Weverse Magazine JIMIN

Weverse Magazine JIMIN แปลบทสัมภาษณ์ของจีมิน BTS ในนิตยสารปี 2021

Weverse Magazine JIMIN : “มีผู้คนที่คอยให้กําลังใจเราตลอดช่วงเวลาที่ยากลําบากนี้ครับ”

Weverse Magazine JIMIN ในวิดีโอ “ARMY Corner Store ในช่อง BANGTANTV บน YouTube ที่ถูกโพสต์โดย BTS เพื่อฉลอง วันครบรอบ 8 ปีของการเดบิวต์ จีมินได้พูดถึงไรดึงแจ็คเก็ตที่เหล่าฮยองส่งต่อกันมาจนถึงตัวเอง ตอนที่ยังเป็น เด็กฝึก แจ็คเก็ตตัวนั้นถูกสวมใส่ครั้งแรกโดยชูก้า และถูกส่งต่อมาถึงมือของเจโฮปหลังการเดบิวต์

จากนั้นมันก็ได้ถูกส่งต่อมาให้กับจีมิน พร้อมคําพูดที่ว่า “ไรดึงแจ็คเก็ตตัวนี้ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นนะ [ทุกวันนี้] เมื่ออากาศหนาว จีมินก็ยังคงสวมใส่แจ็คเก็ตตัวนั้นอยู่ หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป และแม้ในยามจําเป็น ก็มีบางสิ่ง บางอย่างที่ยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงไป

Weverse Magazine JIMIN บทสัมภาษณ์ Pt.1 : ผมคิดว่าผมแค่ทําตามหัวใจ [ตามความรู้สึก] ของผมครับ 

Weverse Magazine JIMIN

  • คุณได้ปล่อยเพลงออกมาสามเพลงในหนึ่งปี : ‘Dynamite’, ‘Butter’ กับ ‘Permission to Dance’ ในท้ายที่สุด และ BTS เองก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?

Jimin: เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง ความรู้สึกที่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็ได้หายไปอ่ะครับ ปฏิกิริยาจากแฟน ๆ วิดีโอคัฟเวอร์ที่พวกเขาอัปโหลด และแดนซ์ซึ่งชาเลนจ์ที่พวกเขาทํา – ผมรู้สึกขอบคุณมากสําหรับสิ่งเหล่านั้นครับ มันได้จุดประกายแสงสว่างให้กับชีวิตผม พวกเราทําเพลงเหล่านั้นด้วยจุดประสงค์ที่ดี ดังนั้นแค่ได้ยินคนพูดว่าพวกเขาชอบฟังก็สมหวังแล้วครับ และนั่นคือเป้าหมายเดิมของผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพลง “Permission to Dance ที่เป็นประเด็นการพูดคุยที่สมบูรณ์แบบสําหรับตอนนี้ ผมคิดว่าผมเองก็ได้รับความสบายใจขึ้นมากจากเพลงนี้เช่นกันครับ

  • ยังไงบ้างเหรอ?

Jimin: ผมคิดว่าเริ่มแรก มันอยู่ที่บรรยากาศและตัวเนื้อหาครับ แค่ดูจากชื่อเพลงก็รู้สึกปลอบโยนใจแล้วครับ พอมานั่งนึกถึงมันในตอนนี้ ความจริงที่ว่ามันทําให้ผมคิดว่า โอ้ใช้ ผมอาจจะไม่ได้เจอกับอาร์มีในตอนนี้ แต่อีกไม่นานแล้ว [ที่ผมจะได้เจอ] ก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่งครับ ผมได้ทบทวบกับตัวเองว่าอนาคตจะดีขึ้นอย่างไร ระมัดระวังมากขึ้น แล้วมาลงเอยด้วยการรอที่ถูกยึดออกไปอีก และในขณะเดียวกันพวกเราก็มีแฟนมีตติ้ง คอนเสิร์ตด้วย ความคิดของผมจึงเปลี่ยนไปเป็นบวกมากขึ้น มันยอดเยี่ยมมากครับ

  • มีพาร์ทไหนในเพลงที่คุณให้ความสําคัญเป็นพิเศษ ในการถ่ายทอดอารมณ์เชิงบวกดังกล่าวหรือไม่?

Jimin: ผมคิดว่าผมแค่ทําตามหัวใจ [ตามความรู้สึก] ของผมครับ ก่อนหน้านี้จะมีคอนเซปต์บางอย่างที่วางมาให้แล้ว และผมต้องการที่จะโชว์บางอย่างเกี่ยวกับตัวเองในบริบทนั้น ๆ แต่พอมาพักหลังผมก็แค่ทําตามหัวใจ [ความรู้สึก] ของตัวเอง ตามความรู้สึกของการถ่ายทอดความรู้สึกที่ผมต้องการจะแบ่งปันกับผู้อื่นครับ

ตอนแรกผมก็กังวลนะครับว่าอารมณ์ความรู้สึกที่พวกเราพยายามจะสือผ่านบทเพลง จะสื่อไปถึงคนอื่นรึเปล่า เพราะพวกเราไม่เคยลองทําเพลงสไตล์เหล่านั้นมาก่อนเลย แต่พอได้ลองแสดงมันดู พวกเราก็พบว่ามันเป็นการแสดงที่ สนุกจริง ๆ และง่ายสําหรับเราในการ (ร้องและเต้น] ตามด้วยครับ ดังนั้นผมเลยคิดว่ามันน่าจะง่ายพอที่ผู้คนจะ สามารถเข้าถึงเพลงเหล่านี้ได้ครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.2 : เมมเบอร์ทุกคนมีสไตล์การเต้นเป็นของตัวเอง

  • ถึงแม้ว่าทั้งสามเพลง – Dynamite, Butter และ Permission to Dance – ล้วนมีบางอย่างที่เหมือนกัน ฉันคิดว่าพวกมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อพูดถึงการทําความเข้าใจ [ในแต่ละบทเพลง] คุณทํา เพลง Butter’ ก่อน ‘Permission to Dance – มันเป็นอย่างไรบ้าง?

Jimin: มันต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ ทัศนคติที่ผมใช้มันต่างกัน กระบวนการคิดก็ต่าง และผมคิดว่าอารมณ์ความรู้สึกที่ผมได้รับก็ต่างกันด้วยครับ ผมคิดว่า Butter ค่อนข้างยากสําหรับผมนะครับ มันไม่ใช่สไตล์ที่ผมคุ้นเคย แต่ผมคิดว่าตอนที่ผมเห็นคลิป ท่าเต้นของมันเป็นอะไรที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก และมีฟุตเวิร์คเยอะมากด้วยครับ ผมเลยคิดว่าผมจะทํามันออกมาได้ดีทีเดียว แต่มันยากกว่าที่ผมคิดไว้ครับ ระหว่างที่ซ้อมผมถึงขั้นคิดเลยครับว่า ทําไมผมถึงเต้นได้ไม่ดีเลยนะ? หากคุณดท่าเต้นที่เราเต้นกันตามปกติ มันมีท่อนที่ทรงพลังมาก ที่มาพร้อมกับท่าที่ใหญ่และเต็มไปด้วยพลัง

แต่กับ ‘Butter คือรู้สึกว่ามันยากจริงๆ ครับ เพราะพลังทั้งหมดถูกใส่ลงไปที่เดียวหมดเลย ถึงแม้ว่ามันจะลดหย่อนก็ตาม ดังนั้นผมเลยเฝ้าดูโฮซอกฮยองเต้นบ่อยมากครับ และเนื่องจากว่าเมมเบอร์ทุกคนมีสไตล์การเต้นเป็นของตัวเอง ผมจึงดูวิธีที่แทฮยองผ่อยคลาย [บริหารร่างกาย] และวิธีที่จองกุกเต้นตามตํารา/ตามหลักการ และผมก็จะรวบรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ดังนั้นสําหรับการออกอากาศ ของ Butter ในบางช่วง ผมจึงดูผ่อนคลายลงอย่างมากจริงๆ และสําหรับการออกอากาศครั้งอื่น ๆ ผมก็จะใช้พลังที่มากขึ้นมาหน่อย ผมลองนุ่นลองนี้มาหลากหลายรูปแบบเลยครับ

  • บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทําไมแม้แต่สไตล์ของเสื้อผ้าที่คุณสวมใส่ ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนความรู้สึกของการเต้นได้ รู้สึกเหมือนว่าเวลาที่คุณเต้นในชุดสูท จะแตกต่างออกไปจากตอนที่คุณแต่งตัวสบาย ๆ เล็กน้อย

Jimin: ผมไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยครับ แต่เพลงฟังดูแตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผมสวมใส่จริง ๆ แหละครับ บางครั้งเมื่อผม่ใส่เสื้อผ้าลําลอง ผมก็เต้นอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อผมใส่สูท อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเพลงก็ดูเซ็กซี่อ่ะครับ เมื่อผมเต้นคนเดียวผมจะรู้สึกแตกต่างไปจากตอนที่เต้นเป็นกลุ่ม ดังนั้นผมจึงวาดภาพในหัวว่าผมควร แต่งตัวอย่างไรเพื่อให้การเต้นของผมดูเท่ขึ้นทุกครั้งครับ

  • การแสดง ‘Dynamite’ ที่งานประกาศรางวัล Grammys ก็น่าประทับใจเช่นกัน ฉันรู้สึกว่าดนตรี สไตล์เสื้อผ้า และท่าตอนที่คุณกระโดดออกมานั้น เข้ากันได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว

Jimin: ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับว่าผมใส่เสื้อผ้าแบบไหน ว่าตัวผมอยู่ตรงไหนสําหรับพาร์ทนั้น ๆ และน้ําหนักผม ด้วยครับ รูปลักษณ์และความรู้สึกของการเต้นจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยพิจารณาจากน้ําหนักของผมครับ ผมคิดว่าท่าเต้นและเครื่องแต่งกายเข้ากันได้ดีใน Dynamite ครับ

  • และด้วยสิ่งที่พูดมาข้างต้น ตอนที่คุณแสดงเพลง ‘Black Swan เมื่อตอนสิ้นปีที่ผ่านมา คุณเต้นได้ดีที่สุดเมื่อ คุณใส่รองเท้าคู่ไหน? ดูจาก focus fancam การเต้นของคุณจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับการออกแบบของ รองเท้าคุณ

Jimin: สําหรับผม คือเท้าเปล่าครับ ผมคิดว่าผมต้องเต้นด้วยเท้าเปล่าเมื่อผมเต้นแบบสไตล์ดั้งเดิมครับ มันดู เฉียบคมและน่าดึงดูดเมื่อผมสวมรองเท้าหุ้มส้น แต่การแสดงแบบเท้าเปล่า มันมักจะรู้สึกเป็นธรรมชาติกว่าเสมอ ครับ มันคล่องแคล่วมากกว่านะครับผมว่า ดังนั้นผมเลยอยากเต้นแบบเท้าเปล่าสําหรับการแสดงอื่น ๆ ทั้งหมด ของผมด้วยครับ ตอนที่พวกเราอัดเพลง ‘ON’ ที่ Seoul World Cup Stadium กันเมื่อตอนสิ้นปี ผมก็ อยากจะเต้นด้วยเท้าเปล่านะครับ แต่ผมล้มเลิก เพราะมันอาจเป็นอันตรายได้ครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.3 : พวกเราทําการแสดงเพื่อตอบแทนแรงสนับสนุนทั้งหมดที่พวกเขาแสดงให้พวกเราเห็นครับ

  • การแสดงของ ‘ON’ ที่งานประกาศรางวัล Mnet 2020 MAMA ใช้ไหม? ขณะที่ฉันดูวีดีโอนั้น ฉันมีข้อสงสัย อะไรบางอย่าง: ฉันสงสัยว่าในสนามกีฬาที่มีขนาดใหญ่ ที่ไม่มีคนดู เมมเบอร์ในวงสามารถแสดงด้วยความ พยายามขนาดนั้นได้อย่างไร พร้อมกับการแสดงเดี่ยวใหม่ ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้าไปในท่าเต้นแบบเดิม และอะไรต่าง ๆ ด้วย อะไรเหรอ ที่ช่วยคุณในการค้นพบพลัง/ความเข้มแข็ง แม้จะอยู่ในสถานการณ์เหล่านั้นก็ตาม

Jimin: มีคนที่คอยให้กําลังใจพวกเราตลอดช่วงเวลาที่ยากลําบากนี้ครับ ผมคิดว่าพวกเราต้องให้เหตุผลพวกเขา ในการส่งเสียงเชียร์ให้กําลังใจพวกเรา [ต่อไป] ครับ ถ้าหากเราจะทําให้พวกเขาอยากเจอเรา และทําให้พวกสนุกกับการเฝ้าดูเรา ผมก็อยากจะมอบเหตุผลดี ๆ ให้กับกับพวกเขาครับ

  • แล้วตอนที่ได้แสดงที่งานประกาศรางวัล Grammys คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? แน่นอนว่ามันต้องมีความหมายสําหรับคุณในหลาย ๆ ด้าน

Jimin: ผมต้องการให้การแสดงของพวกเราแสดงให้เห็นว่าการขึ้นเวทีนั้นมีความหมายสําหรับพวกเราอย่างไรครับ เด็กกลุ่มนึงจากเกาหลี ซึ่งแต่ละคนมาจากคนละพื้นที่ ก็สามารถทําได้เช่นกัน แล้วกับการได้รับรางวัลมันจะอะไรนักล่ะครับ? นั้นเป็นสิ่งนึงที่ผมคิดครับ แน่นอนว่าคุณคงชนะมันมาไม่ได้ถ้าหากคุณยังไม่มีความสามารถมากพอ แต่สิ่งที่สําคัญก็คือการที่คนที่ชื่นชอบเรา สามารถภาคภูมิใจในตัวเราได้เช่นกันครับ พวกเราทําการแสดงเพื่อตอบแทนแรงสนับสนุนทั้งหมดที่พวกเขาแสดงให้พวกเราเห็นครับ

  • การที่ไม่ได้พบเจอกับแฟน ๆ มันคงจะยากน่าดู เพราะคุณเองก็ไม่สามารถจัดคอนเสิร์ตอะไรได้เลย เป็นการยากที่จะบอกชัดว่าการแสดง [ของคุณ] สามารถถ่ายทอดแรงสนับสนุนกลับไป [สู่แฟนๆ] ได้ดีเพียงใด

Jimin: ผมเรียนรู้อะไรมากมายจากการทัวร์ครับ ผมได้รวบรวมปฏิกิริยาการตอนรับจากผู้ชมที่ส่งมาให้ในทันที กับพาร์ทที่ผมรู้สึกยังไม่พึงพอใจมาไว้รวมกัน และกลับมาฝึกซ้อมตามนั้น [ตามที่สรุปได้] และจะมีการถาม [ความเห็น] เมมเบอร์คนอื่น ๆ เกี่ยวกับมันด้วยครับ แต่ตอนนี้มันไม่มีเวลาให้ทบทวน ดังนั้นผมจึงฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่มันยากที่จะบอกว่าท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ผมทํามันจะออกมาเป็นยังไง ดังนั้นผมจึงพยายามลองทําสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง แต่โดยไม่มีข้อเสนอแนะใด ๆ เลยครับ

  • นั่นมันคงจะทําให้การเตรียมตัวสําหรับ ‘Dynamite’, ‘Butter’ และ ‘Permission to Dance’ ยากขึ้นแน่เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการที่คุณยังต้องร้องเพลงเป็นภาษาอังกฤษอีก แถมอารมณ์ความรู้สึกในเพลงต่างจากเพลงก่อน ๆ ของคุณมาก และมันยากที่จะรู้ซึ้งถึงปฏิกิริยาการตอบรับจากในฮอลล์คอนเสิร์ตภายใต้ สถานการณ์เหล่านี้อีกด้วย

Jimin: แม้แต่การออกเสียงก็ต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ และเสียงที่ออกมาจากลําคอของคุณก็มาจากการ เปลี่ยนแปลงที่ขึ้นอยู่กับการออกเสียงอีกด้วยครับ ผมคิดว่านั่นเป็นสาเหตุที่ทําให้ผมหงุดหงิดเล็กน้อยครับใน เพลง ‘Butter’ ถ้าผมทํามันแบบที่ผมทํามาโดยตลอด มันคงไม่ปรากฏขึ้น ดังนั้นผมจึงศึกษาอย่างหนักเกี่ยวกับ วิธีการที่จะทําให้เสียงร้องฟังดูบริสุทธิ์และเรียบง่ายยิ่งขึ้นครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.4 : ผมคิดว่าผมได้ทํางานอย่างหนัก หนักมาก ๆ เพื่อให้มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

Weverse Magazine JIMIN

  • มันรู้สึกเหมือนกับว่าคุณต้องผ่านเงื่อนไข/ ข้อจํากัดต่าง ๆ คุณต้องทําให้มันฟังดูสดชื่น และต้องร้องเสียงสูงให้ถึง ในขณะที่ยังคงต้องรักษาเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณเอาไว้อยู่

Jimin: ผมคิดว่าคุณสามารถมองว่ามันเป็นเพลงที่ทําให้ผมคิดว่าตัวเองเพิ่งเริ่มต้นใหม่อีกครั้งครับ ผมคิดว่าผมซ้อมหนักกว่าเดิม ผมคิดว่าผมได้ทํางานอย่างหนัก หนักมาก ๆ เพื่อให้มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่แล้ว ผมก็มาเจอกับทางตัน และต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นเพื่อหาหนทางใหม่อีกครั้งครับ และผมก็ตรวจสอบมันกับ จองกุกบ่อยมากครับ

ถ้าผมร้องแบบนี้ล่ะ? หรือแบบนี้ล่ะ? ควรฝึกมันยังไงดีล่ะ? ผมถามคําถามแบบนั้น มากมาย และฝึกซ้อมบ่อยมากเช่นกันครับ แต่ผมก็สนุกกับกระบวนการนี้นะครับ มันมีจุดนึงที่ผมรู้สึกว่า ผมเอง ก็สามารถเปล่งเสียงแบบนั้นออกมาจากลําคอของตัวเองได้ด้วยเหรอเนี่ย? แม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกใช้ในการอัดรอบ ไฟนอล ผมก็ได้พยายามทํา adlibs ที่แตกต่างกันในขณะที่ร้องเพลงในพาร์ทอื่น ๆ และแบบนั้น ผมก็ได้ค้นพบ จุดแข็งของตัวเองครับ

  • ในบทเพลงก่อน ๆ ตอนที่คุณร้องเสียงสูง คุณมีเสียงร้องที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่เอ่อล้นมากพอสมควร แต่ช่วงนี้มันเจ๋งกว่าเดิม รู้สึกอย่างไรกับการที่โวคอลของคุณมีการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกที่ แตกต่างกันออกไป? BTS เองก็พยายามที่จะให้ผู้คนมีอารมณ์ความรู้สึกที่เป็นบวกมากขึ้น ท่ามกลาง สถานการณ์การระบาดครั้งใหญ่นี้ด้วย

Jimin: มันยากที่จะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงครับ แต่ในทางอื่น ๆ เนื่องจากว่ากลุ่มพวกเราได้สัมผัสถึง ความรักที่หลั่งไหลเข้ามามากขึ้น ผมคิดว่าพวกเราควรจะถ่ายทอดออารมณ์ความรู้สึก และเนื้อหาที่ลึกซึ้งมากขึ้นหน่อยครับ โดยส่วนตัวแล้วการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ที่ผมไม่สามารถแสดงได้นั้นเป็นเรื่องยากครับ

แต่หลังจากที่ Butter ถูกปล่อยออกไป และต่อมาที่ Permission to Dance ผมเห็นว่ามีผู้คนตอบรับกับการ ที่ผมทุ่มเทอย่างมากในการพยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ อีกนิด ด้วยบทเพลงเหล่านี้ในเชิงบวกกันเป็นจํานวน มาก และผมก็ตระหนักว่า พวกเราสามารถหาด้านใหม่ ๆ ให้กับตัวเองได้ในกระบวนการนี้ครับ

  • ฉันเห็นใน ‘ARMY Corner Store’ ที่คุณ [เล่าว่าคุณ] ได้ดื่มกับเมมเบอร์คนอื่น ๆ เมื่อไม่นานมานี้และทุกเปลี่ยนไปมาก และสถานะของกลุ่มก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ ‘Dynamite ถูกปล่อยออกมาด้วยเช่นกัน

Jimin: มันไม่ใช่แค่ช่วงเวลาที่กล่าวถึงใน ‘ARMY Corner Store’ นะครับ ในขณะที่นั่งรถไปไหนมาไหน เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้รวมตัวอยู่ด้วยกัน และเมื่อเราอยู่ในกองถ่าย พวกเราก็มีการพูดคุยกันครับ ผมคิดว่าผมใช้เวลานานกว่าจะสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้ครับ ผมคิดว่าผมใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือยเลยล่ะครับ แต่ หลังจากที่พวกเราได้เผชิญหน้ากับมัน และพูดคุยกัน ผมคิดว่านั้นคือตอนที่พวกเราเริ่มชินกับ new normal และตัวตนใหม่ของเราครับ

  • ตอนที่คุณแสดง Daechwifa ที่ BTS 2021 MUSTER SOWOOZOO พาร์ทของคุณคือ “อย่าลืมนะ อย่าลืมล่ะ วันที่ผ่านมานะ อย่าลืมนะ มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ตอนนี้ BTS – ทีมที่เดบิวต์ด้วยเพลง ‘No More Dream’ กําลังอยู่ที่ยอดสูงสุดของชาร์ต Billboard Hot 100 ฉันสงสัยว่าคุณรู้สึกกับวันเวลาที่ผ่านไป อย่างไร?

Jimin: ผมเพิ่งตระหนักรู้เมื่อไม่นานมานี้เองครับ แต่ผมเคยไม่มั่นคงจริง ๆ ผมทําตัวเหมือนกับว่าตัวผมมั่นคง เวลาที่ผมอยู่กับคนอื่นอย่างเช่น [ตอนที่อยู่กับ] ครอบครัวและเพื่อน ๆ ของผม มันหมายความว่าผมต้องแสร้งทําอย่างมาก ผมเป็นห่วงคนอื่นด้วยการพูดว่า ผมสบายดีแต่คุณละสบายดีไหม? ผมพูดเหมือนว่าผมสามารถจัดการกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป มันไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.5 : ผมจึงสงสัยว่าท้ายที่สุดแล้ว เงินและความสําเร็จมันหมายถึงอะไรกันแน่?

รูปภาพ

  • อะไรทําให้คุณคิดแบบนั้นล่ะ?

Jimin: ผมยังเด็กครับ และเพราะผมทําเงินได้มากมายตั้งแต่อายุยังน้อย ผมจึงสงสัยว่าท้ายที่สุดแล้ว เงินและความสําเร็จมันหมายถึงอะไรกันแน่ เพราะผมยังเด็ก ผมได้ยินผู้คนพูดกันเยอะมาก และบางคนอาจอิจฉาหรือ ริษยาได้ครับ แต่ยังมีคนอีกมากมายที่ผมต้องตอบแทน และความสัมพันธ์มากมายที่ผมต้องยึดมัน ผมคิดว่าผม สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ แต่พอมองย้อนกลับไป มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพิ่งผ่านไม่นานนักเลยครับที่ผม ตระหนักว่าเป็นตัวผมเองนี่แหละที่บังคับให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้น

  • มันเป็นความรู้สึกของความรับผิดชอบรึเปล่า? มันทําให้ฉันนึกถึงการที่คุณเรียกตัวเองว่า “คนที่ชอบเป็นที่รัก/ ถูกรัก” ในการให้สัมภาษณ์กับทาง Weverse Magazine ครั้งที่แล้วเลย ดังนั้นฉันเลยจินตนาการว่าคุณคงจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อผู้คนในชีวิตคุณ

Jimin: ใช่ครับ ตอนนั้นผมก็แค่เป็นคนที่ดื้อดึง คือดื้อดึงอ่ะครับ (หัวเราะ) มันเป็นสถานการณ์ที่ผู้คนจะจ้องมองมาที่คุณ และพวกเขาอาจพูดว่า นายไม่สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยซ้ํา (หัวเราะ) แต่ยังคงมีหลายจุดที่ผมยังคิดแบบนั้นอยู่ครับ ตอนนี้ผมคิดว่าผมไม่จําเป็นต้องขนาดนั้นก็ได้ และเมื่อเวลาผ่านไป ผมเริ่มคิดว่า โอ้ ผมดีใจที่ตอนนี้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แล้ว ผมจะได้ปล่อยวางจากสิ่งที่ควรปล่อยไปได้ครับ

เมื่อผมไม่สามารถปล่อยวางสิ่ง ต่าง ๆ ได้ ความขุ่นเคืองใจของผมก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ความเจ็บปวดของผมก็เช่นกัน แทนที่จะยอมรับว่าผมมีความรู้สึกเหล่านั้นในเวลานั้น ผมกลับบอกว่าตัวเองมีอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ผม ยอมรับมันอย่างไม่รู้ตัว และผมก็จะเริ่มตระหนักได้ว่าผมมีเวลาที่ยากลําบากขนาดไหนเมื่อเวลาผ่านไปครับ

  • คุณได้พยายามอย่างหนัก หลังจากที่ได้ปล่อยวางความรู้สึกเหล่านั้นไป คุณรู้สึกอย่างไร?

Jimin: ในช่วงแรก ผมจะรู้สึกว่างเปล่าในบางครั้งครับ ผมรู้สึกเหมือนกับว่ากําลังปฏิเสธความคิดและความเชื่อของตัวเอง แต่ผมได้มีการเข้าไปพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่บ่อยมาก และผมก็ถามพวกท่านว่า ทราบไหมครับว่าผมเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นมาทั้งหมด? และพวกท่านก็กล่าวว่า “พวกเราไม่รู้หรอกนะว่าลูกเผชิญกับอะไรอยู่ แต่พวกเรารู้ว่ามันหนัก”

ผมก็เลยเล่าความรู้สึกให้พวกท่านฟังในที่สุดครับ และคุณพ่อคุณแม่ก็พูดคุยกับผมราวกับว่า พวกเขาเป็นไลฟ์โค้ชของผมเลยครับ หลังจากที่หลุดพ้นออกมาจากช่วงเวลานั้นมา แม้เวลาที่ผมทําในสิ่งที่คล้ายกัน ผมก็พูดได้เลยว่าใจของผมเปลี่ยนไปมาก ถ้าก่อนหน้านี้ ผมโฟกัสกับสิ่งรอบตัวมากกว่า ตอนนี้ผมก็ สามารถมีสมาธิกับตัวเองได้เช่นกันครับ คุณแม่ของผมพูดกับผมว่า มันหมายความว่าผมโตขึ้นแล้ว และในที่สุดแล้ว ผมก็เป็นผู้ใหญ่ ผมก็เลยพูดไปว่า ผมไม่อยากเป็นผู้ใหญ่เลย – มันยากเกินไปครับ (หัวเราะ)

  • ดูเหมือนว่าคุณจะลงเอยด้วยการได้ทบทวนตัวเองอย่างมากในช่วงสถานการณ์การระบาดใหญ่นะ

Jimin: ปีที่แล้วผมได้เห็นผู้คนมากมายที่มีช่วงเวลาที่ยากลําบาก และเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ทางสังคม แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มรู้สึกเหมือนกับว่าผมได้มาติดกับดัก แต่ส่วนใหญ่ผมจะโอเคขึ้นเมื่อผมทํางานครับ

  • คุณคิดว่าการทํางานมีความหมายกับคุณในทุกวันนี้อย่างไรบ้าง?

Jimin: ผมคิดว่ามันยากที่จะแยกมันออกจากตัวผมครับ ผมคือตัวผมเอง และยังมีผมอีกร่างที่ทํางานด้วย แต่มันเป็นการยากที่จะแยกทั้งสองออกจากกันครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.6 : 

รูปภาพ

  • ใน ‘ARMY Corner Store’ คุณบอกว่าคุณต้องการให้ BTS ทําได้ดีกว่านี้ ในฐานะคนที่การทํางานมีความสําคัญอย่างมาก การที่จะทําให้ดีขึ้น หมายความว่าอะไร?

Jimin: ผมคิดว่าอาร์มีก็สามารถรับรู้ทั้งหมดนี้ได้เช่นกันครับ หากพวกเราใส่อารมณ์ความรู้สึกบางอย่างลงไปในการแสดงของเรา และผมสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของผมออกไป ผมคิดว่าหากจะไม่ทั้งหมด พวกเขาก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งนั้นในระดับหนึ่งครับ มันเป็นความจริงที่ผมหวังว่าคอนเสิร์ตของเราจะยิ่งใหญ่เหมือนที่เคยเป็นมา แต่ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคนเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผมคิดว่าการแสดงและบทเพลงของพวกเราก็จะเติบโตไปพร้อมกับพวกเรา

และวิธีที่พวกเราสะท้อนให้เห็นในสิ่งเหล่านี้ก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เช่นกันครับ เมื่อมันเกิดขึ้น พวกเราคาดว่าอะไรบางอย่างจะทําให้พวกเราใกล้ชิดกับอาร์มีมากขึ้น และเราตั้งตารอการแสดงที่เราจะ สามารถแสดงให้คุณเห็นได้อย่างมากครับ ผมเชื่อว่ามันจะเป็นคอนเสิร์ตที่ดีมากแน่ ผมเฝ้ารอวันนั้นอยู่ครับ

  • เมื่อคุณพูดว่า “ทําให้ดีขึ้น” นั่นอาจหมายถึงสิ่งที่คุณทําร่วมกับอาร์มีเช่นกัน

Jimin: ใช่ครับ ผมคิดว่ามันกําลังเปลี่ยนไปทีละนิด จริงๆ นะครับ พวกเราเคยเป็นแบบนี้ นี่คือสิ่งที่เรารู้สึกนี้คือเพลงของพวกเรา นี่คือสิ่งที่พวกเรากําลังแสดง แต่เมื่อสเกลคอนเสิร์ตของพวกเราใหญ่ขึ้นและเริ่มที่จะขึ้นแสดงตามสเดเดียมต่าง ๆ ผมคิดว่าพวกเราก็เริ่มถามว่า พวกคุณคิดยังไงบ้างครับ?

ผมไม่สามารถพูดได้อย่างลึกซึ้งถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคนในคอนเสิร์ตของเราได้ แต่ผมคิดว่าพวกเรายังคงมองตากันและพูดคุยกัน แม้ว่าเราจะตะโกนใส่กันก็ตามครับ จะมีสักวันในอนาคตไหมนะที่พวกเราจะได้แบ่งปันความรู้สึกของกันและกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และพวกเราจะสามารถบอกพวกเขาได้อย่างเต็มที่ว่าเพอฟอร์แมนซ์หนะ คือสิ่งที่คุณกับผม [คือสิ่งที่] พวกเราทําร่วมกัน?

  • ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่คุณเพิ่งพูดอาจเป็นคอมเมนต์ปิดท้ายของบทสัมภาษณ์ของ BTS ทั้งหมดเลย (หัวเราะ)

Jimin: ผมมั่นใจว่าพวกเราทุกคนคิดอย่างนั้นครับ (หัวเราะ)

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> Weverse Magazine V

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี

>>>>> แทงบอล