การทําเพลงของคุณเป็นอย่างไร?

j-hope: วิธีการทํางานของเรา เราเอาส่วนดีๆ ที่แต่ละคนทํามาก่อนและใช้ในเพลง ก็คือผมพยายามทําทั้งเพลงให้เสร็จด้วยตัวเอง ผมลองทําเพลง “DNA” ในสไตล์ที่ทําได้ แต่สุดท้ายไม่ชอบผลลัพธ์ ดังผมจึงเก็บเพลงไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ผมขณะหนึ่ง จากนั้นผมเจอเพลงนี้อีกครั้งในเวลาต่อมา และคิดว่ามันเป็นเสียงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของผม ผมเลยว่ามันแสดงให้เห็นถึงความเป็นต้นฉบับที่แท้จริง และอาร์มี่คงชอบที่จะได้รู้ว่ามี “DNA” เวอร์ชันนี้ก่อนที่เพลงจะปล่อยออกมา

Q: มีการเปลี่ยนแปลงมากมายระหว่างตอนเจโฮปที่ทํา “DNA” กับในตอนนี้ คุณเปลี่ยนไปในรูปแบบไหน?

j-hope: ล่าสุดที่คิดได้น่าจะเป็นการที่เวลาในต่างประเทศส่งผลต่อผม เงินไม่สามารถที่จะให้คุณมีประสบการณ์แบบผมได้ เรามีการแสดงที่ยิ่งใหญ่ พบปะกับศิลปินทุกประเภท และเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม

Q: คุณเคยพูดถึงการแสดงของ Lady Gaga ใน V LIVE มาก่อนการแสดงของเธอทําให้คุณรู้สึกอย่างไร?

j-hope: ผมได้แรงบันดาลใจจากการแสดงในลาสเวกัสมากจนเสียดายที่ไม่ได้ดูคอนเสิร์ตของศิลปินอื่นอีก ในตอนทัวร์คอนเสิร์ตมาก่อน คอนเสิร์ตของ Lady Gaga น่าประทับใจเป็นพิเศษ ผมป็นแฟนตัวยงของเลดี้ กาก้าตั้งแต่เด็ก และผมว่าเธอทําการแสดงได้ยอดเยี่ยม ผมได้แรงบัลดาลใจจากความทุ่มเทที่เห็นได้ชัดต่อการแสดงของเธอ และลาสเวกัสเป็นเมืองแห่งการแสดง ผมเลยรู้สึกตลอดว่าไม่รู้เลยว่าทําแบบนี้ได้ด้วย ตอนดูคอนเสิร์ตและคิดว่าอยากจะลองแสดงในรูปแบบของผมเองสักวัน

J-Hope : “ผมได้รับการเลี้ยงดูแบบทั่วไปฐานะชาวกวางจู ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับหรือรู้สึกคุ้นเคยกับบางสิ่ง”

Q: คุณเคยรู้สึกสิ่งที่คุณประสบในฐานะ BTS บ้างไหม? คุณรู้สึกว่าการกล่าวสุนทรพจน์ที่ UN และทําการแสดงนั้นจะเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แต่ก็อาจมากไปในขณะเดียวกัน

j-hope: รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ไป UN แต่จริงๆ แล้วผมเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ผมได้รับการเลี้ยงดูแบบทั่วไปฐานะชาวกวางจู ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับหรือรู้สึกคุ้นเคยกับบางสิ่ง บางสิ่งใหญ่เกินไปสําหรับผมและกลายเป็นว่าผมแบกอะไรมากเกินไป แต่ผมคิดว่าผมทํามันได้ในที่สุดเพราะมันถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดวิธีที่แตกต่างกัน และผมมองว่าสิ่งนี้เป็นโชคชะตาเช่นกัน

Q: พอพูดแล้วทําให้ผมนึกถึงเวลาคุณโต้ตอบกับเมมเบอร์บน Instagram แล้ว “กดไลค์” บ่อยๆ นั่นสะท้อนให้เห็นว่าทุกคนต้องการกันและกันมากแค่ไหน?

j-hope: โอ้ นั่น นั่นเป็นเพราะเมมเบอร์มักจะโพสต์อะไรไว้เวลาผมเข้าไปใน instagram (หัวเราะ) มันวิเศษมากที่ผมเจอตอลดผมเข้า Instagram และเมมเบอร์จะโพสต์ก่อนหน้าสามนาทีก่อน พอเห็นก็กดไลค์เลย (หัวเราะ) ผมสนุกกับการทําแบบนี้มาก ผมคิดว่าการเห็นชีวิตประจําวันของเมมเบอร์ช่วยให้ผมได้ค้นพบสิ่งที่ยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาเอง

Q: คุณมีอิทธิพลอย่างมากในฐานะสมาชิกของ BTS ในขณะเดียวกับการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ในฐานะศิลปิน สิ่งที่คุณอยากสื่อด้วยดนตรีหรือการเต้นของคุณช่วงนี้คืออะไร?

j-hope: อย่างที่คุณรู้ ผมมักจะแสดงท่าทางร่าเริง ดังนั้นผมจึงมีอยากมากที่จะแสดงด้านที่แตกต่างของผม ผมอยากท้าทายตัวเองให้ทําอย่างนั้นในโปรเจกที่กําลังทํา ผมอยากแสดงด้านที่มืดมนสุดและด้านดิบเถื่อน (ในท่าทางการเต้น)

Q: ขอทราบเหตุผลได้ไหม?

j-hope: ในช่วงเวลาทํางานและใช้ชีวิต ผมค้นพบว่าสิ่งที่สามารถบอกได้มันถูกจํากัดอยู่กับเมื่อผมใช้สไตล์ที่เป็นธรรมชาติของผมหรือวิธีที่คนอื่นมองผม ผมมีสิ่งที่อยากบอก แต่รู้สึกว่าถ้าทํามันในแบบเดิมๆ มันจะออกมาไม่ดี ถ้าผมอยากจะสื่อสารอะไรออกมากเลยอยากให้มันมืดมนกว่านี้ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทํามาก่อน ผมจึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะลองทําสิ่งใหม่ๆ ผมได้รับอิทธิพลอย่างมากจากสิ่งที่ใจบอก และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยากลองทําสิ่งนี้

Q: เมื่อพูดถึงดนตรีของ BTS คุณเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะต้องทําอะไรโดยพิจารณาจากภาพรวมของสิ่งต่างๆ ในขณะที่ดูเหมือนว่าคุณอยากทํางานเดี่ยวคุณ

j-hope: เมื่อมองย้อนกลับไป ผมใช้มิกซ์เทปที่ปล่อยออกมาเพื่อแสดงสิ่งที่ฉันเป็นในฐานะเจโฮป สมาชิกของ BTS ผมอยากใช้มิกซ์เทปเพื่อวาดภาพที่กว้างขึ้นของสไตล์ที่นํามาใช้กับ BTS “Chicken Noodle Soup” แสดงให้เห็นถึงการที่ผมสามารถทําอะไรบางอย่างในลักษณะนั้น และตอนนี้ผมอยากที่จะแสดงแนวทางดนตรีใหม่ๆ และความคิดของผมและการที่ผมจะถ่ายทอดออกมาในแบบใหม่ ผมคิดว่าตอนนี้ผมกําลังสร้างสไตล์ผมใน BTS และสไตล์ของผมเองที่สามารถแสดงออกมาด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง ผมเกือบรู้สึกอายที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นศิลปิน (หัวเราะ) แต่ผมคิดว่าผมกลายเป็นศิลปินประเภทที่สามารถทําเช่นนั้นได้

J-Hope : “ผมตระหนักมากทุกวันนี้ผมไม่สามารถเป็นแซลม่อนที่สวนกระแสน้ำได้ตลอด”

Q: คุณต้องการสื่ออะไรในฐานะบุคคลและในฐานะศิลปินที่มีความสามารถนั้น?

j-hope: ตัวตนของผม ผมอยากมองย้อนกลับไปในสิ่งต่างๆ เช่น ในการใช้ชีวิตและอารมณ์ที่ซ่อนเร้นที่สะท้อนตัวตนที่อยู่ข้างใน คุณจะเข้าใจเมื่อเพลงที่ปล่อยออกมา แต่ถ้าผมจะพูดถึงเรื่องเหล่านี้ ผมไม่สามารถพูดด้วยความสดใสตลอด นั้นคือทําไมผมถึงอยากมีด้านมืดบ้าง ซึ่งทําให้ผมเปิดกว้างเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของผมได้อย่างสมบูรณ์

Q: คุณคิดว่าเรื่องราวชีวิตของคุณดําเนินมาไกลแค่ไหนแล้วตอนนี้?

j-hope: ผมตระหนักมากทุกวันนี้ผมไม่สามารถเป็นแซลม่อนที่สวนกระแสน้ำได้ตลอด (หัวเราะ)

Q: คุณหมายความว่าอะไร?

j-hope: ผมคิดมากถึงการใช้ชีวิตแบบไปเรื่อยกับสิ่งที่เป็น ผมพยายามที่จะมีชีวิตที่มีความสุขตามสิ่งที่ได้รับ พูดตามตรง ผมพยายามเปลี่ยนหลายอย่างใน 2020 และ 2021-หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นจากการระบาดใหญ่ แต่ประเด็นคือเมื่อรู้ว่าผมไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นได้เพียงแค่คิดถึงมัน ผมเลยคิดถึงการใช้ชีวิตตามสิ่งที่ได้รับมาไว้แล้ว เพราะผมกําลังหาทางที่ใช่สําหรับผมอยู่ดี ไม่ได้หมายความว่าผมจะหยุด (หัวเราะ)

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> BTS Fairy Tale Interview Pt.4

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> มังงะ

>>>>>> สมัครสมาชิก คลิ๊ก