Weverse Magazine SUGA

Weverse Magazine SUGA แปลบทสัมภาษณ์ของชูก้า BTS ในนิตยสารปี 2021

Weverse Magazine SUGA : “นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมรู้วิธีการทํามันจริง ๆ ครับ”

Weverse Magazine SUGA ในรายการ You Quiz on the Block ทางช่อง tvN ชูก้าได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ จากช่วงก่อนการเดบิวต์ของเขา ช่วงเวลาในชีวิตของเขา เมื่อเขาต้องดิ้นรนกับการใช้ชีวิต [หาอาหารหรือรายได้] จากดนตรีของตัวเอง ชูก้ากับ BTS เดินหน้าต่อมาเรื่อย ๆ มา 8 ปีแล้ว และตอนนี้เขาก็อยู่ในพื้นที่ที่ตั้งมั่นของพวกเขา ที่ซึ่งเขาสามารถทําทุกอย่างด้านดนตรีอย่างที่ต้องการได้ สิ่งที่เริ่มต้นด้วยการเดินทางที่ยาวนานคือเรื่องราวของชูก้า ผู้ที่เต็มไปด้วยทิฐิมานะและมองไปยังอนาคตเพื่อไขว่คว้ามันมาให้ได้

หลังการเข้ารับการผ่าตัดที่หัวไหล่ คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? คุณกําลังทํากายภาพบําบัดควบคู่ไปกับการทํางาน

Suga: ผมโอเคแล้วครับ ผมพยายามทํากายภาพบําบัดอยู่เสมอครับ ผมผ่าตัดมาเมื่อปีที่แล้ว เพราะผมอยากกลับมาทํางานให้เร็วขึ้น นอกจากดนตรีผมก็ไม่มีอะไรทําแล้วครับ

Weverse Magazine SUGA บทสัมภาษณ์ Pt.1 : ผมต้องการส่งข้อความที่บอกให้ทุกคนคอยมีความหวังให้จนถึงที่สุดครับ

Weverse Magazine SUGA

  • ในบทสัมภาษณ์ “BE-hind Story บน YouTube คุณเองก็ได้พูดไว้ด้วยเหมือนกันว่าไม่มีอะไรให้คุณทํานอกจากดนตรี

Suga: มันคือเรื่องจริงครับ ผมพยายามเล่นเกมแต่ผมไม่มีพรสวรรค์ด้านนั้นเลยครับ คนที่เล่นกับผมผ่านทางออนไลน์จะรู้สึกหงุดหงิดมากถ้าหากผมเล่นอ่ะครับ ผมหมายถึงว่า ผมทํางานอย่างหนักและได้รับการยอมรับในชีวิตของตัวเอง แต่ถึงกระนั้น ผู้คนก็ไม่วายที่จะวิจารณ์ผมอย่างรุนแรงในเกมอ่ะครับ (หัวเราะ)

  • ฉันสงสัยว่ามีเกมไหนไหม ที่คุณจะสามารถเล่นได้ดีไปกว่าการที่คุณทํางานในอาชีพการงานของคุณเอง ตอนนี้คุณได้อยู่ที่ 1 บน Billboard Hot 100 เป็นสัปดาห์ที่ 6 แล้ว [ด้วยเพลง Butter ในช่วงเวลาของการ สัมภาษณ์นี้] (หัวเราะ) ช่วงนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?

Suga: ตอนที่พวกเราอยู่ที่ 1 กันมา 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ผมก็แบบว่า ว้าว นี้มันน่าทึ่งมากเลยอ่ะ! แต่พอมาถึงสัปดาห์ที่ 5 สัปดาห์ที่ 6 พวกเราก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้ระหว่างกันอย่างจริงจัง: ผมไม่อยากเชื่อเลยครับ อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกว่าผมมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ/แบกรับ และคิดว่าตัวเองคงจะลงเอยด้วยการคิดมาก มากขึ้นอีกเยอะ เมื่อเราเตรียมพร้อมสําหรับการโปรโมตครั้งต่อไป แม้ว่าผมจะพยายามสนุกกับสถานการณ์นี้ แต่มันก็ยังไม่ซึมซับเข้าไปอ่ะครับ พวกเราไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ บวกกับปัญหาที่มากมายที่เกิดขึ้นกับโลกในขณะนี้ ซึ่งมีความสําคัญมากกว่าสถิติบนชาร์ตเพลงอย่างมากครับ

  • อย่างที่คุณกล่าวมา มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลําบากสําหรับคนทั่วโลก คุณรู้สึกอย่างไรกับการปล่อยเพลง “Permission to Dance ที่มาพร้อมกับข้อความเชิงบวก ณ เวลานี้?

Suga: มันดูเหมือนว่าทุกคนทั่วโลกจะเบื่อหน่ายกับสถานการณ์ที่ถูกยึดเยื้อออกไปเรื่อยๆ เลยครับ ผมต้องการส่งข้อความที่บอกให้ทุกคนคอยมีความหวังให้จนถึงที่สุดครับ ในขณะที่พวกเราปล่อยอัลบั้ม BE ท่ามกลางสถานการณ์นี้ไปโดยไร้ความความมั่นใจ/เชื่อมั่น ผมเชื่อว่าตอนนี้ทุกอย่างจะค่อย ๆ ดีขึ้นแล้วครับ ผมไม่รู้ว่าเราจะกลับไปสู่สภาพเดิมได้ไหม แต่ผมยังคงทํางานด้วยความหวังว่า พวกเราจะสามารถกลับไปสู่สถานการณ์ที่คล้ายกับที่เคยเป็นมาครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.2 : ผมมองว่าเมื่อคุณสูญเสียสิ่ง ๆ หนึ่งไป คุณจะได้รับอีกสิ่งหนึ่งมาครับ

Weverse Magazine SUGA

  • แล้วตัวคุณล่ะ รู้สึกเบื่อหน่ายกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อนี้ไหม?

Suga: ผมมองว่าเมื่อคุณสูญเสียสิ่ง ๆ หนึ่งไป คุณจะได้รับอีกสิ่งหนึ่งมาครับ ในที่สุดผมก็ได้ไปพบปะกับครอบครัวมากขึ้น เนื่องจากว่าผมอยู่เกาหลี [เป็นเวลานานขึ้น โดยไม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ] ในแง่นั้นผมรู้สึกอยู่ตัวขึ้น ดังนั้นผมจึงไม่เหนื่อยมาก ในขณะที่หวังว่าในแต่ละวันว่าทุกอย่างจะดีขึ้นในเร็ววันครับ ผมได้เดินทางไปมาระหว่างที่ทํางานกับที่บ้าน

และผมเริ่มไตร่ตรองถึงส่วนต่าง ๆ ในตัวเองที่ผมไม่เคยตระหนักมาก่อนครับ เช่นนั้น ผมรู้สึกสบายใจบ้างเมื่อผมได้เริ่มและเลิกงานในเวลาที่แน่นอนครับ ในขณะที่ผมเคยต้องเข้านอนในเวลาที่แน่นอน เพื่อตื่นไปทํางานในวันรุ่งขึ้น ไม่งั้นจะลุกได้ยาก ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมควรตื่นนอนเวลาไหน เพื่อที่ผมจะรู้สึกดีไปตลอดทั้งวันครับ สิ่งที่ผมใฝ่หาในชีวิตคือความมั่นคงทางอารมณ์ความรู้สึก และผมไม่คิดว่ามันจะมีอะไรที่น่าตื่นเต้นหรือนเศร้าเกิดขึ้นในปัจจุบันเลยครับ

  • อารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นมีผลกระทบต่อการทํางานเพลงของคุณอย่างไรบ้าง?

Suga: พวกมันก็ไม่ได้มีผลอะไรมากนักนะครับ ผมคิดว่ามันส่งผลต่อวิธีการเขียนเนื้อเพลงของผมเล็กน้อย แต่ในช่วงนี้ตัวผมเองไม่ได้เขียนอะไรเลยครับ ผมทําดนตรีมาเป็นเวลานาน ดังนั้นผมคิดว่ามันเป็นไปได้ที่ผมจะแสดงอารมณ์ที่ผมไม่ได้รู้สึกจริง ๆ ออกมาในตอนนี้ และมันเป็นเรื่องดีที่เราได้ปล่อย “Permission to Dance ในสถานการณ์แบบนี้ครับ

  • สําหรับในเพลง ‘Permission to Dance คุณร้องเพลงมากกว่าแรป นอกจากการแรปแล้ว คุณได้เริ่มร้องเพลงมากขึ้นทั้งก่อนและหลังอัลบั้ม BE คุณได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับเสียงของคุณ?

Suga: เพลง ‘Permission to Dance ค่อนข้างยากครับ ผมไม่ได้ปิดเส้นแบ่งระหว่างการร้องเพลงกับการแรปหรืออะไรนะครับ แต่มันแตกต่างไปจากสไตล์ปกติของพวกเรา และเสียงร้องก็ค่อนข้างสูงด้วย ดังนั้นถึงแม้จะใช้เวลาเตรียมตัวกันนานพอสมควร และผมเองก็ทํางานอย่างหนัก และถึงแม้ว่าผมจะไปขอคําแนะนําจากศิลปินรุ่นพี่ พวกเขาทุกคนก็ต่างพูดว่า “แบบที่นายทําอยู่หนะ มันดีอยู่แล้วนะ ไม่ต้องไปพยายามร้องเพลงให้ดีขึ้นมากหรอก – แค่ร้องเพลงให้มากขึ้นก็พอ” ผมคิดว่าทางเลือกเดียวของผมคือการร้องเพลงให้มากขึ้น ตามที่พวกเขาแนะนําครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.3 : ในฐานะโปรดิวเซอร์ ผมคิดว่ากระแส/การตอบรับมีความสําคัญต่อศิลปินที่ทํางานด้านดนตรีป๊อปครับ

Weverse Magazine SUGA

  • ด้วยสไตล์ที่ดําเนินต่อไปเรื่อย ๆ คุณได้ทําเพลงป๊อปที่ฟังดูนุ่มนวลขึ้น มีความแตกต่างอะไรที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้บ้างไหม?

Suga: เมื่อพิจารณาทุกอย่างดูแล้ว ภาษาอังกฤษเป็นส่วนที่ยากที่สุดครับ ผมตั้งใจฟังสําเนียงการออกเสียงในเพลง Butter กับเพลง Permission To Dance อย่างใกล้ชิด มันไม่ง่ายเลยที่จะจับความรู้สึกที่ราบเรียบที่อยู่ในเพลง

ดังนั้นผมเลยฝึกการออกเสียงของผมค่อนข้างบ่อย และผมก็ลงเอยด้วยการที่ผมหายใจเยอะมากเมื่อผมร้องเพลงภาษาอังกฤษ แต่เหตุนั้นท่อนแรปมันค่อนข้างยากครับ มันมีความแตกต่างจากเพลงเกาหลีอย่างชัดเจน เนื่องจากว่าภาษาอังกฤษมีหลายพยางค์ แต่ผมยังไม่มีวิธีใดที่จะยึดใช้ในการร้องได้ ดังนั้นผมเลยมักจะลองวิธีนั้น วิธีนี้ มากมายเลยครับ

  • คุณคิดอย่างไรกับความสําเร็จของ BTS ในช่วงปีที่ผ่านมากับเพลง ‘Permission to Dance’ และเพลง “Butter” รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงสไตล์ของกลุ่มด้วย? ในช่วงหนึ่งปี คุณได้ปล่อยเพลงในสไตล์ที่แตกต่างจาก “MAP OF THE SOUL 7” หรือ BE ด้วย

Suga: ในฐานะโปรดิวเซอร์ ผมคิดว่ากระแส/การตอบรับมีความสําคัญต่อศิลปินที่ทํางานด้านดนตรีป๊อปครับ ด้วยเหตุนี้ ในมุมของโปรดิวเซอร์ เพลง Dynamite, Butter และ Permission to Dance จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ บวกไปกับรสนิยมทางด้านดนตรีที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ และวัฒนธรรมที่ต่างกันด้วยครับ จากสถานการณ์ที่กล่าวมา ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งสําคัญที่พวกเราจะเป็นกลุ่มที่สามารถถ่ายทอดข้อความสากลเหล่านั้นออกไปสู้คนทั้งโลกได้ครับ

  • BTS ได้เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปมากจริง ๆ เริ่มมาจากเพลง No More Dream และเดินทางมาจนถึงเพลง ‘Permission to Dance’

Suga: ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่เป็นธรรมชาติสําหรับพวกเราที่ทําเพลงป๊อปครับ ในระหว่างการเติบโต เหล่าศิลปินก็จะคอยผสมผสานและจับคู่แนวเพลงที่แตกต่างกันออกไปอยู่เสมอ และดนตรีก็มีวิวัฒนาการที่มากขึ้นเมื่อผู้คน ณ เวลานั้นฟังครับ ช่วงนี้ผมได้ฟังเพลงมากมาย และต้องขอบคุณช่วงเวลาที่เราอาศัยอยู่ [กันในปัจจุบัน นี้] ถ้าหากผมฟังเพลง ๆ นึงสักสองสามครั้ง พวกเขาก็จะแนะนําเพลงอื่น ๆ ในสไตล์ที่คล้ายคลึงกันมาให้ผมฟัง

และหลังจากที่ได้ฟังพวกมันแล้ว ผมก็ได้ตระหนักว่าสไตล์เพลงฮิปฮอปเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน และถูกแยกออกเป็นประเภทต่าง ๆ และนอกจากฮิปฮอปแล้ว ผมยังฟังเพลงบรรเลงอีกมากมายเลยครับ ผมชอบเพลงของคุณ Hans Zimmer มาโดยตลอด มีหลายครั้งที่ภายพยนต์ที่ผมชื่นชอบ ก็มีการนําเพลงของคุณ Hans Zimmer มาใช้อ่ะครับ

  • อะไรในเพลงของคุณ Hans Zimmer ที่ดึงดูดคุณ?

Suga: ผมชื่นชอบดนตรีออร์เคสตรานะครับในปัจจุบันนี้ มีเพลงป๊อปมากมายที่มีความยาวต่ํากว่า 3 นาที และในขณะที่มันเหมือนกับการถูกกําหนดเอวไว้ล่วงหน้าแล้วว่าพวกเขาจะเขียนมันด้วยอินโทรที่มีความยาว 4 บาร์นะ [แต่] ดนตรีออร์เคสตราสามารถทําอะไรได้มากมายภายใต้เค้าโครงของมันครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.4 : ผมคือชูก้าวง BTS และผมคือ Agust D และเมื่อผมโปรดิวซ์ ผมจะเลือกใช้ ‘by SUGA’

Weverse Magazine SUGA

  • แต่อย่างที่เห็นในเพลง “Eight ของคุณ IU ซึ่งคุณทั้งคู่ได้โปรดิวซ์และฟิทกัน คุณได้ออกมาจากรูปแบบการแต่งเพลงทั่วไปของเพลงแนวป๊อป และพยายามใช้ลําดับของเสียงดนตรีที่ตามกันมาอย่างควบแน่นมาก องค์ประกอบของคอรัสนั้นตรงไปตรงมาอย่างมากเลย

Suga: ใช่แล้วล่ะครับ ผมยืนหยัดว่า flow [การไหลไปตามบีท] จะลดลงมาครึ่งหนึ่งจากเพลงทั่วไป และผมคาดว่าในอนาคต เพลงป๊อปจะเป็นแบบนั้นครับ และอาจจะสั้นลงอีกเมื่อเวลาผ่านไป ผมหมายถึงว่า ณ วันนี้ มันมีเพลงที่มีความยาวไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ําครับ

  • ไม่ว่ายังไง ฉันรู้สึกว่าคอรัสใน Eight” นั้นเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ด้วยตัวโครงสร้างและท่วงทํานองของคอรัส ฉันคิดว่าสเกลมันค่อนข้างยิ่งใหญ่เช่นกัน จะมองแบบนี้ได้ไหมว่าคุณกําลังพยายามผสมผสานรสนิยมของคุณ กับสิ่งที่คุณต้องการทําให้เข้ากับโครงสร้างของเพลงป๊อป?

Suga: อย่างที่คุณทราบ ผมชื่นชอบฮิปฮอป ดังนั้นเมื่อตอนที่ผมทําดนตรีแรกๆ ผมคิดแค่ว่าไม่ว่าจะยังไงมันก็ต้องเป็นฮิปฮอป และผมจะต้องภาคภูมิใจในความคิดของตัวเองเสมอ และจะไม่มีการประนีประนอมใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ในขณะที่ได้รับประสบการณ์ในระดับแนวหน้าของดนตรีป๊อป ผมคิดว่าคุณสามารถดื้อดึงหรือไม่มีความยืดหยุ่นได้ เพราะยังไงก็จะมีคนที่รับฟังคุณอยู่อ่ะครับ

มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ผมทําเพลงโดยที่ไม่มีผู้ฟัง ก่อนที่ผมจะมาเป็นเมมเบอร์ของวง BTS ครับ แต่ถ้าหากมีคนถามว่าผมเลิกดื้อดึงเกี่ยวกับเพลงที่ทําอยู่ในตอนนี้ไหม คําตอบก็คือไม่ครับ ในขณะที่ผมเติบโตขึ้นและกลายเป็นผู้ใหญ่ ผมก็ได้มาตระหนักว่าผมต้องจัดการกับสิ่งที่ผมต้องการทํา กับประเภทของจากสาธารณชนต้องการ โดยไม่ประนีประนอมอะไรเลยครับ เมื่อผมล้มเลิกกับอะไรบางอย่างที่ผมอยากทํา ผมจะย้อนกลับมาถามตัวเองว่า ผมจะได้อะไรจากสิ่งนี้ และในทางกลับกัน เมื่อผมต้องการทําอะไรสักอย่าง ผมมักจะถามตัวเองว่า ผมจะได้อะไรจากสิ่งนี้นั่นเป็นวิธีที่ผมรักษาสมดุลของผม เพื่อมาสู่จุดนี้ที่ผมอยู่ในตอนนี้ครับ

  • คุณไม่มีทางเลือกนอกจากต้องคิดถึงสิ่งเหล่านั้นเมื่อคุณลงมือทําเพลงของศิลปินท่านอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวคุณเองเป็นโปรดิวเซอร์

Suga: ผมคือชูก้าวง BTS และผมคือ Agust D และเมื่อผมโปรดิวซ์ ผมจะเลือกใช้ ‘by SUGA’ แต่เมื่อพูดถึง ‘by SUGA’ ผมจะทําเพลงเชิงพาณิชย์ได้อย่างอย่างสมบูรณ์แบบโดยสิ้นเชิงครับ ผมเป็นโปรดิวเซอร์ของบทเพลงเหล่านั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่เจ้าของเป็นคนอื่น คุณก็ทราบใช้ไหมล่ะครับ? ในกรณีนี้ พวกเขากําลังจ้างงานผม แต่พวกเขาคงไม่คิดที่จะทิ้งทุกอย่างไว้กับชูก้าหรอกครับ

ทางค่ายเพลงของศิลปินต้องคิดให้รอบคอบ ว่าจะจ้างผมโปรดิวซ์รึเปล่า และพิจารณาถึงสถานการณ์ของผมด้วย และคนเหล่านั้นต้องหวังอะไรในเชิงพาณิชย์เป็นแน่ นั้นคือส่วนที่สําคัญที่สุดในการทํางานร่วมกับบุคคลภายนอกครับ อันที่จริง งานแบบนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับผมมากนักหรอกครับ อ้อ เขาเขียนเพลงแบบนี้ได้ด้วยก็เท่านั้น สิ่งที่ผมจะได้รับที่มีค่ามากกว่า คือการได้รับการยอมรับและสถิติที่ศิลปินหรือตัวค่ายจะได้รับจากผลงานเพลงมากกว่าครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.5 : มันแตกต่างไปจากเดิมเพราะมันคือ Grammys ครับ

รูปภาพ

  • ดังที่คุณได้กล่าวเอาไว้ในการสัมภาษณ์กับทาง Weverse Magazine ครั้งที่แล้ว เมื่อคุณพูดถึง “ความสนใจในวงการเพลงในสหรัฐอเมริกา” ของคุณ ดูเหมือนว่าคุณจะคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ศิลปินสามารถทําได้ภายในโครงสร้างของวงการเพลงอยู่ตลอดเวลาเลยนะ

Suga: ผมไม่รู้สิครับ มันก็แค่ตั้งแต่เริ่มมีการระบาดครั้งใหญ่นี้ ผมก็มั่นใจมากขึ้นว่าผมเป็นคนประเภทที่ต้องทําเพลงอยู่เสมอ เรื่องนั้นผมตระหนักอย่างแน่นอน ผมเลยอยากทําเพลงดี ๆ ต่อไปครับ และตลาดเพลงป๊อปก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมีผู้คนที่ฟัง และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในตลาดเพลงในสหรัฐฯ และมีชาร์ตเพลงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ผมก็เลยคิดว่าพวกเขาก็คงจะก้าวผ่านสิ่งต่าง ๆ ในรูปแบบเดียวกันกับที่เราเผชิญมาไม่ใช่หรอกเหรอ?

และเอาเข้าจริงแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมได้พดคุยกับศิลปินป๊อปสตาร์ท่านอื่น ๆ สถานการณ์ของพวกเราจะคล้ายกันเสมอครับ ทางฝั่งสหรัฐ ฯ เองยังให้ผลลัพธ์ทางการค้าที่สมจริงกว่าประเทศอื่น ๆ ด้วยครับ ผมต้องการเห็นภาพที่ชัดเจนว่าคนเหล่านั้นทํางานกันอย่างไรอ่ะครับ ตอนนี้การแพร่กระจายของเพลงป๊อปเกาหลีกําลังอยู่ในช่วงที่ดําเนินไปอย่างแข็งขันเต็มที่ที่สุด และพวกเราต้องการให้มีศิลปินที่ดีเพิ่มขึ้นมามากว่านี้ครับ จากมุมมองของโปรดิวเซอร์ หากสิ่งนี้เกิดขึ้น ผมคิดว่ากุญแจสําคัญคือพวกเราจะผสมผสานดนตรีของเรา ให้เข้ากับลักษณะเฉพาะของอุตสาหกรรมเพลงในต่างประเทศโดยรวมได้ดีเพียงใดครับ

  • รู้สึกอย่างไรที่ได้เข้าร่วมงานประกาศรางวัล Grammys ที่เป็นหนึ่งในไอคอนของวงการเพลงในสหรัฐอเมริกา?

Suga: ความรู้สึกมันไม่ได้เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดเพราะพวกเราไม่สามารถไปอยู่ตรงนั้นได้ด้วยตัวเอง และมันก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากด้วยครับ แต่การแสดงทําให้ผมคิด ว่านี้มันแตกต่างไปจากเดิมเพราะมันคือ Grammys ครับ สิ่งที่เปลี่ยนมุมมองของผมตั้งแต่ครั้งแรกที่ตัวผมได้ไปร่วมงานประกาศรางวัลเพลงของฝั่งอเมริกาคือ ครั้งแรกที่ผมไป ผมเกรงกลัวตลาดเพลงที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอย่างมาก แต่เมื่อผมได้มองย้อนกลับไปผมคิดว่ามันไม่มีเหตุผลใดเลย ที่จะต้องรู้สึกว่าถูกข่มขู่ รู้สึกกลัว พูดตามตรง ผมเพิ่งจะมาเริ่มเพลิดเพลินกับงานประกาศรางวัลเองครับ เมื่อก่อนผมไม่สามารถเพลิดเพลินได้เลยครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.6 : สิ่งที่ดีเยี่ยมเกี่ยวกับค่ายเพลงที่ผมอยู่คือพวกเขารับฟังความคิดเห็นของศิลปินครับ

รูปภาพ

  • มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าในฐานะศิลปินในวงการเพลง คุณประสบความสําเร็จมาเกือบทุกอย่างแล้ว คุณคิดว่าขั้นตอนใดที่จําเป็นสําหรับศิลปินที่เจริญรอยตาม BTS?

Suga: วิธีการทํางานของศิลปินเป็นอะไรที่ดูยาก/ซับซ้อนไปหมดเลยครับ พวกเขาไปปรากฏตัวตามรายการเพลงต่าง ๆ กันแทบจะทุกวันเมื่อช่วงการโปรโมตเริ่มต้นขึ้น ซึ่งหมายความว่าศิลปินต้องเผชิญกับความอ่อนล้ากันอย่างมาก และความเหนื่อยล้ามักส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ รายการเพลงประเภทนี้ มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการโปรโมท ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าศิลปินจะได้รับรายได้ที่เหมาะสมจากพวกเขาเลยนะครับ

ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะมีการโปรโมทต่าง ๆ มันก็ไม่มีผลลัพธ์ที่สามารถจับต้องเห็นได้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงสูญเสียขวัญกําลังใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ถ้าหากเป็นไปได้ มันคงจะดีถ้าจะมีการแสดงที่มีคุณภาพสูงจริง ๆ สักหนึ่งโชว์ แม้ว่าจะเป็นแค่การแสดงเดียว แต่ในสภาพแวดล้อมนี้ผมว่ามันค่อนข้างยากครับ เนื่องจากว่างานของพวกเราไม่ได้เหมาะกับแนวความคิดทั่วไปในแง่ของการทํางาน จึงมีขอบเขตที่พูดถึงประเด็นการคุ้มครองทางกฎหมายเช่นกันครับ พวกเราต้องการการปรับเปลี่ยน/ปรับปรุงอย่างมหาศาลในอุตสาหกรรมและตัวระบบของมันครับ

  • พวกเขาต้องการหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อนํามาเป็นหลักประกันของความสําเร็จ แต่ความสําเร็จนั้นยากมากที่จะบรรลุ

Suga: สิ่งที่ดีเยี่ยมเกี่ยวกับค่ายเพลงที่ผมอยู่คือพวกเขารับฟังความคิดเห็นของศิลปินครับ ผมคิดว่าทั้งตัวพวกเราและทางค่ายตระหนักในระดับนึงว่ากิจกรรมประเภทไหนที่เหมาะสมที่สุดในเชิงพาณิชย์ แต่คําถามคือร่างกายจะรับไหวไหม หากความเหนื่อยล้ามันเพิ่มพูนขึ้นในขณะที่คุณกําลังทํากิจกรรมการโปรโมทเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง มันก็ยากที่จะทําแบบที่คุณเคยทําตอนที่คุณเพิ่งเดบิวต์ออกมาแรก ๆ ครับ ในกรณีนั้น ผมคิดว่าทางค่ายควรที่จะสนับสนุนความคิดเห็นของศิลปิน, เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทําได้และทําไม่ได้นะครับ

ไอพวกทัศนคติที่แบบว่า โอ้ พวกเราสร้างพวกเธอมานะเด็ก ๆ และตราบใดที่เธอทําในสิ่งที่พวกเราบอกให้ทําทุกอย่างมันจะออกมาดีเอง ดังนั้นแค่ทํา ๆ มันไปก็เท่านั้นแหละ ผมคิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลจริงเอาซะเลยครับ แน่นอนว่ายังมีสถานการณ์ที่ค่ายต้องเร่งเร้าแบบนั้น แต่ผมได้ยินมาว่ามีหลายครั้งที่ค่ายเพลงจะบอกให้ทํา ๆ มันไปเหอะ โดยที่ไม่มีคําอธิบายใด ๆ ให้กับตัวศิลปินเลย หรือแบบว่า ทําไมถึงพูดมากขนาดนี้นะ? ผมคิดว่านั่นคือปัญหาที่ใหญ่ที่สุด และเป็นการทําลายอุตสาหกรรมครับ ถ้าหากคุณมองศิลปินเป็นเพียงสินค้า พวกเขาจะสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไรกันล่ะครับ? ผมคิดว่ามันขัดแย้งกันมากที่จะขอให้ผู้คนบนเวที ขึ้นไปแสดงการแสดงที่สนุกสนาน เมื่อพวกเขาเองก็ไม่ได้กําลังรู้สึกถึงความสนุก หรือความบันเทิงเลยอ่ะครับ

บทสัมภาษณ์ Pt.7 : นอกจากดนตีกับ BTS เมื่อมองไปที่มินยุนกิที่มีอายุ 28 ปีคนนี้ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับตัวผมที่พิเศษเลย

Weverse Magazine SUGA

  • นั่นทําให้ฉันนึกถึงมิวสิกวิดีโอเพลง Daechwta เลยล่ะ คุณปรากฏตัวขึ้นบนหน้าจอโดยการสวมบทบาท กับการเป็นทั้งกบฎและพระราชา ดูแตกต่างไปตามสถานการณ์ของคุณเมื่อตอนที่คุณเพิ่งเดบิวต์กับ BTS ในตอนแรกกับสถานการณ์ของคุณในตอนนี้เลย

Suga: มีหลายอย่างที่ผมต้องการจะทําใน Daechwita ครับ ไม่ใช่แคในด้านของดนตรี แต่ยังรวมไปถึงด้านของวิชวลด้วย และความคิดมากมายก็เข้ามาหาผมในขณะที่ผมกําลังสะท้อนดูตัวเองว่าผมเป็นใครในขณะที่ทํามิวสิกวิดีโอครับ มันเป็นเรื่องปกติสําหรับผมในการแยก SUGA, by SUGA และ Agust D ออกจากกันครับ คาแรกเตอร์ที่ไม่ใช่กษัตริย์ที่ผมเล่นในวิดีโอนั้น เป็นคนแปลกหน้าครับ มันเกิดขึ้นในยุคโชซอนแต่ก็มีรถยนต์ และปืน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีในยุคนั้น ผมคิดว่าพวกเราได้ใช้ชีวิตของเรามาแบบนั้นครับ ตั้งแต่การเดบิวต์ของพวกเรา กลุ่มคนที่รักในเพลงฮิปฮอปส่วนหนึ่งได้มาวิจารณ์เราว่า พวกเขาคือไอดอล

แต่ในขณะเดียวกัน พวกเราก็ได้ยินกันมาอีกว่า พวกเขาไม่ใช้ไอดอล ผมไม่รู้ว่าจะต้องเดินตามเสียงไหน ผมจึงคิดว่านั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมแต่ละอัลบั้มของเรามีทิศทางที่ต่างไปจากที่ผู้คนคาดหวังเอาไว้ครับ แต่ผมว่าผมไม่สามารถคิดว่าสถานการณ์นี้ มันเป็นเรื่องไกลตัวผมอีกต่อไปแล้วล่ะครับ

ดังนั้นในช่วงนี้เป้าหมายหลักขอผมคือการอยู่กับ BTS ต่อไปนาน ๆ การที่มีผู้ชมมากมายมาคอนเสิร์ตของพวกเรานั้น มันก็เป็นเรื่องดีนะครับ แต่ผมคิดว่าเป้าหมายสําหรับพวกเรา ทุกคนคือการทําให้แน่ใจว่าแม้อายุจะเพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่ ตัววงก็จะสามารถทําดนตรีร่วมกันต่อไปได้ครับ ผมคิดว่าตอนนี้พวกเรากําลังคิคหาวิธีที่เราจะสนุกและมีความสุขกันบนเวทีกันมากขึ้นครับ

  • เมื่อคุณพูดว่าเพลงที่สนุกสนานและมีความสุข คุณหมายถึงอะไรกัน?

Suga: ผมคิดว่าผู้คนจะคนมีความสุขกันมากขึ้นเมื่อผมยุ่งขึ้น (มีงานเยอะขึ้น) ดังนั้นช่วงนี้ผมเลยคิดว่าผมต้องโฟกัสให้มากกว่านี้หน่อยครับ ผมคิดว่าพวกเราควรทําให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทําได้เพื่ออาร์มี่ในเมื่อพวกเขามี ความสุขที่ได้เฝ้าดูเราอ่ะครับ พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่ต่อไป ดังนั้นผมหวังว่าพวกเขาจะเชื่อใน BTS และคอยจับตาดูเราต่อไปเรื่อย ๆ ครับ

  • นั่นคงเป็นเหตุผลที่คุณทําดนตรีสินะ

Suga: นี้เป็นสิ่งเดียวที่ผมรู้ซึ้งถึงวิธีการทํามันจริง ๆ ครับ นอกจากดนตีกับ BTS เมื่อมองไปที่มินยุนกิที่มีอายุ 28 ปีคนนี้ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับตัวผมที่พิเศษเลยครับ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องการทําสิ่งนี้ (ดนตรี) ต่อไปครับ

บทความเกี่ยวกับ BTS อื่นๆ >>>>> Weverse Magazine JHOPE

เว็บไซต์อื่นๆน่าสนใจ >>>>> เว็บดูบอลสดฟรี

>>>>> แทงบอล