V VOGUE KOREA

V VOGUE KOREA แปลบทสัมภาษณ์ของวีในนิตยสารเดือนธันวา 2021

V VOGUE KOREA แปลบทสัมภาษณ์ของวีในนิตยสารเดือนธันวา 2021

V VOGUE KOREA แปลบทสัมภาษณ์ของ V หรือคิมแทฮยอง วิชวลทองแห่งวง BTS ที่มาพูดถึงชีวิต การทำงานและแนวคิดของเขา หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาประสบความสำเร็จต่างๆ มากมาย และการทำงานของเขาในบทบาทวิชวลและโวคอลแห่ง BTS และชีวิตอันเรียบง่ายของเขาเองอีกด้วย

V VOGUE KOREA Pt.1 : วีแข็งแกร่งได้โดยปราศจากอคติหรือการต่อต้าน

V VOGUE KOREA

ความไม่รู้ของเราคือการละเลยคุณค่าในช่วงเวลาเยาว์วัยของเราไป วัยหนุ่มสาวของเราที่ผ่านเข้ามาและหายวับไปโดยที่เราไม่ทันได้สังเกตเห็นมันเลย เพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้นเราก็พึ่งตระหนักได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยอยู่ในช่วงเวลาในวัยเยาว์ แท้จริงแล้วมันเป็นเพราะความเป็นวัยหนุ่มสาวนั่นบริสุทธิ์และไร้เดียวสาจึงถูกละเลยไป

เมื่อถูกถามว่าเขารู้สึกกดดันกับความรักและความสนอกสนใจของแฟนๆและที่พวกเขาให้ความสำคัญในเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เขาทำหรือไม่ วีส่ายหัวราวกับว่าเขาไม่รู้จริงๆ “ผมไม่รู้จริงๆว่า BTS มีความหมายกับผู้คนอย่างไร ผมรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับทุกคำชื่นชมและการตอบรับในทางที่ดี แต่ผมไม่รู้จริงๆว่าทำไมเราถึงได้รับความรักมากมายขนาดนี้ครับ”

วีได้รับรางวัลอันน่าประทับใจในฐานะสมาชิกของ BTS ซึ่งเป็นชาวเอเชียวงแรกได้รับรางวัล Artist of the Year ของ American Music Awards และยังขึ้นชื่อว่าเป็นหนุ่มหล่อมากที่สุดในโลกอีกด้วย ดูเหมือนว่านี่จะอยู่ในช่วงของการได้ลิ้มรสช่วงเวลาวัยหนุ่มสาวที่กำลังจะหายไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรเสียเขายังคงไม่รู้ว่าทำไมความสำเร็จอันน่าอัศจรรย์นี้ถึงเข้ามาหาเขา แม้ว่าผู้คนจำนวนมากต่างอธิบายเหตุผลมากมายจนนับไม่ถ้วนว่าทำไมก็ตาม

ในการถ่ายโฟโต้ช็อต ตัวแบบจะเป็นผู้กำหนดอารมณ์บรรยากาศ ฉันเคยถ่ายภาพมามากมายแต่ก็ไม่เคยเจอฉากไหนเลยที่สงบและเงียบโดยไม่มีเสียงพูดใดๆเหมือนอย่างการถ่าย Vogue ในวันนี้ เสียงซัตเตอร์ของกล้องดังรัวต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหย่อนนั้นดูจะดังกว่าปกติและถูกคั่นด้วยเสียงหัวเราะเบาๆเป็นครั้งคราวเท่านั้น ศูนย์กลางอยู่ที่วีทั้งหมด เขาค่อยๆปรับเปลี่ยนบรรยากาศตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยความเป็นมิตรและความเป็นกันเองของเขา ดูเหมือนว่าเขาสมควรได้รับฉายาว่า Kim Instant Friend

Pt.2 : ผมได้เรียนรู้การตัดสินใจว่าอะไรถูกและอะไรผิดครับ

V VOGUE KOREA

“อักษรตัวแรกของ MBTI แบบทดสอบบุคลิกของผมเคยเป็นตัว E (คนเข้าสังคม) แต่เมื่อไม่นานมานี้มันเปลี่ยนเป็นตัวอักษร I (คนเก็บตัว)ไปแล้วครับ พวกเขาบอกว่าทั้งสองอย่างนั้นแตกต่างกันอย่างมากไม่ใช่เหรอครับ” วีพูด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแบบทดสอบ MBTI ได้กลายเป็นที่นิยมในหมู่หนุ่มสาวเกาหลีใต้ที่แบ่งปัน MBTI กันและกันอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับการเปลี่ยนชื่อ พวกเขากระตือรือร้นกับการวิเคราะห์บุคลิกภาพของกันและกัน

แต่ดูเหมือนวีจะไม่สนใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนเปลี่ยนบุคลิกภาพที่เห็นได้ชัดเจนของเขาเลย เขาไม่สนใจว่าเขาจะถูกจัดให้เป็นคนชอบเข้าสังคนหรือคนเก็บตัว เขาอธิบายว่าเป็นเพราะเมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งเจอกับความเจ็บปวด “ผมไม่คิดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องที่ไม่ดีเพราะผมได้เรียนรู้การตัดสินใจว่าอะไรถูกและอะไรผิดครับ” วีอธิบายอย่างละเอียด “ผมเติบโตได้จากความช่วยเหลือของคนรอบตัวผม เส้นทางข้างหน้าอาจจะมีอะไรมากระทบกระแทกบ่อยครั้งและผมอาจจะเจอกับความเจ็บปวดบ้างแต่ผมไม่กลัว สิ่งสำคัญมากที่สุดคือผมจะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เหล่านั้นอย่างไรครับ”

คำตอบของวีสะท้อนให้เห็นถึงทัศนะในการมองโลกที่ BTS ได้วางไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การเติบโตที่ไม่ธรรมดาถูกสร้างขึ้นโดยเด็กหนุ่มธรรมดา 7 คนยังไม่มีจุดสิ้นสุด และดูเหมือนว่าจะไม่มีขีดจำกัดว่าเขาจะแข็งแกร่งและมีพลังที่ล้มแล้วลุกขึ้นเดินต่อไปได้อีกมากแค่ไหน พลังในการขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตนี้คือความรู้สึกของการบรรลุความสำเร็จ “เมื่อมีอะไรมากัดกร่อนทำลายตัวผม ผมจะจดจ่อกับมันและพยายามเอาชนะมัน อย่างเช่น ถ้าผมรู้สึกจมอยู่กับบางอารมณ์ ผมจะเขียนเพลงเกี่ยวกับมัน ตอนที่ทำเพลงเสร็จ ไม่ว่าเพลงจะดีหรือไม่ดีก็ตาม ความรู้สึกของการบรรลุความสำเร็จจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดหรือความทุกข์ที่ผมกำลังเผชิญอยู่ครับ”

Pt.3 : ผมพยายามหาแรงบันดาลใจจากชีวิตในแต่ละวัน

V VOGUE KOREA

วียังคงปล่อยเพลงของเขาออกมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ที่เขาเปิดตัวเพลงแรก “4 O’Clock” (คอลเลปกับ RM) หลังจากนั้นก็ตามมาด้วย “Scenery” “Winter Bear” “Sweet Night” และเพลงอื่นๆ ปัจจุบันเขามี 15 เพลงที่ได้จดทะเบียนกับสมาคมลิขสิทธิ์เพลงอย่างเป็นทางการแล้ว เขาได้รับการชื่นชมจากเนื้อร้องแบบบทกวีและอารมณ์ทางดนตรีที่เด่นชัดซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกฝนในชีวิตประจำวันและความรู้สึกที่อ่อนโยน

“ผมพยายามหาแรงบันดาลใจจากชีวิตในแต่ละวัน” วีพืมพำ “ผมคิดว่าชีวิตประจำวันของผมมีความพิเศษอยู่แล้ว แทบไม่ต้องพูดถึงเรื่องของการไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมพิเศษอื่นๆเลย ช่วงนี้ผมได้แรงบันดาลใจจากผลงานของคนอื่นๆเยอะมาก เมื่อวานนี้ผมได้ดู Forrest Gump เป็นครั้งแรกหลังจากที่ผ่านมาระยะหนึ่ง และตอนจบก็ทำให้ผมน้ำตาไหลหน่อยๆ กับประโยคที่ฟอร์เรสท์พูดว่า ‘ผมไม่รู้ว่าเราต้องกำหนดชะตาชีวิตตัวเองหรือว่าแค่ปล่อยให้มันล่องลอยไปราวกับสายลม’ มันทำให้ผมรู้สึกไปกับเขาจริงๆ มันเศร้านะครับ”

ภาพยนตร์ Forrest Gump ออกอากาศ 1 ปีก่อนที่วีเกิด เล่าเรื่องราวชีวิตของฟอร์เรสท์ที่เกิดมาพร้อมกับสติปัญญาที่ไม่ปกติและกระดูกสันหลังคดงอ เป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ไม่เห็นแก่ตัวและเป็นคนที่ซื่อสัตย์บนความโง่เขลา แม้ว่าฟอร์เรสท์จะเกิดมาพร้อมกับความพิการแต่พรสวรรค์ที่พบโดยบังเอิญนั่นกลับทำให้เขาร่ำรวยและได้รับเกียรติและยังมาจากความพากเพียรและความโชคดีอีกด้วย – สวรรค์เป็นคนกำหนดโชคชะตา วียืนยันว่าความสำเร็จของเขาในฐานะสมาชิกของ BTS มาจากโชค “ใช่ครับ ผมเชื่อในโชคชะตาแต่ถ้าย้อนกลับไปได้ ผมจะได้เป็นนักร้องอีกไหม” เขาคิด “มันก็รับประกันไม่ได้ เพราะงั้นผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับโชคด้วย”

Pt.4 : ผมอยากเป็นเพื่อนสนิทกับอาร์มี่ทุกคนและได้พูดคุยกับพวกเขาผ่าน Weverse 

คิมแทฮยอง เกิดปี 1995 (ชื่อจริงของวี) ความโชคดีแรกคือการที่เขาได้มาพบกับสมาชิกที่จะกลายมาเป็น BTS จุดเปลี่ยนต่อมาคือเขาได้เดบิวต์ด้วยกันหลังจากฝึกฝนมาอย่างยาวนาน “พวกเราสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเพราะเราเริ่มต้นมาจากเอเจนซี่เล็กๆ” วีกล่าว “ความคิดของผมก็ต่างจากตอนเริ่มต้นไปมาก ผมคิดว่าวงของผมก็คือครอบครัวใหม่”

และยังมีอาร์มี่ที่เป็นมิตรที่แน่นแฟ้นที่มอบความรักและการสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆให้กับเขา เมื่อมีการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ทำให้ต้องหยุดการแสดงแบบออฟไลน์ไป และนั่นทำให้ BTS เริ่มพบปะกับแฟนๆบ่อยขึ้นผ่านแฟลตฟอร์มอย่าง Weverse ส่วนตัวของพวกเขา ได้แบ่งปันชีวิตประจำวันต่างๆผ่านแพลตฟอร์มนี้ และวีไม่ชอบเรียกสิ่งนี้ว่า “การสื่อสาร” เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนธุรกิจมากเกินไป

“ผมอยากเป็นเพื่อนสนิทกับอาร์มี่ทุกคนและได้พูดคุยกับพวกเขาผ่าน Weverse ทุกครั้งที่ผมมีปัญหาหรือเกิดอะไรขึ้นก็ตามผมก็อยากแบ่งปัน” เขาอธิบาย “นี่คือวิธีที่ผมอยากกระทำอยู่เสมอ ผมไม่ชอบอะไรเหมือนธุรกิจไปซะทุกอย่าง ผมถ่ายรูปเพราะผมชอบ ผมทำอะไรหลายๆอย่างเพราะผมชอบมันและผมเข้าหาผู้คนเพราะผมชอบพวกเขา ผมยอมรับว่าบางครั้งคุณก็ต้องคิดถึงเรื่องธุรกิจด้วยแต่ผมไม่ค่อยเก่งเรื่องนั้น มันเป็นจุดอ่อนของผม”

ถ้อยคำสำนวนซ้ำๆซากๆ อย่างเช่น “ความจริงใจจะได้ชัยชนะ” และ “คนที่เคยได้รับความรักจะรู้จักการมอบความรัก” ไม่ใช่เป็นคำพูดสำหรับวี เป็นที่รู้กันดีว่าเขาเคยซื้อผลงานศิลปะจากศิลปินนิรนามจากแกลลอรี่ในระหว่างเดินสายทัวร์คอนเสิร์ต BTS ในต่างประเทศ และเขาได้สัมผัสถึงหัวใจของศิลปินโดยการจับมือศิลปินและพูดว่า “ขอให้วันของคุณเปล่งประกายสดใสนะครับ” เพียงเหตุผลเดียวที่เขาทำแบบนั้น

“เพราะผมเป็นที่รักของคนมากมาย ผมก็อยากแบ่งปันความรักเหล่านั้นครับ” แล้วคำพูดอะไรที่วีจะพูดออกไปในช่วงเวลาที่ยากลำยาก? “หลายคนรู้กันดีอยู่แล้ว แต่คำพูดที่คุณพ่อของผมเคยพูดไว้ที่ว่า “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” มันก็ยังคงให้ความเข็มแข็งกับผมมาจนถึงวันนี้ครับ” เขาพูด “นอกจากนี้เพื่อนในวงก็บอกว่าผมสามารถมาพึ่งพาและพูดคุยกับพวกเขาได้ตลอดเวลาที่ผมเผชิญกับช่วงเวลาลำบาก ตอนที่ผมกำลังต่อสู้กับอะไรอยู่ พวกเขาจะเข้ามาปลอบโยนผมในฐานะคิมแทฮยองที่ไม่ใช่วีครับ”

Pt.4 : BTS นี่แหละครับที่ทำให้ฝันของผมเป็นจริง

เมื่อฉันพูดถึงเพลงที่มีเสน่ห์มากที่สุดของวีในฐานะนักร้องคือการแสดง My Universe ที่ BTS ร่วมแสดงกับ Coldplay ที่งาน American Music Awards ในวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เขายิ้มราวกับว่าเห็นด้วย วิดีโอเบื้องหลังของ BTS กับ Coldplay ที่กำลังบันทึกเพลงนี้ถูกแชร์กันอย่างแพร่หลาย (มีฉากที่คริส มาร์ตินชื่นชมเสียงของ BTS นอกบูธห้องอัดเสียง ฉากนี้ทำให้เห็นว่า BTS กลายเป็น “ศิลปินแห่งดวงดาว”) “จริงๆแล้วมันไม่มีในวิดีโอ ตอนที่ไกด์ร้องเดโม่ภาษาอังกฤษ ผมเคยร้องทั้งเพลงมาแล้วตั้งแต่เริ่มจนจบเพลงเลย เมมเบอร์ของ Coldplay ได้ฟังก็ชมผมว่า ผมเหมือนคริส มาร์ตินคนที่ 2 เลย ก็ผมเคยฟังไกด์นั่นมาบ่อยแล้ว” วีพูดพร้อมหัวเราะ

สำหรับวีแล้ว BTS คือแหล่งของแสงสว่าง “ตั้งแต่ผมเรียนประถม ผมใฝ่ฝันที่จะเป็นนักร้องแต่ไม่มีใครสนใจผมจริงๆจังๆเลย ทุกคนต่างพูดแค่ว่า “ทำให้มันเป็นจริง” BTS นี่แหละครับที่ทำให้ฝันของผมเป็นจริง” เขาพูด ฉันถามเขาว่าเขารู้สึกหนักใจกับคำพูดต่างๆที่ยกยออย่างเช่นว่า “คนแรก” หรือ “ดีที่สุด” และเสียใจไหม

“มีคนบอกว่า เราต้องเก็บความชอบแรกไว้เป็นงานอดิเรก และห้ามเปลี่ยนมันเป็นงาน แต่ผมไม่คิดแบบนั้นนะเพราะว่าผมทำในสิ่งที่ผมชอบมากๆ อย่างมืออาชีพ” วีครุ่นคิด “เวลาที่ผมรู้สึกว่ามันยังไม่ดีพอ ผมก็จะสละเวลาฝึกให้มากขึ้น มันช่วยพัฒนาและปรับปรุงด้วยนะครับ อีกอย่างหนึ่งกับความจริงที่ว่าผู้คนเหมือนจะชอบในสิ่งที่ผมทำ แค่นี้มันก็ทำให้ผมพอใจและมีความหมายสำหรับผมมากๆแล้วครับ”

วีมองโลกโดยปราศจากความอคติ และนับตั้งแต่วันที่พวกเขาเดบิวต์มาจนถึงวันนี้ ในฐานะคิมแทฮยอง วี และ BTS ได้พิสูจน์ให้เห็นการทำแบบนั้นมันทำได้

Source: : @BOOBORATAE

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> BTS Vogue Magazine

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> อนิเมะ

>>> UFABET