Weverse Magazine JK Pt.2

Weverse Magazine JK Pt.2 BTS BE comeback interview “Jungkook”

Weverse Magazine JK Pt.2 BTS BE comeback interview “Jungkook” 2020.11.27

Weverse Magazine JK Pt.2 แปลบทสัมภาษณ์ของ Jungkook ใน Weverse Magazine ฉบับแรกของบังทัน โดยเป็นการพูดถึงการคัมแบคอัลบั้มอย่าง BE ว่าพวกเขามีการทำงานกันอย่างไร และในฐานะที่เขาเป็นน้องเล็กของวง และการมีส่วนร่วมของเขาในฐานะตากล้องและผู้กำกับ MV ของอัลบั้มครั้งนี้ จะมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างกับเรื่องนี้

Weverse Magazine JK Pt.2 บทสัมภาษณ์ Pt.1 : แต่ผมก็อยากโชว์ว่าพวกเขารู้สึกยังไง อยากถ่ายทอดให้รู้ว่าพวกเราเข้าใจ พวกเราก็เจอเรื่องเดียวกันอยู่น่ะครับ

Weverse Magazine JK Pt.2

  • Q: คุณกำกับมิวสิควิดีโอเพลง Life goes on ที่เป็นเพลงไตเติ้ลของอัลบั้ม BE ด้วย?

JK: ผมอยากกำกับมิวสิควิดีโอตั้งแต่ขั้นตอนแรกเลยครับ ผมตั้งใจเอาไว้ว่าจะเอาเรื่องเค้าโครงเรื่องย่อไปปรึกษากับผู้กำกับที่ผมทำงานด้วย จากนั้นก็ถ่ายทำแล้วร่วมตัดต่อด้วยครับ แต่ว่าเรามีเวลาค่อนข้างน้อยครับ ตอนนั้นทั้งทำงานไปด้วยและเสนอไอเดียให้ผู้กำกับไปด้วย ในตอนแรกมีหลายฉากเลยครับที่จะต้องให้เมมเบอร์ลิปซิงค์

ก็มีถ่ายบ้างนะครับแต่เราเพิ่มฉากอื่นๆ ที่คิดว่าเมมเบอร์ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีกว่า มันไม่ง่ายเลยครับที่จะเอาทั้งหมดมารวมกัน แต่อย่างน้อยผมก็ได้รู้แล้วครับว่าในการถ่ายทำมิวสิควิดีโอ จะต้องมีอะไรบ้าง

  • Q: คุณเคยถ่าย Golden closet film และอัพโหลดลง Youtube ส่วนตอนนี้คุณได้มีส่วนร่วมในการถ่ายทำมิวสิควิดีโอ

JK: ตอนนั้นเราอยู่ที่สถานที่ถ่ายทำและมีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้วครับ ผมแค่ถ่ายแคนดิดของเมมเบอร์ สถานที่ถ่ายทำสวยงามมากครับ พอเมมเบอร์บอกให้ผมถ่ายให้พวกเขา ถ่ายทอดในสิ่งที่พวกเขาอยากจะแสดงออกมาหน่อย ผมก็เลยทำครับ

  • Q: สำหรับตัวคุณเองคุณถ่ายภาพแบบไหน

JK: ผมเหรอ ก็ตอนอยู่กับเมมเบอร์ครับ (หัวเราะ) ผมไม่ได้อยู่ใน GCF เท่าไหร่เหมือนกันกันครับ เหมือนอยู่เบื้องหลังมากกว่า ผู้กำกับต้องเป็นคนถ่ายผมตอนที่ถ่ายมิวสิควิดีโอครับ เพราะผมถ่ายตัวเองไม่ได้ ก็เลยรู้สึกผ่อนคลายนิดนึง

ผมพยายามถ่ายให้เมมเบอร์ทุกคนออกมาดูดี เพราะถือว่าเป็นมิวสิควิดีโอของ BTS ไม่ใช่ของผม ผมอยากจะโชว์ให้เห็นทุกมุมของทุกคน ของทีมไม่ใช่แค่ความคิดของผมคนเดียว แต่ละคนที่ดูก็อาจจะรู้สึกแตกต่างกันไปก็จริง แต่ผมก็อยากโชว์ว่าพวกเขารู้สึกยังไง อยากถ่ายทอดให้รู้ว่าพวกเราเข้าใจ พวกเราก็เจอเรื่องเดียวกันอยู่น่ะครับ

  • Q: คุณถ่ายภาพเอาไว้เยอะเลย แต่ดูคุณไม่ค่อยเลือกรูปที่มีคุณอยู่ในนั้นเลย

JK: ผมไม่ค่อยชอบรุปที่ติดผมเท่าไหร่อะครับ (หัวเราะ) แล้วปกติเนี่ยผมก็อยู่กับคนอื่นๆเวลาที่เราถ่ายทำ ยากนะครับ ถือกล้องถ่ายเซลฟี่ด้วย ผมเลยเลือกที่จะถ่ายเมมเบอร์แทนตลอดเวลาที่ผมมีโอกาส

  • Q: ยังคิดว่าการถ่ายภาพยากอยู่มั้ย?

JK: ผมทำเต็มที่ครับ ในสิ่งที่ผมรับผิดชอบอย่างโฟโต้บุ๊ค แต่ว่ามันก็ยังไม่ง่ายนะครับ วิดีโอนี่โอเคนะ แม้ว่าผมจะไม่ประหม่าตอนอยุ่ต่อหน้าคนเป็นหมื่นๆ แต่ถ้าต่อหน้าคนน้อยๆ ผมประหม่ามากๆ ครับ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้นบนเวทีเลยนะ บางทีที่รู้สึกว่ายากถ้าอาจจะเพราะอึดอัดมั้งครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.2 : แต่พอได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้นี่สำหรับผมคือท้าทายแล้วครับ 

Weverse Magazine JK Pt.2

  • Q: เหมือนคุณมีเส้นแบ่งชัดเจนระหว่างงานที่คุณสนุกไปกับมันและงานที่คุณรู้สึกว่ายากสำหรับคุณ

JK: งานที่เกี่ยวกับดนตรี การทำเพลง เขียนเนื้อเพลงเข้าห้องอัด ถ่ายเอ็มวี อะไรพวกนี้ ได้หมดครับ แต่พอได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้นี่สำหรับผมคือท้าทายแล้วครับ

  • Q: ในอัลบั้ม BE เมมเบอร์แต่ละคน ถ่ายทอดความในใจที่มีต่อการทำงานลงในเพลง Dis-ease คุณเองก็คงจะผ่านประสบการณ์ที่ทั้งสนุกและยากลำบากในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา คุณผ่านช่วงเวลายากลำบากพวกนั้นได้อย่างไร

JK: ผมเป็นคนที่ค่อนข้างเข้าใจปัญหาของตัวเองดีครับ ตลอดเวลาผมเลยค่อนข้างโอเค ผมมักจะแก้ไขปัญหาด้วยประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาแทนที่จะนั่งมองหาคำตอบของปัญหาครับ ผมโตขึ้นเรื่อยๆ ตัวผมเองก็เปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมรอบๆตัวผมในตอนนั้น ผมคิดว่าผมผ่านสิ่งที่ยากลำบากได้จากการค่อยๆเรียนรู้จากประสบการณ์ครับ

  • Q: คำพูดที่อยู่ใน Skit นี่น่าจดจำมากๆ คุณอัดมันหลังจากวันที่ Dynamite ขึ้นสู่อันดับหนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ด และคุณพูดถึงว่าคุณทำอะไรมาก่อนที่จะมาเป็นเด็กฝึก ก่อนจะเดบิวต์ พูดถึงครั้งแรกของการได้ที่หนึ่งในชาร์ต บิลบอร์ด 100

JK: ตอนที่ผมเป็นเด็กฝึก ผมเห็นพี่ๆแรพแล้วรู้สึกว่า “ว้าว มันเท่มาก!!” แต่พอได้อยู่ด้วยกันทุกวัน ผมลืมที่พูดไปหมดละครับ (หัวเราะ) ผมเห็นเนื้อเพลงที่พวกเขาเขียน เห็นเวลาที่พวกเขาเต้น เวลาที่อยู่บนเวทีแล้วคิดว่า “นี่คือสิ่งที่พวกเขาเป็นสินะ ต่างจากตอนนั้นมากเลย”

มันเหมือนกับเวลาที่อยู่ด้วยกันกับครอบครัวก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก แต่ถ้าผมไม่ได้เจอหน้าพวกเขานานๆเข้า ผมก็คิดถึงนะครับ อาจจะร้องไห้เลยด้วย พวกเราเป็นเหมือนครอบครัว แบบครอบครัวจริงๆเลยครับ (หัวเราะ)

  • Q: ครอบครัวจริงๆของคุณเลยนะ (หัวเราะ) แต่ละคนมีเพลงของตัวเองใน BE และมีการแบ่งยูนิตกันร้องด้วย อะไรที่ทำให้ทำอัลบั้มออกมาแบบนั้น ?

JK: พวกเราคุยกับทางค่ายเรื่องทิศทางของอัลบั้มและคุยเรื่องไอเดียของพวกเราด้วยกันในขั้นตอนการทำงานเพลง จากนั้นก็นั่งฟังเพลงด้วยกัน ถ้าเกิดเพลงมันออกมายังไม่ถูกใจ เราก็จะย้อนกลับไปปรับใหม่ เมมเบอร์พูดขึ้นมาว่า”เฮ้ ลองทำเพลงยูนิตมั๊ยครั้งนี้?” หรือ “มันควรเป็นแบบนี้หรือเปล่า ?” แล้วก็แชร์ไอเดียด้วยกันครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.3 : เพราะ โควิด-19 พวกเราต้องเข้มแข็งไว้ และถ่ายทอด ส่งข้อความไปให้แฟนๆให้ได้ครับ

  • Q: เมมเบอร์คิดยังไงกับเพลง Stay ของคุณ

JK: จริงๆตอนแรกเพลงนี้จะต้องอยู่ในมิกซ์เทปของผมครับ ตอนแรกตั้งใจจะใส่เพลงอื่น แต่พอวีได้ฟัง เขาบอกว่า “เพลงที่จองกุกเขียนมันดีมาก” จากนั้นทุกคนก็ได้ฟังและเห็นตรงกันว่ามันดีกว่าอีกเพลงนึงน่ะครับ Stay ก็เลยได้มาอยู่ในอัลบั้มนี้ครับ (หัวเราะ)

จริงๆ อีกเพลงนึงก็ตั้งใจสื่อความหมายคล้ายๆกันนะครับ ก็คือ “ถึงแม้ว่าเราจะไกลจากกัน แต่จริงๆก็เหมือนเราอยู่ด้วยกัน” ผมเขียนเพลงจากธีมเดียวกันครับ เลยดีใจที่เพลงนี้ได้อยู่ในอัลบั้ม ตอนแรกผมอยากจะพูดถึงว่า เราจะอยู่ด้วยกันเสมอโดยตั้งชื่อเพลงโดยใช้คำภาษาอังกฤษว่า “Wherever”

ผมอยากจะสื่อว่า เราจะอยู่ด้วยกันเสมอไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่พอพี่นัมจุนได้ยินเขาแนะนำผมว่า ให้ตั้งชื่อเพลงว่า Stay น่าจะดีกว่า ผมชอบคำแนะนำนี้ครับก็เลยเปลี่ยนตาม พี่เขาช่วยผมจัดการกับความคิดตัวเองเยอะเลยครับ เพราะผมไม่เก่งในการเขียนถ่ายทอดความรู้สึกตัวเองออกมา

  • Q: เนื้อเพลงฟังดูเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะเศร้า แต่ทำนองกลับเป็น EDM

JK: ผมคิดถึงตอนที่จะได้แสดงเพลงนี้ต่อหน้าแฟนๆ สนุกไปด้วยกัน โดดไปด้วยกันครับ

  • Q: ฟังดูเหมือนกับคุณคิดถึงแฟนๆของคุณมากเลยนะ

JK: อัลบั้มนี้มันโดนพวกเราเต็มๆเลยครับ ในแง่มุมที่แตกต่างกันไป กับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ถึงโลกเรามันหยุดชะงักเพราะ โควิด-19 พวกเราต้องเข้มแข็งไว้ และถ่ายทอด ส่งข้อความไปให้แฟนๆให้ได้ครับ

  • Q: ถ้ากลับมาเจอกับแฟนๆอีกครั้ง แฟนๆจะได้เห็นอะไรจากคุณ

JK: ก็ไม่มีอะไรเจาะจงนะครับ แต่ว่าตอนที่ผมดูโชว์เก่าๆ สีหน้าของผมมันดูเลิ่กลั่ก และท่าเต้นของผมก็ยังไม่เพอร์เฟ็คเท่าไหร่ ผมพยายามพัฒนาตัวเองอยู่ครับ ก็หวังว่าเมื่อแฟนๆได้เจอผมอีกครั้ง แฟนๆ จะเห็นว่าการแสดงของผมมันยอดเยี่ยม และเปล่งประกายบนเวทีครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.3 : พอรู้สึกผ่อนคลาย ก็เหมือนกับมีเสียง “ป็อบ”กับ ”บู้ม” ในหัวผมเลยครับ 

  • Q: คุณพึงพอใจกับกับการแสดงล่าสุดที่คุณทำมั๊ย?

JK: ก็ยังไม่ 100% นะครับ อย่างในตอนที่แสดง Dynamite ล่าสุดผมก็ยังเห็นข้อผิดพลาดของผมอยู่เลย

  • Q: การแสดงของคุณในท่อนอินโทรของ Dynamite น่าประทับใจมาก เพราะถึงแม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์โควิด คุณก็ยังสามารถคงความมีชีวิตชีวาและยังดูเท่อยู่ ราวกับเป็นการอธิบายว่าเพลงนี้จะสื่ออะไร

JK: ในวันแรกของการถ่ายทำเอ็มวี ต้องถ่ายส่วนของผมเป็นคนแรก แต่ผมทำออกมาได้แย่มากจนเค้าเอาไปถ่ายคนสุดท้าย เลยรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นตอนที่ต้องถ่ายจริงๆ ก็เลยทำได้ครับ

  • Q: พอผ่อนคลายก็ทำออกมาได้แบบนั้นเลย (หัวเราะ)

JK: ใช่ครับ พอรู้สึกผ่อนคลาย ก็เหมือนกับมีเสียง “ป็อบ”กับ ”บู้ม” ในหัวผมเลยครับ แล้วก็ทำได้อย่างที่ผมต้องการเลยครับ (หัวเราะ)

  • Q: น่าแปลกใจเหมือนกัน ที่คนที่สามารถแสดงต่อหน้าคนมากมายในสเตเดี้ยมทัวร์ กลับรู้สึกประหม่าในขณะที่ถ่ายเอ็มวีแต่สุดท้ายก็ทำออกมาได้ดี

JK: ผมค่อนข้างขี้อายนำครับ อย่างถ้ามีคนมาขอให้ผมร้องเพลง บางทีก็ทำไม่ได้นะครับ แบบต่อหน้าผู้ใหญ่ หรือคุณครู ถ้าผมเริ่มคิดละว่า “โอยย ผมทำไม่ได้” จากนั้นก็คือจบที่ทำไม่ได้จริงๆครับ ถึงแม้ว่าผมอาจจะทำมันได้ดีมั้งนะ

  • Q: ทำไมถึงคิดแบบนั้น

JK: ผมคิดแบบนี้เหมือนกันทั้งเต้นและร้องเลยครับ ส่วนเพลงก็ทำได้แต่ก็ไม่ได้ออกมาดีขนาดนั้นเหมือนกัน ผมรุ้สึกว่าตัวผมอยู่ครึ่งๆกลางๆน่ะครับ หลังจากนั้นก็คิดว่าจริงๆผมก็มีแนวทางของผมนะ ก็ค่อยๆเปิดเผยตัวตนออกมามากขึ้น ทีละนิดๆและทำให้พวกเขารู้ว่าผมเป็นคนแบบไหน อะไรประมาณนั้นแหละครับ (หัวเราะ)

Weverse Magazine JK Pt.2 บทสัมภาษณ์ Pt.4 : ผมไม่ค่อยสนใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้วครับ ผมคิดถึงแค่ตอนนี้ผมต้องการอะไร

  • Q: แต่ว่าตอนที่คุณดูการแสดงของตัวเอง คุณก็เจอว่าตัวคุณเองมีการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่หรอ ?

JK: มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเลยครับ เสียงผมเปลี่ยนไปเยอะมาก ผมสูงขึ้นนิดนึง และโครงหน้าผมก็เปลี่ยนไปด้วย ผมรู้สึกอึดอัดมากตอนแรกแต่พอซักพักก็คิดว่า “การเคลื่อนไหวท่าทางของผมดีขึ้นนะ แต่รู้สึกว่ามันแข็งไปหน่อย”

หลังจากนั้นก็คิดอีกว่า “เต้นโอเคแล้วนะ แต่ทำไมผมทำหน้าแปลกๆ” จากนั้นก็เป็น “อะ ตอนนี้สีหน้าดีแล้วแต่ อืมม.. ท่าที่ผมมันยังไม่ปัง” (หัวเราะ) นี่คือสิ่งที่ผมค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิด แต่ว่าการกระทำ ความคิด ความฝัน เป้าหมายของผม ที่ผมให้คุณค่ากับมัน สิ่งที่ผมอยากทำ ทั้งหมดนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ครับ

  • Q: ตัวคุณเองมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในอัลบั้ม BE เหมือนกัน อย่างในเพลง Life goes on คุณร้องเหมือนเป็นเสียงเบาๆคลอไปกับเพลง เหมือนคุณปล่อยให้เสียงของคุณไหลไปเรื่อยๆ

JK: ใช่ครับ มันสำคัญมากเลย ผมคิดว่า น้ำเสียงของผมควรสอดประสานไปกับเพลง มากกว่าที่จะทำให้เสียงโดดออกมา เนื้อเพลงบอกว่า เหมือนโลกหยุดหมุน แต่เราไม่ควรเศร้า และชีวิตต้องก้าวต่อไป ผมอยากจะใส่แนวทางของผมเองให้ดูซับซ้อนขึ้น เป็นความเศร้าที่ดูลึกซึ้ง

ผมฟังส่วนของเมมเบอร์คนอื่นๆที่อัด และคิดตามว่าควรร้องแบบไหนให้เสียงของผมเข้ากับทุกคนเป็นอย่างดี ผมเปลี่ยนเทคนิคการร้องไปเรื่อยๆเพื่อหาจุดที่ดีที่สุด ผมลองเทคนิคหลายอย่างในช่วงอัดเพลง ขึ้นแสดง และตอนฝึกซ้อมเลยครับ

  • Q: พอคุณมองย้อนกลับไปไม่คิดบ้างหรอว่า คุณประสบความสำเร็จมากแล้วนะ?

JK: ผมไม่ค่อยสนใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้วครับ ผมคิดถึงแค่ตอนนี้ผมต้องการอะไร เลยไม่ค่อยคิดว่า “ผมทำดีกว่าครั้งที่ผ่านมาอีกนะ” หรือ “เมื่อกี้ผมทำได้ดีนะ”

  • Q: คุณฟังดูเหมือนไม่รู้จักพอ แต่ในทางที่ดีนะ

JK: ใช่ครับ นี่เป็นวิถีของผม และผมก็ไม่อยากให้ความรู้สึกแบบนี้มันหายไปด้วย

บทสัมภาษณ์ Pt.5 : ผมอยากถูกชื่นชมในฐานะ จองกุก ตัวตนจริงๆ ของผม

  • Q: คุณประสบความสำเร็จมากในฐานะ BTS อะไรที่ทำให้คุณยังอยากที่จะพัฒนาและทำงานมากขึ้นไปอีก?

JK: ผมอยากให้คนเห็นว่าผมเป็นใคร วิธีที่ผมพูด ที่ผมแสดง วิธีที่ผมร้อง จากนั้น ผมอยากเรียนรู้ในสิ่งที่ผมอยากทำ และเพื่อมอบให้กับผู้คนที่เห็นความพิเศษในตัวผม ผมอยากจะทำมันไปทีละขั้น ผมอยากถูกชื่นชมในฐานะ จองกุก ตัวตนจริงๆ ของผม

  • Q: คุณคิดว่าอะไรที่ทำให้คุณยังมีแรงใจในการพัฒนาตัวเองแม้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จมากๆแล้วในฐานะ BTS?0

JK: ผมว่าเพราะหัวใจผมบอกให้ทำครับ BTS ไต่มาถึงจุดนี้ได้ต้องขอบคุณเมมเบอร์ ค่ายและแฟนๆของพวกเรา แต่ผมมีคำถามตลอดเลยว่า ผมควรได้รับคำชื่นชมเหล่านี้ด้วยตัวผมเองรึเปล่า ผมเลยมีความรู้สึกที่อยากจะท้าทายตัวเองด้วยการทำอะไรเอง มีหลายอย่างเลยครับที่ผมอยากจะลองทำ และทำให้สำเร็จ

  • Q: การพัฒนาตัวของคุณ คุณได้คิดไว้หรือเปล่าว่าจริงๆคุณอยากเป็นแบบไหน

JK: ผมอยากเป็นคนที่สุดยอดในสายงานที่ทำครับ (หัวเราะ) คนแบบนั้นดูเท่มากแม้ว่าในเวลาที่เขาหลายอย่างที่แตกต่างกันไป สำหรับผมยังอีกยาวไกลครับ ผมว่าผมยังเพิ่มสเน่ห์และดึงดูดผู้ชมได้มากขึ้นจากการพัฒนาตัวเองครับ

ผมพยายามเพิ่มความมั่นใจในการร้อง และวิธีในการเต้นของผมขณะแสดง BTS มีความหมายและสำคัญกับผมมากกว่าตัวผมเองด้วยซ้ำ ผมจะไม่พูดว่าผมอยากทำอะไรคนเดียว แต่ผมหวังว่าจะมีวันนึงที่ผมสามารถสามแสดงสี่ชัวโมงต่อหน้าผู้ชมเต็มฮอลล์ได้

  • Q: ชัดเจนเลยว่า งานของคุณ ดนตรี สำคัญต่อตัวคุณมาก

JK: ผมจะไม่ปล่อยให้สิ่งนี้หายไปครับ นี่คือสิ่งที่ผมคิดมาตลอด ผมพยายามรักษาเอาไว้ แม้ว่าผมจะเบื่อ จะไม่อยากฟัง รู้สึกว่ามันยุ่งยาก ผมก็จะทำเพลงต่อไป เส้นทางยังอีกยาวไกลครับที่ผมอยากจะพิสูจน์ตัวเองในเรื่องดนตรี

บทสัมภาษณ์ Pt.6 : ทางที่ดีที่สุดที่เราพอจะทำได้เพื่อตอบแทนพวกเขาคือการสร้างผลงานดีๆ และการแสดงโชว์ที่ยอดเยี่ยมครับ

  • Q: คุณเคยบอกว่า MBTI ของคุณคือ ISFP แม้ว่า MBTI จะไม่สามารถบ่งบอกคนๆนั้นได้ทั้งหมด แต่เขากล่าวไว้ว่า คนจำพวก ISFP เปรียบดั่ง “ศิลปินที่มีความใคร่รู้” คำตอบของคุณทำให้ฉันคิดถึงประโยคนี้

JK: จะว่าไปก็ถูกนะครับ ผมลองอ่านลักษณะของคน ISFP ดูเหมือนกัน ผมว่ามันน่าสนใจนะครับ (หัวเราะ)

*** *MBTI คือ ตัวชี้วัดรูปแบบบุคลิกภาพที่ติดตัวมาแต่กำเนิด โดย Myers และ Briggs พัฒนาจากทฤษฎี “Personality Type” จากนักจิตวิทยา ชาวสวิตเซอร์แลนด์ Carl G. Jung (1875-1961)

  • Q: บางทีนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่คุณตั้งเป้าหมายไว้สูง คุณตั้งมาตรฐานของตัวเองไว้สูงและอยากที่จะเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ

JK: เหมือนยอดเขาที่เต็มไปด้วยหมอกน่ะครับ (หัวเราะ) ผมยังมองไม่เห็นอะไรเลย

  • Q: ในเมื่อคุณปีนเขาลูกนั้นมาเจ็ดปี มีอะไรที่อยากจะฝากถึงคนที่กำลังเฝ้ามองดูคุณอยู่ในตอนนี้ไหม?

JK: อืมมมม..พวกเรามีกันอยู่เจ็ดคน เราทั้งเจ็ดก็ยังวิ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ แน่นอนว่าบางครั้งเราก็เหนื่อย และอยากจะหยุดใช่มั๊ยครับ แต่ถ้ามีคนมาวิ่งไปพร้อมๆกับพวกเราวิ่งไปด้วยกัน เราต่างคอยซัพพอร์ตกันและกัน ดึงกันเวลาที่มีใครเหนื่อยจนทรุดลงไป นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกนะครับ ผู้คนมากมายที่สนับสนุนพวกเราตั้งแต่เริ่มต้น คอยดูพวกเรามาตั้งแต่ตอนนั้น และเพราะพวกเขาเรามีแฟนๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งหมดนี้ ยังทำให้เราอยู่ในเส้นทางที่เราเดิน อย่างเดียวเลยที่ผมอยากจะพูดคือ ขอบคุณนะครับ พวกเราไม่ได้พิเศษอะไรเลย จริงๆนะ (หัวเราะ) แต่พวกเขาก็ยังชื่นชอบในตัวพวกเราและคอยสนับสนุนกันมาตลอด ทางที่ดีที่สุดที่เราพอจะทำได้เพื่อตอบแทนพวกเขาคือการสร้างผลงานดีๆ และการแสดงโชว์ที่ยอดเยี่ยมครับ พวกเขาทำให้พวกเรายอมทำงานหนักแม้ว่างานนั้นจะยากลำบากแค่ไหน (หัวเราะ) ขอบคุณจากใจตลอดไปเลยครับ

  • Q:เหมือนกับท่อนสุดท้ายในเพลง Stay

JK : ครับ เราอยู่ด้วยกัน เรามีกันและกันครับ

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> ปัจจัยความสำเร็จของ BTS

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี

>>>>> UFABET