Weverse Magazine Jin Pt.2

Weverse Magazine Jin Pt.2 BTS Be comeback interview “JIN”

Weverse Magazine Jin Pt.2 BTS Be comeback interview “JIN” 2020.11.26

Weverse Magazine Jin Pt.2 แปลบทสัมภาษณ์ของ Jin ใน Weverse Magazine ฉบับแรกของบังทัน โดยเป็นการพูดถึงการคัมแบคอัลบั้มอย่าง BE ว่าพวกเขามีการทำงานกันอย่างไร และในฐานะพี่ใหญ่ของวง และผู้ที่เข้ามามีบทบาทในการทำอัลบั้มอย่างเขา จะมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างกับเรื่องนี้

Weverse Magazine Jin Pt.2 บทสัมภาษณ์ Pt.1 : “มันเป็นความฝันรึเปล่านะ”

Weverse Magazine Jin Pt.2

  • Q: คุณได้มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลง Stay ?

Jin: เพลงเริ่มต้นด้วยท่อนที่บอกว่า “มันเป็นความฝันรึเปล่านะ” ผมก็เลยยึดธีมหลักของเพลงเป็นแบบนั้นเลยครับ พวกเราเคยได้เจอกับแฟนๆและมันก็เป็นช่วงเวลาที่เยี่ยมมากเลย แต่ตอนนี้เราทำอะไรแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว ผมว่ามันรู้สึกเหมือนกับฝัน ผมอยากพูดว่า “เราเคยมีความสุขด้วยกัน แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนกับว่าการมีอยู่ของแฟนๆเหมือนฝันไปเลยล่ะครับ” ผมได้เอาอินโทรไปลองปรึกษานัมจุนดู เขาช่วยผมมากๆๆ เลยครับ

  • Q: เดาว่าคุณเขียนเนื้อเพลงแบบนี้เพราะว่าสถานการณ์โควิด 19 ?

Jin : ประมาณสองสามเดือนที่ผมใช้เวลาเขียนเนื้อเพลงเพลงนี้น่ะครับ พอเห็นว่าสถานการณ์โควิดดูท่าจะไม่ดีขึ้นเลย ผมอยากแสดงคอนเสิร์ตแล้วอะ และก็เหมือนอย่างที่ผมบอกแหละครับ มันเหมือนกับความทรงจำระหว่างผมกับอาร์มี่เป็นเหมือนความฝัน อา..แฟนๆที่เคยอยู่ตรงนั้นกับพวกเราตลอดมา แล้วอยู่ดีๆก็หายวับไปเหลือแค่ความทรงจำ ทั้งหมดนั่นมันคือความฝันรึเปล่านะ? เราจะได้เจอกันอีกมั๊ย? อะไรประมาณนี้ครับ

  • Q: ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องยากสำหรับคุณในการปรับตัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

Jin : ครับ มันกลายเป็นส่วนนึงของชีวิตพวกเราไปเป็นปีเลยนะ เหมือนส่วนนึงของชีวิตผมหายไปเลย ตอนที่เรายังยุ่งกับตารางงาน บางครั้งผมคิดนะว่าคงจะน่าสนุกนะครับ ถ้าเราไม่ต้องทำงาน แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆ พอนานๆเข้า ไม่ว่าผมจะพยายามหาอะไรทำ แป๊บเดียวมันก็ดูไร้ความหมายสำหรับผมแล้ว

ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เวลาที่ไม่มีอะไรทำ จากคนที่เคยชินกับการทำงานยุ่งมากๆ และความรู้สึกไม่มั่นคงแบบนั้นทำให้ผมคิดมากกว่าเดิมเกี่ยวกับสิ่งที่ผมชอบ และสิ่งที่ผมควรทำเพื่อทำให้ตัวผมมีความสุขนอกเหนือจากงานน่ะครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.2 : ผมไม่ลืมช่วงเวลาที่น่าจดจำ ที่ผมได้ใช้กับคนอื่นๆ แต่ผมลืมเรื่องราวแย่ๆและช่วงเวลาที่ยากลำบากที่เกิดขึ้นในอดีต

Weverse Magazine Jin Pt.2

  • Q : คุณจะบอกว่าทั้งหมดนั่นรวมเป็นงานของคุณที่ออกมาเป็นอัลบั้ม “BE” จากรูปในอัลบั้ม เราสามารถเห็นสิ่งที่คุณอยากจะแสดงออกมาผ่านการออกแบบห้องของคุณ

Jin : ห้องของผมเป็นห้องที่เต็มไปด้วยอัญมณีครับ พวกเขาถามผมว่าผมอยากได้ห้องแบบไหน ผมเลยคิดว่าผมอยากใส่อะไรลงไป ก็จบที่ผมอยากจะใส่อัญมณีลงไป ผมจินตนาการว่าผมนอนลงไปบนที่ที่เต็มไปด้วยอัญมณีที่ล้อมรอบตัวผมครับ

แต่ว่าวี ผู้ทำหน้าที่ ผู้กำกับภาพของเรา เขาคิดว่าผมล้อเล่นครับ (หัวเราะ) “คือหมายถึง แต่งห้อง พี่หมายถึงตกแต่งห้องด้วยอัญมณีหรอครับ” แต่ก็นั่นแหละครับ นั่นคือภาพในหัวผมจริงๆ เราก็เลยทำไปตามคอนเส็ปต์นั้น เว้นแต่ว่าไม่ได้มีอัญมณีเต็มห้องอย่างที่ผมคิดเอาไว้ แต่ในรูปผมก็เด่นมากเลยนะ ผมพอใจมากเลยนะครับกับรูปที่ออกมา

  • Q: ทำไมถึงต้องเป็นอัญมณี?

Jin: อืม ตอนนั้นมันเป็นอารมณ์แบบ ทำอะไรก็ตามที่ผมอยากทำ แล้วช่วงนั้น ผมกำลังสนใจอัญมณี ผมก็เลยเลือกอัญมณี ปีนี้ด้วยโรคระบาด ผมมีเวลามากขึ้นในการคิดว่าผมอยากทำอะไรและการลองทำอะไรใหม่ๆอย่างเช่นการเล่นเปียโน เล่นเกมส์ หยุดเล่นเกมส์ การไปเจอผู้คนหลากหลาย

แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจริงๆแล้วผมชอบอะไร ผมไม่คิดว่าผมจะคิดมากกับตัวเองขนาดนี้เลยนะครับ นอกเหนือไปจากเรื่องงาน คำตอบที่ดีที่สุดที่ผมค้นพบก็คือ ทำอะไรก็ตามที่ผมรู้สึกสนใจในตอนนั้น ซื่อสัตย์กับตัวเองให้มากที่สุด ผมเป็นพวกใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลอะครับ บางคนอาจจะบอกว่าเราควรคิดถึงอนาคต แต่ผมไม่อะครับ (ขำ) ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ

  • Q: หมายความว่ายังไง ทำอะไรที่อยากทำจริงๆ?

Jin: อย่างที่บอกครับ ผมเป็นพวกประเภทที่อยู่กับปัจจุบัน ผมเลยพยายามที่จะลืมอดีต และไม่เครียดจนเกินไปกับอนาคต แน่นอนครับว่าผมไม่ลืมช่วงเวลาที่น่าจดจำ ที่ผมได้ใช้กับคนอื่นๆ แต่ผมลืมเรื่องราวแย่ๆและช่วงเวลาที่ยากลำบากที่เกิดขึ้นในอดีต ผมพอใจกับชีวิตของผมตอนนี้และมีความสุขกับการทำงานหนักนะครับ

คนเราจะมีความสุขกับเรื่องราวแล้วในอดีตซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ยังไง? ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม ผมว่าผมมีความสุขกับการเจอเงินที่ตกอยู่บนพื้นหมื่นวอนตอนนี้มากกว่าตอนที่ได้เงินล้านวอนในอดีตนะครับ ผมว่าผมมีความสุขกับการอยู่กับปัจจุบันมากกว่าที่จะมากังวลเกี่ยวกับอนาคตหรืออดีตนะครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.3 : ทุกความรู้สึกของผม ทั้งหมดทั้งมวลก็อยากขอบคุณงานของผมครับ

Weverse Magazine Jin Pt.2

  • Q:ถึงแม้ว่าคุณจะบอกว่า ทำอะไรก็ตามที่อยากทำ ไม่มีอะไรเลยหรอที่คุณต้องระมัดระวังก่อนทำในฐานะที่คุณเป็นถึงสมาชิก่งของ BTS?

Jin: มีหลายอย่างที่เราต้องทำตามกฏแหละครับ ก็เหมือนกับการที่เราไม่ขับรถผ่าไฟแดง เพราะถ้าทำก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุใช่มั๊ยครับ ก็พอรู้อยู่แล้วว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ผมก็เลยไม่เคย คิดจะพยายามทำมันไงละครับ

  • Q: เรียกได้ว่า “มีวินัยในตัวเอง” ว่างั้น?

Jin: เหมือนกันกับอย่าขับรถฝ่าไฟแดง ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอะครับ ผมยังมีความสุขกับปัจจุบันได้นะตราบใดที่ยังไม่ทำอะไรที่ผมไม่ควรทำ บางทีก็มีอึดอัดบ้างแหละครับ แต่บางครั้งมันก็มีบ้างแหละที่เราจะแอบขับรถฝ่าไฟแดง (หัวเราะ)

  • Q: เพลง “Dis-ease” พูดถึงสิ่งที่ BTS คิดต่องาน สำหรับคุณมันยากเป็นพิเศษเลยรึเปล่า ในการแยกเรื่องส่วนตัวออกจากงาน ? งานของคุณมีอิทธิพลกับชีวิตส่วนตัวของคุณหรือเปล่า?

Jin: สำหรับผม งานทำให้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิตของผม โดยธรรมชาติแล้วก็มีบ้างแหละครับที่ผมเครียดจากการทำงาน แต่งานก็ทำให้ผมมีความสุขและได้พบกับประสบการณ์ที่น่าตื้นเต้น บางครั้งก็น่าสนใจ บางครั้งก็ทำให้เหนื่อยล้า ทุกความรู้สึกของผม ทั้งหมดทั้งมวลก็อยากขอบคุณงานของผมครับ ผมเลือกใช้ชีวิตแบบนี้เพราะงานของผมครับ ผมก็แค่พูดมันออกมา

  • Q: เหมือนกันกับที่คุณทำ เมมเบอร์คนอื่นๆก็เลือกที่จะ แสดงความรู้สึกผ่านอัลบั้ม BE ในสิ่งที่พวกเขาพบเจอมา นอกเหนือจากเพลง”Stay” มีเพลงไหนอีกบ้างที่คุณมีส่วนร่วมในการทำเพลง?

Jin: ผมไม่ค่อยได้คิดนะครับว่าผมมีส่วนร่วมกับเพลงไหนบ้าง แต่ผมบอกได้นะครับว่าผมชอบเพลงไหนมากที่สุด ผมชอบเพลง “Blue & Grey” โดยวี ผมชอบตั้งครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงนี้เลย ผมฟังเดโม่เพลงนี้ซ้ำแล้วซ้ำไม่หยุดเลยละครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.4 : ทุกๆช่วงเวลามันวิเศษมาก และมันกลายมาเป็นทั้งหมดของชีวิตผม

  • Q: เวอร์ชั่นเดโม่เป็นยังไงบ้าง?

Jin: ตอนแรกที่วีทำเพลงนี้แล้วส่งให้ผมฟัง ตอนแรกเพลงนี้ยังไม่มีท่อนแรพนะครับ เพลงมันไม่เหมือนใครเลยจริงๆ เสียงดนตรีในเพลงนี้มีบางท่อนที่ทำให้รู้สึกว่า เราควรหยุดใช้เวลาเพื่อคิดทบทวนกับตัวเอง ผมชอบเพลงเวอร์ชั่นเต็มที่มีท่อนแรพแล้วเหมือนกันนะครับ แต่ผมชอบเดโม่ตอนตรงท่อนที่ทำให้เราได้หยุดคิดอะไรบางอย่าง นานแล้วนะครับที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้เวลาที่ฟังเพลงที่เป็นเดโม่ ครั้งแรกคือ “Spring Day” และครั้งที่สองก็คือ “Blue & Grey”

  • Q: ฟังดูเหมือนคุณได้เจอกับเพลงที่ใช่สำหรับคุณเวลาที่คุณอยากใช้ความคิดกับอะไรบางอย่าง?

Jin: ใช่ครับ ก่อนเดบิวต์ ผมมีเป้าหมายชัดเจนมาก ก็คือเดบิวต์เข้ามา และหลังจากที่พวกเราได้ที่หนึ่งในรายการเพลง ผมก็ฝันอยากที่จะได้รางวัลใหญ่ๆ จากนั้นก็ได้อีกหลายรางวัลตามมามากมาย อย่างบิลบอร์ด แต่การแสดงต่างๆที่พวกเราได้ทำ แต่มันก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ผมวางไว้เหมือนกับตอนที่ผมเดบิวต์ ผมแค่มีความสุขที่ได้ทำงาน ทุกๆช่วงเวลามันวิเศษมาก และมันกลายมาเป็นทั้งหมดของชีวิตผม

ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผมรู้สึกเมื่อตอนที่เป็นเด็กฝึกเพราะเป้าหมายตอนนั้นค่อนข้างซีเรียสน่ะครับ แต่ตอนนี้เป้าหมายของผมแค่การใช้ชีวิตโดยที่ไม่คิดมากจนเกินไปไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม บางทีนั่นอาจจะไม่ใช่เป้าหมายแต่เป็นกลไกในการป้องกันตัวเองมากกว่าครับ

  • Q: กลไกในการป้องกันตัวเอง ?

Jin: ถ้าคุณคิดมาก บางครั้งนั่นก็เป็นบ่อนทำลายตัวคุณเอง การทำงานหนักง่ายกว่าการไม่คิดมากอีกนะครับ บางทีน่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นกลไกการป้องกันตัวเอง เพราะถ้าผมหยุดเมื่อไหร่แล้วเริ่มคิดมาก ผมว่าน่าจะมีหลายวิธีเลยที่ผมจะดึงตัวเองให้รู้สึกแย่ลง

บทสัมภาษณ์ Pt.5 : ผมเริ่มคิดแล้วนะครับว่าจริงๆผมสมควรได้รับอะไรพวกนี้รึเปล่า

รูปภาพ

  • Q: แต่ถ้าจินตนาการถึงคนอื่นๆที่ประสบความสำเร็จเหมือนกันกับคุณ ไม่คิดว่าหรอพวกเขาจะรู้สึกว่าพวกเขามันสมควรแล้วที่พวกเขารู้สึกภูมิใจไปกับมัน

Jin: นั่นถูกต้องครับ ในฐานะสมาชิกของบีทีเอส ลำพังตัวผมคนเดียวพอคิดถึงว่าผมได้ทำอะไรบ้างผมกลับรู้สึกว่ามันหนักไปรึเปล่านะ จนกระทั่งเราทำอัลบั้ม Map of the Soul: 7ผมไม่ได้รู้สึกแย่เท่าไหร่แต่กลับเป็น “โอเค พวกเราทำมันออกมาได้เยี่ยมมาก ผมมีความสุขกับมันนะ” แต่หลังจากที่เพลง “Dynamite” ขึ้นอันดับสูงสุดของชาร์ตบิลบอร์ด100 เหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่ ผมเริ่มคิดแล้วนะครับว่าจริงๆผมสมควรได้รับอะไรพวกนี้รึเปล่า

  • Q:แต่คุณก็เคยประสบความสำเร็จมากมายมาก่อนหน้านี้แล้ว อะไรที่ทำให้คุณคิดแบบนี้?

Jin: ตอนนั้นที่ผมรอว่าเพลงของพวกเราอยู่อันดับที่เท่าไหร่ของชาร์ต แล้วก่อนที่ผมจะเข้านอน นัมจุนส่งข้อความเข้ามาในกรุ๊ปของพวกเราว่าเพลงของเราอยู่อันดับที่หนึ่ง! ผมดีใจมากแต่กลับกันก็มีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกแตกต่างออกไป บางทีอาจจะเพราะเราพบกับแฟนๆของพวกเราไม่ได้หลังจากที่ปล่อยเพลง “Dynamite” เพลงที่ทำให้พวกเรายิ่งได้รับความรักจากผู้คนมากขึ้นไปอีก มากขนาดที่ถ้าผมเดินอยู่บนถนน ก็มีคนบอกผมว่า “ฉันเป็นแฟนเพลงตัวยงของคุณเลยนะ”

หรือ “ขอบคุณมากๆเลยนะที่ทำให้ทั่วโลกรู้จักเกาหลี” จากนั้นผมก็เริ่มคิดนะว่า จริงๆผมสมควรได้รับความรักที่มากมายขนาดนี้เลยหรอ มันควรเป็นผมจริงๆหรอ ผมหยุดคิดไปได้บ้าง แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผมกดดันกับเรื่องนี้มากๆจนผมทำงานไม่ได้เลยละครับ

  • Q: แล้วคุณจัดการกับความกดดันพวกนี้ยังไง?

Jin: ผมก็แค่ก้าวต่อไปข้างหน้าครับ เหมือนกับโควิด 19 แหละครับ เราทำได้แค่รอให้อะไรๆมันดีขึ้น และหลังจากที่ “Dynamite” ได้อันดับหนึ่ง พวกเรายุ่งกับงานมากครับก็เลยทำให้ผมไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่นๆ ซึ่งมันก็ช่วยผมได้เยอะเลยนะครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.6 : ผมอยากจะทำให้ดีที่สุดต่อหน้าแฟนๆครับไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

รูปภาพ

  • Q: ถ้าตอนนี้มีแฟนๆอยู่เคียงข้างคุณ คุณอาจจะรู้สึกดันหรือกังวลน้อยลง นี่อาจจะทำให้คุณคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันยังไม่ดีพอหรือเปล่าถ้าเปรียบเทียบกับที่ผ่านมา

Jin: พวกเราทำงานกันหนักมากเลยครับ แต่ผลก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เคยเป็นใช่มั๊ยละครับ ความตื่นเต้นหรอ ก็อาจจะใช่นะครับ มันต่างกันมากนะครับระหว่างการแสดงต่อหน้าผู้คนกับการแสดงต่อหน้ากล้องนะครับ แน่นอนว่าการแสดงก็ยากอยู่แล้วด้วย ผมต้องทำอยู่แบบนั้นเป็นเดือนๆ แต่ถ้าได้แสดงต่อหน้าผู้ชม ผมจะรู้สึกมีชีวิตชีวาครับ

  • Q:ถ้าเกิดคุณได้มีอากาสแสดงเพลง “Dynamite” บนเวทีต่อหน้าแฟนๆ คุณน่าจะสัมผัสได้ถึงความรักที่ได้รับจากแฟนๆ และนั่นคงทำให้คุณมีมั่นใจมากกว่าเดิมอีกแน่ๆ

Jin: ผมอยากจะทำให้ดีที่สุดต่อหน้าแฟนๆครับไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่ามันสนุกกว่าอยู่แล้วถ้ามีพวกเขาอยู่ตรงหน้า อยู่กับพวกเราผมไม่คิดถึงอย่างอื่นเลยครับเวลาที่พวกเขาอยู่กับเรา และถึงสำหรับผู้คนที่ไม่ได้ทำการแสดงแบบที่พวกเราทำ

เวลาที่เขารู้สึกสนุกไปกับการทำมัน เขาคงไม่คิดถึงอย่างอื่นและตั้งใจโฟกัสในสิ่งที่พวกเขาทำเท่านั้นแหละครับ ไม่ต่างกับพวกเรา ตอนที่อยู่ต่อหน้าแฟนๆครับ ผมไม่คิดถึงอย่างอื่นเลยนะ เพราะว่าแฟนๆของผมอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมก็แค่สนุกไปกับมันและลืมเรื่องอื่นๆโยนทิ้งไปหมดเลย

  • Q: หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติและคุณได้เจอกับแฟนๆของคุณอีกครั้ง

Jin: ตอนแรกผมคิดว่าผมต้องน้ำตาไหลเพราะมีความสุขแน่เลย แต่ผมจะเป็นแบบนั้นหรอ เออก็ไม่น่านะ ทั้งๆที่ตอนผมคิดว่าผมก็อาจจะเป็นแบบนั้นนะ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าน่าจะรู้สึกเหมือนว่าผมได้กลับบ้านมากกว่า ขึ้นอยู่กับว่าถามใครนะครับ แต่ผมไม่คิดว่าทุกคนจะร้องไห้ดีใจเพราะได้กลับบ้านหรอกใช่มั๊ยครับ ที่ผมคิดก็คือผมแค่ได้กลับไปในที่ๆผมควรอยู่ แค่นั้นเองครับ

  • Q: การได้พูดคุยกับคุณทำให้สัมผัสว่า ในแง่ของความรู้สึกการได้รับความรักจากแฟนๆเป็นเรื่องสำคัญของคุณเลย

Jin: ถูกต้องเลยละครับ ความสุขของผมคือการได้รับความรักจากแฟนๆ ผมเปรียบเทียบกับอะไรดีล่ะ? เหมือนกับเด็กๆที่ได้รับความรักมากมายจากคุณพ่อคุณแม่แหละครับ แต่ถ้าอยู่ดีๆพ่อแม่ก็ต้องไปทำงานเป็นสิบเดือน ก็รู้สึกโหวงๆ แบบนั้นแหละครับ เหมือนที่ผมพยายามทำท่าน่ารักๆ ทำให้แฟนๆของผมยิ้มได้ ทำให้พวกเขารู้สึกดี

พอเปรียบเทียบกับการที่พ่อแม่ต้องไปทำงานไกลๆก็เหมือนกับไอที่ทำน่ารักๆนั่น ก็ต้องทำผ่านวิดีโอคอล มันเหมือนแบบ น้า… ทำงานให้เสร็จเร็วๆแล้วกลับบ้านมาได้มั๊ยยย.. ถ้ากลับมาจะทำท่าน่ารักๆให้ดูอีกเยอะๆเลยนะ และอีกอย่าง ถึงโควิด 19 นายหายไปได้แล้วนะ ! (หัวเราะ)

รูปภาพ

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> Weverse Magazine SUGA Pt.2

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เกมออนไลน์

>>>>> แทงบอลออนไลน์