Rolling Stone x RM

Rolling Stone x RM แปลบทสัมภาษณ์หนุ่มๆบังทันจากนิตยสารโรลลิ่งสโตนปี 2021

Rolling Stone x RM แปลบทสัมภาษณ์หนุ่มๆบังทันจากนิตยสารโรลลิ่งสโตนปี 2021

Rolling Stone x RM แปลบทสัมภาษณ์ของบังทัน ในการร่วมงานกับนิตยสารเพลงชื่อดังอย่าง Rolling Stone โดยครั้งนี้เป็นการร่วมงานครั้งที่สองของพวกเขา โดยในครั้งนี้พวกเขาจะมาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่ไม่เคยไปพูดที่ไหน และมุมมองของพวกเขาในอีกมุมมองอื่น โดยรอบนี้เราจะเริ่มจากนัมจุนกันก่อน

Rolling Stone x RM – บทสนทนาอันลึกซึ้งกับ BTS RM Pt.1 กับช่วงปีแรกของวงของเขา, DRAKE, BTS คือ K-POP หรือไม่ และอื่นๆ

“ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากเข้าวิทยาลัยชั้นนำ, โรงเรียน Ivy League ตามมาตราฐานของอเมริกา” RM หัวหน้าวงของ BTS กล่าว “ผมเป็นนักเรียนทั่วไปที่พยายามอย่างหนักในการบรรลุ (เป้าหมาย) แล้วหลังจากนั้นผมได้เชื่อมั่นในคุณบัง [ผู้ก่อตั้ง Hybe] และผมก็เริ่มเดินไปตามเส้นทางที่แตกต่าง และผมมีความรู้สึกรีบด่วนและต้องการไล่ตามตวามฝันของผมอย่างมาก”

Q: คุณกล่าวถึงศิลปิน abstract ผู้ยิ่งใหญ่ Kim Whan-ki เมื่อไม่นานมานี้: “ผมเป็นชาวเกาหลี และผมไม่สามารถทำอะไรที่ไม่ใช่เกาหลีได้ ผมไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือจากนี้ เพราะเป็นคนนอก” คุณบอกว่านั้นคือประเด็นสำคัญที่คุณได้ขบคิดอยู่ในช่วงนี้ แนวความคิดนี้นำไปปรับใช้กับงานของคุณได้อย่างไร?

RM: เพลงป๊อบและฮิปฮอปส่วนใหญ่ที่ผมฟังมาจากอเมริกาครับ แต่สำหรับผมในฐานะชาวเกาหลี ผมคิดว่าเรามีลักษณะเฉพาะตัวของเราและเอกลักษณ์อันเป็นท้องถิ่นบางอย่าง ผมไม่สามารถอธิบายมันออกมาได้ดีนัก แต่มันมีลักษณะเฉพาะบางอย่างที่พวกเราชาวเกาหลี หรือบางทีชาวตะวันออกมีครับ ดังนั้นเราจึงพยายามผสานสองสิ่งนั้นเข้าเป็นหนึ่ง

และผมรู้สึกว่าผมได้สร้างแนวเพลงใหม่ บางคนอาจะเรียกมันว่า K-pop บางคนอาจเรียกมันว่า BTS หรือดนตรีที่ผสานตะวันออก-ตะวันตก แต่ผมคิดว่านั่นคือสื่งที่พวกเรากำลังทำครับ ถ้าคุณคิดถึงเส้นทางสายไหม (Silk Road) ในอดีต มีความคิดที่ว่าชาวตะวันออกและชาวตะวันตก พบกันในที่ดังเช่น ถนนใหญ่และอาจทำการซื้อและขาวของต่างๆ ผมคิดว่าเรื่องราวนี้ย้อนรอยตัวมันเองครับ และบางสิ่งที่ใหม่ เป็นปรากฎการณ์ที่น่าตื่นใจกำลังเกิดขึ้น เรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มีตัวตนอยู่ในตาของพายุเฮอร์ริเคนลูกใหญ่นี้*

Q: มีศิลปินฮิปฮอปชาวเกาหลีจำนวนมาก รวมไปถึงฮีโร่ในช่วงแรกเริ่มของคุณ Epik High ซึ่งยังคงแอคทีฟอยู่ อะไรคือสิ่งที่คุณได้ยินจากมันในช่วงแรก และอะไรที่สิ่งที่คุณได้ยินจากมันในตอนนี้?

RM: มันมีกระบวนการเสมอเมื่อเวลามีสิ่งใหม่ๆเข้ามาในอีกวัฒนธรรมหนึ่ง ที่ซึ่งเอกลักษณ์ถูกเปลี่ยนรูป และมันเปลี่ยนและปรับให้เข้ากับสถานที่แห่งใหม่นี้ ชัดเจนว่ามันมีความแตกต่างระหว่างเกาหลีและอเมริกาที่ส่งผลต่อดนตรี

ตัวอย่างเช่น เกาหลีไม่ใช่ประเทศที่มีหลากเชื้อชาติดังเช่นอเมริกา ดังนั้นจึงมีความละเอียดอ่อนที่แตกต่างเป็นพื้นฐานของดนตรี แน่นอนว่าแรปเปอร์ชาวเกาหลีมีการแสดงออกทางด้านดนตรีที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ของพวกเขา สภาวการณ์และความยากลำยากของพวกเขาที่เขาถ่ายทอดมันลงไปในกระบวนการ เห็นได้ชัดว่าในฐานะชาวเกาหลีสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่สะท้อน(/สัมผัสถึงความรู้สึกของ)ตัวผมครับ

อย่างที่รู้กันว่ามีคำกล่าวที่ว่า ไม่มีอะไรใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์* ดังนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้คนเช่นพวกเราที่อยู่ในริมหนึ่งของโลก ให้กล่าวก็คือ เราคิดว่าเราจะสามารถเปลี่ยนรูปสิ่งนี้และทำให้มันเป็นของเราเองได้อย่างไร ดังนั้นสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผมขบคิดถึงมันตอนที่ผมพยายามสร้างสมดุลระหว่างแรงบันดาลใจของแรปเปอร์ชาวเกาหลีและอเมริกัน และผมคิดว่าแม้กระทั่งตอนนี้ก็มีการรวมบรรจบกันของทุกแนวเพลงครับ

*There’s nothing new under the sun. – สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ย่อมเคยเกิดขึ้นในอดีต

บทสนทนาอันลึกซึ้งกับ BTS RM Pt.2

Rolling Stone x RM

Q: ตอนที่ BTS เริ่มต้นในครั้งแรก มีความขัดแย้งนี้ในความคิดของผู้คนบางส่วนและในตัวคุณเอง ระหว่างไอเดียของการเป็นแรปเปอร์และการเป็นไอดอล ซึ่งคุณถูกเรียกว่า ป๊อปสตาร์ เห็นได้ชัดเจนว่านี่เป็นสิ่งที่คุณกล่าวถึงในเพลง บางทีคุณอาจอธิบายสักเล็กน้อยเกี่ยวกับความขัดแย้งนั้น และว่าทำไมมันดูเหมือนสำคัญมากในเวลานั้น?

RM: ตอนที่ผมยังเด็ก ผมอยากเป็นนักเขียนงานประพันธ์และกวีนิพนธ์ครับ แล้วหลังจากนั้นผมก็ค้นพบการแรป และโดยส่วนใหญ่ของสิ่งที่ผมอยากทำได้ไปอยู่ในดนตรี และใช่ครับ มีความคิดในการเป็นศิลปินแบบบริสุทธ์ (/เต็มตัว) หรือแรปเปอร์บริสุทธิ์ ดังนั้นในตอนเริ่มแรก มันจริงที่ตอนเรากำลังเดบิ้วต์ในฐานะของ (วง) ป๊อป มีหลายครั้งที่ผมต้องจัดเรียบเรียงตัวตนของผมใหม่ และสะท้อนตรองว่าตัวตนของผมคืออะไร และในตอนแรกเราไม่เห็นผลลัพธ์ในด้านบวก เราไม่ได้มีแฟนๆจำนวนมาก เราไม่ได้มีผลลัพธ์อันยอดเยี่ยม

มีบางครั้งที่พวกเราถูกล้อเลียน ดังนั้นมันเป็นความจริงที่ว่า มันใช้เวลาไปพอสมควรสำหรับตัวตนนั้นในการพัฒนาและให้มันเข้าที่ลงตัว แต่คุณรู้ไหมครับ ไม่ว่ามันจะเป็นเพลงแรปหรือเพลงป๊อบ หรืออะไรมันจะเป็นอะไรก็ตาม มันคืออีกหนึ่งวิธีการสำหรับผมในการแสดงซึ่งความคิดและถ่ายทอดเสียงของผม และให้มันสะท้อนยังผู้คน ดังนั้นความขัดแย้งโดยส่วนใหญ่แล้วจึงแก้ไขด้วยตัวมันเอง

และผมคิดว่าสิ่งต่างๆในวันนี้มันแตกต่างอย่างมากจากสิ่งที่พวกเราเป็นใน 2013 เพราะแม้ว่ามันจะยังคงมีการถกเถียงกันมากมายเกี่ยวกับว่าสิ่งใดคือบริสุทธิ์, สิ่งใดคือแท้, สิ่งใดคือจริงใจ, สิ่งใดคือศิลปิน, สิ่งใดคือนักดนตรีป๊อป ขอบเขตเหล่านั้นกลายมามีความหมายลดน้อยลงและน้อยลง ตราบใดที่ผมสามารถแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ผมเขียน นั่นก็เป็นเหตุผลสมควรพอในการสานต่อความฝันของผมและสิ่งที่ผมอยากทำมาโดยตลอด

Q: มันรู้สึกเหมือนว่า BTS ได้ค้นพบตัวเองจริงๆในช่วงเวลาของ The Most Beautiful Moment of Life นั่นคือตอนที่ทุกอย่างมาบรรจบรวมกัน คุณมองย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นยังไง?

RM: แม้ว่าชื่อ Most Beautiful Moment in Life นั้น จริงๆแล้วเป็นช่วงเวลาสับสนวุ่นวายมากสำหรับผมและสำหรับพวกเราครับ ภาพลักษณ์อันดุดันที่เรามีใน 2 Kool 4 Skool ในช่วงเริ่มแรก การแสดงออกถึงความแข็งแกร่งที่ค่อนข้างเกินจริงและความทุกข์นั้น แล้วเมื่อเราค่อยๆช้าลงเล็กน้อยและลองถ่ายทอดอารมณ์ของคนหนุ่มสาวผู้ที่ไม่มีอะไรเลยนอกเหนือจากความฝัน มันเป็นการแสดงออกที่ซื่อตรงมากกว่า และพวกเราได้เห็นว่ามันสะท้อนเข้าถึงใจผู้คนจำนวนมากได้อย่างไร

มีความสับสนอยู่บ้างเพราะมันเป็นสิ่งใหม่ และเรากำลังพยายามที่จะแสดงให้เห็นตัวตนของเราที่อ่อนไหวยิ่งขึ้น, เปราะบางยิ่งขึ้น ซึ่งมันต่างออกไปมาก แต่เราได้ตระหนักว่ามันเป็นสิ่งที่มีความหมาย และในขณะที่เราเดินหน้าไปสู่ซีรีย์ Love Yourself เราก็ได้เริ่มค้นพบสิ่งนั้นมากขึ้นและมากขึ้นในขณะที่เราดำเนินต่อไป

บทสนทนาอันลึกซึ้งกับ BTS RM Pt.3

Rolling Stone x RM

Q: ฉันรู้ว่าแฟนๆหลายคนไม่ได้มอง BTS เป็นส่วนหนึ่งของ K-pop แล้วคุณหล่ะ ตัวคุณเองได้เคยบอกว่า “BTS คือ แนวเพลง” คุณมองมันอย่างไร?

RM: นั่นเป็นข้อถกเถียงที่สำคัญมาก เพราะสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า K-pop นั้นเป็นแนวเพลงที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วมาก ตัวอย่างเช่น กลุ่มบางกลุ่มที่เรียกกันว่า K-pop มีแค่ชาวต่าวชาติ จากยุโรป, อินเดีย, จีน เช่นนี้และทุกที่ ไม่มีเมมเบอร์ชาวเกาหลี แต่พวกเค้าทำสิ่งที่เป็น K-pop พวกเค้าสลับท่อนกันและอื่นๆ BTS กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน และตอนนี้ K-pop ก็กว้างออกไปมาก

บางคนอาจบอกว่า K-pop คือสำหรับชาวเกาหลีที่ร้องเพลงภาษาเกาหลี นั่นอาจเป็น K-pop แล้ว “Dynamite” หล่ะ? เราร้องเป็นภาษาอังกฤษ แต่เราทุกคนเป็นชาวเกาหลี ดังนั้นบางคนอาจบอกว่ามันเป็นเพลง K-pop หรือพวกเขาอาจบอกว่ามันเป็นแค่เพลงป็อบเพราะมันเป็นภาษาอังกฤษ แต่จริงๆแล้วพวกเราไม่ได้สนใจอะไรว่าผู้คนจะมองว่าเราอยู่ในหรืออยู่นอก K-pop ความจริงที่สำคัญคือพวกเราทุกคนเป็นคนเกาหลี และเรากำลังร้องเพลงป็อบ ดังนั้นนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงบอกว่า แนวเพลงของเราคือแค่ BTS ข้อถกเถียงนั้นมีความสำคัญมากสำหรับอุตสาหกรรมเพลง แต่มันไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายสำหรับพวกเรา เหล่าเมมเบอร์

Q: เพลงอะไรที่เปลี่ยนความคิดของคุณเกี่ยวกับว่า อะไรคือสิ่งที่เป็นไปได้ในเชิงศิลปะ?

RM: ผมเริ่มจาก Nas, Eminem ยุคทองของฮิปฮอป และจุดเปลี่ยนคือ Drake ในปี 2009 ตอนที่เค้าปล่อยอัลบั้ม Thank You Later อัลบั้มนั้นเป็นเรื่องน่าทึ่งสำหรับผม เพราะมันค่อนข้างเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดที่แรปเปอร์จะมาร้องอย่างจริงจัง เช่นนั้นแล้วหลังจากนั้นมา แรปเปอร์จำนวนมากก็เริ่มร้อง ตัดสินใจที่จะใส่เมโลดี้ลงในเพลงของพวกเขา ระหว่างแรปและเมโลดี้ ดังนั้น ครับ คือช่วงเวลานั้น

บทสนทนาอันลึกซึ้งกับ BTS RM Pt.4

Rolling Stone x RM

Q: ตอนที่คุณแรปว่า “เงาของคุณ … ถูกเรียกว่า ความลังเล”* สิ่งที่คุณหมายถึงคืออะไร?

RM: มันอาจถูกเรียกว่าความลังเล หรือ ความรอบคอบก็ได้ แต่ผมคิดว่ามีรูปหนึ่งของความลังเลที่ขวางกั้นคุณจากการยอมรับความเสี่ยง และขวางกั้นคุณจากการท้าทายตัวเอง

*เนื้อเพลง Intro: Persona – “เงาของผม … ผมเรียกมันว่า ความลังเล”

Q: ผมรู้ว่าคุณกระตุ้นเมมเบอร์ด้วยการบอกว่าหลานๆของคุณอาจดูการแสดง Grammys ของคุณในสักวันหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่คุณคิดถึงมันบ่อยหรือ?

RM: มันทำให้ผมขนลุกมากในบางครั้งที่ว่าทุกช่วงเวลาของเรานั้นทิ้งประวัติร่องรอยทางออนไลน์ไว้ ที่ซึ่งทุกคนสามารถดูมันได้ ดังนั้น ครับ ผมคิดว่ามันช่วยเราให้รู้สึกมีแรงบันดาลใจต่อไป

Q: นักแสดงภาพยนตร์บางคนกล่าว่า “ความเจ็บปวดนั้นชั่วคราว ภาพยนตร์นั้นเป็นนิรันดร์”

RM: [พยักหน้า] ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะนั้นเป็นนิรันดร์

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> Rolling Stone x JIN

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> หนังออนไลน์

>>>>> UFABET